
น.ส.นิรมล ราศรี ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ได้สานพลังภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างการมีวิถีชีวิตสุขภาวะที่ดีตั้งแต่วัยแรกเกิดไปถึงวัยสูงอายุ โดยเฉพาะการส่งเสริมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพื่อให้เด็กได้รับอาหารมื้อแรกของชีวิตที่มีคุณค่าทั้งสารอาหารและภูมิคุ้มกัน โดยแนะนำให้นมแม่ล้วนกับเด็กทารกแรกเกิดต่อเนื่องไปจนถึง 6 เดือน และสามารถให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยไปจนถึงอายุ 2 ปี พร้อมทั้งการเลี้ยงดูให้มีพัฒนาการที่มีคุณภาพ เพื่อสร้างรากฐานการพัฒนาเด็กให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง เจริญเติบโตสมวัยได้เต็มตามศักยภาพ และยังส่งผลดีต่อสุขภาพคุณแม่ รวมทั้งช่วยสร้างสายสัมพันธ์อันดีระหว่างแม่และลูก จากรายงานการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในไทย ปี 2565 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย พบอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 6 เดือนแรกยังคงได้เพียง 28.6% ซึ่งน้อยกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 50% ขึ้นไป
“เนื่องในวันแม่แห่งชาติ สสส. และภาคีเครือข่าย จึงได้ร่วมกันสื่อสารเผยแพร่องค์ความรู้ที่ถูกต้องสู่สาธารณะ โดยเน้นสื่อสารเรื่องคุณประโยชน์ของนมแม่ ซึ่งมีสารอาหารสำคัญที่ช่วยสร้างการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของสมองและร่างกาย เด็กที่ได้กินนมแม่ยังได้รับภูมิคุ้มกัน ลดการเจ็บป่วย ช่วยสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง จึงขอเชิญชวนให้คุณแม่มาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังแนะนำให้คุณแม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์เพื่อให้มีสารอาหารจำเป็นต่อร่างกายครบถ้วน ไปพบแพทย์เพื่อฝากครรภ์ตามเกณฑ์ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการเคลื่อนไหวร่างกายให้เหมาะสมเพื่อการมีสุขภาพดีในวิถีชีวิตพร้อมลูกในครรภ์ไปด้วยกัน” น.ส.นิรมล กล่าว

พญ.ศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า มูลนิธิร่วมรณรงค์การส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สนับสนุนการกินนมแม่ล้วน 6 เดือนแรก ไม่ต้องเสริมน้ำ ช่วยสร้างคุณภาพเด็กไทย สอดคล้องคำขวัญสัปดาห์นมแม่โลกในปี 2567 โดยองค์กรพันธมิตรโลกเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ (World Alliance for Breastfeeding Actions : WABA) ว่า “Closing the Gap : Breastfeeding Support for All” หรือ “ปิดช่องว่าง สร้างสังคมนมแม่ถ้วนหน้า” ที่มุ่งให้ประชาคมโลกช่วยกันปิดช่องว่าง สนับสนุนให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและสังคมไทยที่พ่อและแม่ต้องทำงานนอกบ้านหรือไกลบ้าน วันลาคลอดที่ไม่เพียงพอ ระบบการช่วยเหลือแม่ให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ทั้งขณะอยู่โรงพยาบาลและเมื่อกลับบ้าน ถือเป็นช่องว่างที่ทำให้แม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จ

“อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน เป็นตัวชี้วัดด้านโภชนาการระดับโลกที่สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ซึ่งทารกจะได้รับอาหารและการเลี้ยงดูที่เหมาะสมที่สุดในระยะวัยบอบบางที่สมองเติบโตรวดเร็ว เป็นการสร้างรากฐานสุขภาวะและคุณภาพชีวิต จึงควรเร่งรณรงค์ส่งต่อองค์ความรู้ที่ถูกต้อง สนับสนุนเด็กไทยได้รับนมแม่ล้วน 6 เดือนแรก ไม่ต้องเสริมน้ำ ช่วยลูกได้ดูดนมแม่อย่างถูกวิธี และแม่มีน้ำนมให้ลูกได้ก่อนกลับบ้าน พบผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอปรึกษาเรื่องนมแม่ได้ง่าย ที่ทำงานมีมุมนมแม่และหรือเดย์แคร์นมแม่” พญ.ศิริพร กล่าว

ศ.คลินิก พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร ประธานสื่อสารมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลอดเดือน ส.ค. นี้ ได้พัฒนาช่องทางการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องในรูปแบบ Mini talk โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล นักวิชาการ และแม่อาสา มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ Live ผ่าน Tiktok การแพทย์แปดนาที ทุกวันจันทร์และวันพุธ ในเวลา 19.30 น. เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น หมอชวน-นมแม่ล้วน 6 เดือนแรกไม่ต้องเสริมน้ำ น้ำนมไม่ไหล 2 วันแรกหลังคลอดไปต่อไม่ได้ นมแม่ล้วน 6 เดือนต้องตื่นบ่อย มุ่งสร้างสังคมนมแม่ถ้วนหน้า และสามารถรับชมสื่อความรู้ย้อนหลังและค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สสส. ผนึกกำลัง 10 หน่วยงาน 100 ภาคี เตรียมจัดงานThailand National PM 2.5 Forum #2 เปลี่ยนระบบ เชื่อมข้อมูล ขับเคลื่อนอากาศสะอาด
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเตรียมความพร้อมการประชุมระดับชาติ เรื่อง มลพิษทางอากาศ PM2.5 ครั้งที่ 2 (Thailand National PM2.5 Forum #2)
“เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ 1 ปีบัสนร.ไฟไหม้
กิจกรรม “เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนนแก่เด็กนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อยกระดับมาตรฐาน “รถรับส่ง-คนขับ” สร้างการเรียนรู้ ป้องกันเหตุซ้ำรอย
“พลังรัก–ศรัทธา"ร่วมวางรากฐานใหม่ สู่ประเทศไทยปลอดภัยจากยาเสพติด
ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นบาดแผลเรื้อรังของสังคมไทยมานานนับทศวรรษ และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และความเสี่ยงรอบด้าน
“12.12 สายชอปปิ้งต้องระวัง” สสส.-ม.อ. เปิดเวทีสะท้อนปัญหา “ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย” ในไทย เผยผลตรวจสอบผลิตภัณฑ์ไร้คุณภาพผ่านแพลตฟอร์ม “TaWai for Health”
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. 2568 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์
83% คนไทยเหงา! สังคมโดดเดี่ยวพุ่งสูง ขับเคลื่อนเปลี่ยนประเทศด้วยพลังการรับฟัง
ในวันที่สังคมไทยเชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีเกือบตลอด 24 ชั่วโมง กลับเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึก “เหงา” มากที่สุดในชีวิต

