ต้องปฏิวัติการศึกษา ทันที ! "มุกดาวรรณ" ชำแหละ เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว เรียนจบไม่ตรงสายงาน เกิดความเหลื่อมล้ำ

วันที่ 20 มิถุนายน 2567 นางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคภูมิใจไทย อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณปี 2568 โดยนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการศึกษาไทย ที่เป็นรากฐานในการพัฒนาคน หนึ่งในปัญหานั้นก็คือเด็กจบการศึกษาไม่ตรงสายงานทำให้เป็นปัญหาต่ออนาคตที่สายเกินจะแก้ไข ทำให้เป็นอุปสรรคเพราะขาดทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นที่มีทักษะมากกว่า จึงเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการทำงาน เรียกร้องระดับนโยบายให้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ที่มีหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นสร้างการศึกษาทั้งระบบ ปรับมาตรฐานการศึกษาและหลักสูตร เน้นการผลิตบุคลากรที่มีทักษะตรงกับสายงาน จัดตั้งหน่วยงานกลางรวบรวมข้อมูลความต้องการตลาดแรงงาน เพิ่มอัตราผู้สอน และสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ต้องตัดสินใจทําทันที

"วันนี้เราต้องมาปฏิวัติการศึกษาไทยทําให้เกิดขึ้นได้ทันทีและเป็นจริง เพราะวันนี้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดิฉันเห็นว่าควรปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการโครงสร้างด้านการศึกษาทั้งระบบ และขอสนับสนุนร่างงบประมาณนี้ทั้งฉบับ เพื่อสนับสนุนให้มีการปฏิรูปและปฏิวัติการศึกษาไทยอย่างจริงจัง พัฒนาการศึกษาไทยทั้งระบบ เริ่มต้นการพัฒนาประเทศด้วยการศึกษา" นางมุกดาวรรณ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' มองเลือกตั้งซ่อมเมืองคอน แข่งขันกันปกติ ไม่ใช่เรื่องขัดแย้งพรรคร่วม

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์

'เท้ง' ชี้กาสิโนจะเดินหน้าได้ ต้องชัดเจนเรื่องมาตรการป้องกันฟอกเงิน-ทุจริต

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่วุฒิสภาตั้งคณะทำงานศึกษาเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)

ถอดรหัส'สามก๊ก' 'แดง-ส้ม-น้ำเงิน'

ในกระดานการเมืองไทยที่ตอนนี้กูรูการเมืองฟันธงตรงกันว่า เหลือแค่ “สามก๊ก” จากสามค่ายสี ส้ม แดง และน้ำเงิน ที่มีอุดมการณ์และแนวทางทำการเมืองที่แตกต่างกัน เพื่อเจาะฐานเสียงให้แก่ตัวเอง

จังหวะรุก‘ภูมิใจไทย’ 17ปี‘พรรคสีน้ำเงิน’

ในเวลานี้อาจกล่าวได้ว่า “พรรคภูมิใจไทย” พลังและอำนาจทางการเมือง สามารถขึ้นมาเบียดและถ่วงดุลกับแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคเพื่อไทยได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ