“นภินทร“ หนุน ASEAN BAC ไทย ขับเคลื่อนการค้าดิจิทัล ยกระดับอาเซียนรับการค้ารูปแบบใหม่ ย้ำ

“นภินทร“ หนุน ASEAN BAC ไทย ขับเคลื่อนการค้าดิจิทัล ยกระดับอาเซียนรับการค้ารูปแบบใหม่ ย้ำ MSMEs ต้องเข้าถึง ตลาด-เงินทุน-เทคโนโลยี ในเวทีความร่วมมือรัฐ-เอกชน ASEAN BAC เพื่อลดความเหลื่อล้ำและสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการ MSMEs ในอาเซียนอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2567 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าร่วมการหารือของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ASEAN BAC ก่อนมีการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน AEM Retreat ณ แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว

นายนภินทร กล่าวว่า “ขอขอบคุณสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียนที่จัดทำโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคโดยเฉพาะได้ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในประเด็นการพัฒนาภูมิภาคผ่านระเบียงโลจิสติกส์ของอาเซียนและการแสวงหาตลาดใหม่ตลอดจนโครงการสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงการค้าดิจิทัลในระดับภูมิภาคซึ่งจะช่วยยกระดับการค้าของอาเซียนและมาตรฐาน กฎระเบียบให้สอดรับกับรูปแบบการค้าใหม่อีกทั้งการนำเสนอประเด็นขับเคลื่อนของภาคเอกชนในปีนี้ที่เน้นการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล การเข้าถึงพลังงานสะอาดการอำนวยความสะดวกทางการค้า และความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งสอดคล้องกับประเด็นผลักดันเศรษฐกิจของอาเซียน ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจภายในภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อและเป็นประโยชน์ต่อภาคเอกชนในภาพรวม และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่ออุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มศักยภาพในการปรับตัวของอาเซียน และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาค”

“ท้ายนี้ ไทยขอเน้นย้ำ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของ MSMEs ให้เข้าถึงตลาด เงินทุน และเทคโนโลยีเพื่อยกระดับความสามารถทางการแข่งขันสู่การค้าสมัยใหม่ ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการ MSMEsในอาเซียนอย่างยั่งยืน” นายนภินทร กล่าวทิ้งท้าย

โดยในปีนี้ 2024 ASEAN-BAC ของ สปป.ลาว ได้เสนอประเด็นที่ผลักดันในปี 2024 โดยมุ่งเน้นดำเนินการภายใต้ประเด็นหลัก (Priorities) 6 ประเด็น ซึ่งประกอบด้วย

1. การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อขยายการเติบโตของอาเซียน ยกระดับ MSMEs และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี

2. การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน และเงินทุนอย่างเท่าเทียม เพื่อนำไปสู่การบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของภูมิภาค

3. ความยืดหยุ่นทางด้านสาธารณสุข (Health Resilience) ให้ความสำคัญกับประเด็นที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุข อาทิ การวิจัยและพัฒนา (R&D) และการลดความเสี่ยงของภาคเอกชนในการลงทุนด้านสาธารณสุข

4. ความมั่นคงอาหาร (Food Security) ส่งเสริมการผลิตที่ยั่งยืนและพัฒนากลไกเพื่อสร้างระบบอาหารที่ยั่งยืน

5. การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Facilitation) ลดอุปสรรคทางการค้าเพื่อส่งเสริมการค้าภายในภูมิภาค สร้างความสมดุลทางการค้ากับแต่ละประเทศคู่ค้า รวมถึงยกระดับความตกลง FTA กับคู่เจรจาที่มีอยู่

6. ความเชื่อมโยงและห่วงโซ่อุปทาน (Connectivity and Supply Chain) – ซึ่งจะมุ่งเน้นสร้างความเชื่อมโยงของประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล



นอกจากนี้ ASEAN-BAC ได้มีข้อเสนอแนะเพื่อแก้ปัญหาด้านการเชื่อมโยงและห่วงโซ่อุปทาน (Connectivity and Supply Chain) ได้แก่ (๑) การกระชับความร่วมมือระหว่างโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI)” กับ ASEAN เพื่อพัฒนาความเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์ร่วมกัน (๒) การสร้างความร่วมมือระหว่างแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงของอาเซียน กับโครงการ Connecting Europe Facility (CEF) ของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นโครงการด้านการขนส่ง ดิจิทัล และพลังงาน และ (๓) การส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) ซึ่งเชื่อมโยงเวียดนาม ลาว ไทย และเมียนมา รวมถึงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor) ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างสิงคโปร์ มาเลเซีย และกัมพูชา

โดยไทยพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินการของ ASEAN BAC โดยเฉพาะโครงการต่อเนื่องจากปีที่ไทยเป็นเจ้าภาพ คือ โครงการ Digital Trade Transformation and Connectivity ซึ่งเน้นการปรับเปลี่ยนสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล โดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า การเชื่อมโยงมาตรฐานและกฎระเบียบด้านการค้าดิจิทัลในภูมิภาค และการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับ MSMEs เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตของภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

”ภูมิธรรม“ ประกาศสุดยอดข้าวหอมมะลิ และข้าวสารไทยแห่งปี หนุนเกษตรกรและโรงสีรักษาคุณภาพขั้นสูง ขยายตลาดทั่วโลก

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 (ครั้งที่ 41) และรางวัลการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้ (24 เมษายน 2567)

'ชัย' ฟุ้งแค่ไตรมาสแรกต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้าน!

โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ชื่นชมผลจากความสำเร็จรัฐบาล ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่งเสริมโอกาสการประกอบอาชีพ เพิ่มรายได้ให้คนไทย

พาณิชย์ตรวจเข้ม จับตาผู้ประกอบการรับซื้อข้าวเปลือกอย่างใกล้ชิด

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามที่อธิบดีได้สั่งการให้ตรวจเข้มการรับซื้อสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย

ต่างชาติขนเงินลงทุนในไทย 3.5 หมื่นล้าน ญี่ปุ่นยังเป็นอันดับ 1

พาณิชย์โชว์ไตรมาสแรกปี 2567 ต่างชาติลงทุนในไทย 35,902 ล้านบาท ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 19,006 ล้านบาท ตามด้วย สิงคโปร์ 3,294 ล้านบาท และฝรั่งเศส 3,236 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 849 คน

พาณิชย์ แนะผู้ส่งออกศึกษา 5 เทรนด์บริโภคชาวจีนปี 67 ก่อนวางแผนผลิตสินค้าไปขาย

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผย 5 เทรนด์การบริโภคของชาวจีนที่มาแรงในปี 67 เน้นใช้จ่ายอย่างฉลาด สุขนิยมเติมอารมณ์ฟิน แพงได้แต่อย่าแพงเกิน คอมเมิร์ซสตรีมมิ่งพลิกโฉมช่องทางธุรกิจ เศรษฐกิจระดับอำเภอเติบโตขึ้น แนะผู้ส่งออกไทยศึกษา และวางแผนในการผลิตสินค้าและบริการไปขาย