สสส. สานพลัง มูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ ผนึกกำลัง 17 หน่วยงาน ชวนทำบุญวิถีใหม่ เวียนเทียนต้นไม้ ลดฝุ่น PM2.5 งดจุดธูป-เทียน ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตลอดปี 68

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 16 ม.ค. 2568 ที่ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ และภาคีเครือข่าย 17 หน่วยงาน     ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการทำบุญวิถีใหม่ เวียนเทียนด้วยต้นไม้ ลดฝุ่น ส่งเสริมการทำบุญวิถีใหม่ที่บูรณาการการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดฝุ่น PM2.5 และสร้างพื้นที่สีเขียว เพื่อสร้างสุขภาวะที่ยั่งยืนให้กับสังคม ตามแนวทางพระพุทธศาสนาและการอนุรักษ์ธรรมชาติ

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มลพิษอากาศ เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก และเป็น 1 ใน 5 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อ NCDs และเป็นปัจจัยเสี่ยงก่อโรคมะเร็ง ทั้งยังทำให้อายุเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี โดยสถานการณ์มลพิษอากาศของประเทศไทยเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง และภาคเหนือ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ 38 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้ป่วยโรคหอบหืด ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง และเด็กเล็ก รวม 15 ล้านคน

“โครงการทำบุญวิถีใหม่ เวียนเทียนด้วยต้นไม้ ลดฝุ่น เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตฝุ่นควัน PM2.5 โดยการรณรงค์ให้งดจุดธูปเทียนที่สร้างมลพิษในทุกวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาตลอดปี 2568 โดยเฉพาะ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา ที่มีการเวียนเทียน และนำต้นกล้าไปปลูกในชุมชน วัด และพื้นที่สาธารณะ เพราะแค่ 1 ใน 4 ของวัดทั่วประเทศ ที่จัดกิจกรรมเวียนเทียนด้วยต้นไม้ ปีละ3 วัน ก็จะทำให้มีการปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้นปีละไม่ต่ำกว่า 3 ล้านต้น ดังนั้น การสร้างพื้นที่สีเขียวสร้างป่า จึงมีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้ สอดคล้องกับการแก้ไขและลดมลพิษในอากาศที่ สสส. ดำเนินงานอยู่ เพื่อคืนลมหายใจสะอาดให้กับประชาชน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค NCDs และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ดี ต่อสุขภาพกาย จิตใจ ปัญญา และสังคม ของประชาชนทั่วประเทศ” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

นายธวัชชัย โตสิตระกูล ผู้อำนวยการมูลนิธิปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ กล่าวว่า พระพุทธศาสนามีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในเรื่องของการทำบุญ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของคนไทย หากวัดและพระสงฆ์สามารถมีบทบาทในการส่งเสริมค่านิยมใหม่ ให้มีการทำบุญด้วยการปลูกต้นไม้ เพื่อส่งเสริมการรักษาสิ่งแวดล้อมให้เป็นประโยชน์ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการเวียนเทียนด้วยต้นไม้ คือ การได้นำกล้าไม้ที่ใช้ในการเวียนเทียนไปปลูกต่อ ซึ่งผู้เวียนเทียนสามารถนำต้นไม้มาจากบ้าน หรือมารับในงานได้ เมื่อเวียนเทียนเสร็จก็สามารถนำกลับไปปลูกที่บ้านเพื่อเป็นสิริมงคล หรือมอบกล้าไม้ให้วัดหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมได้เช่นกัน เพื่อสร้างความร่มรื่น สร้างสุขภาวะที่ยั่งยืนให้กับสังคม ตามแนวทางพระพุทธศาสนาและการอนุรักษ์ธรรมชาติ

ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานกรรมการมูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย อดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน ฝุ่นควัน หรือมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งถือเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รัฐบาลไทยเล็งเห็นถึงความรุนแรงของปัญหานี้ และได้ยกระดับขึ้นเป็น ‘วาระแห่งชาติ’ ที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและครบทุกมิติ โครงการทำบุญวิถีใหม่ เวียนเทียนด้วยต้นไม้ ลดฝุ่น เป็นตัวอย่างของนวัตกรรมทางสังคมที่เชื่อมโยงศรัทธาในพระพุทธศาสนาเข้ากับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการปลูกต้นไม้แทนที่การใช้ธูปเทียนในพิธีกรรมทางศาสนา เนื่องจากต้นไม้มีคุณสมบัติในการช่วยเก็บกักฝุ่น ใบและลำต้น ถือเป็นเครื่องฟอกอากาศธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังดีต่อสุขภาพพระสงฆ์และประชาชนที่ร่วมกิจกรรมอีกด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เวียนเทียนต้นไม้ : ทำบุญวิถีใหม่ ลดฝุ่น PM2.5 ค้ำจุนธรรมชาติ

ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ใช่แค่เรื่องของอากาศที่เป็นพิษ แต่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางอย่างผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ

"ลดเค็ม ลดโรค" เปลี่ยนพฤติกรรม ลดเสี่ยงโรค NCDs

"เค็มน้อย ก็อร่อยได้" วลีสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยพลังในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไทย ให้หันมาลดการบริโภคโซเดียม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)

สสส. จัดใหญ่ ใส่สุด สานพลัง สื่อโทรทัศน์คับคั่ง พัฒนา 7 รายการน้ำดี ผลิตคอนเทนต์สร้างสุข ร่วมสื่อสารสร้างความเข้าใจ-เข้าถึง

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 ก.พ. 2568 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ กรุงเทพฯ นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในงานแถลงข่าวเปิดโครงการ คอนเทนต์สร้างสุข ว่า สสส. มุ่งสร้างความตระหนักรู้เพื่อให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขภาพ

ภาคประชาสังคมผนึกกำลังกู้วิกฤตโลกร้อน ชี้กลุ่มเปราะบางเสี่ยงรับผลกระทบมากสุด

ในโอกาสวันสิทธิมนุษยชนสากล ปี 2567 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และภาคีเครือข่าย

PMAC 2025: สสส. ผนึกกำลัง ภาคีเครือข่าย ยกระดับสุขภาวะทางปัญญา รับมือวิกฤตโลก ภัยเงียบจากความเหงา-โดดเดี่ยว เทียบเท่าสูบบุหรี่ 15 มวนต่อวัน ดื่มเหล้า 6 แก้ว

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับศูนย์ความรู้และประสานงานสุขภาวะทางปัญญา ภาคีเครือข่ายยุทธศาสตร์สุขภาวะทางปัญญา ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล และ 7 องค์กร คือ