หยุด!!ค่านิยมทำร้ายในครอบครัว เลิกให้โอกาสที่2..กับความรุนแรง

ทั้งๆ ที่ประเทศไทยได้ชื่อว่า เป็นสังคมเมืองพุทธ ที่ยึดหลัก "ศีลธรรม" ในการดำรงชีวิต มีความรักสงบเป็นอาจิณ แต่เชื่อหรือไม่ว่า?!? วันนี้มีสถิติที่ระบุว่า สังคมไทยมีการใช้ความรุนแรงกันในครอบครัวมากติดอันดับท็อปเทนของโลก ด้วยเหตุผลในค่านิยมดั้งเดิม ..ผู้ชายเป็นใหญ่ รวมทั้งทัศนคติการให้โอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า จนกลายเป็นปัญหาสะสมและไม่รู้จบ

เพื่อไม่ให้โอกาสที่ 2 ..กับความรุนแรง เมื่อเร็วๆ นี้  มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ บริษัท บีบีดีโอ กรุงเทพ จำกัด (BBDO Bangkok) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีและเด็ก ประจำปี 2567 ซึ่งตรงกับวันที่ 25 พ.ย.ของทุกปี “Bring Back 2nd  Chance of Life” คืนโอกาสดีๆ ให้ตัวเอง และเลิกให้โอกาสที่ 2 กับความรุนแรง

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการ สสส. เปิดเผยว่า “สสส.เห็นความสำคัญของการยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัว ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดปัญหา จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานเชิงรุก ขับเคลื่อนประเด็น สะท้อนปัญหา และถอดบทเรียนไปสู่การหาแนวทางแก้ไขมาตลอด เพราะความรุนแรงในครอบครัวเสี่ยงต่อการมีสุขภาวะทั้งกาย จิต ปัญญา และสังคมที่ไม่ดี หากไม่ได้รับการป้องกันตั้งแต่ต้นทาง การรณรงค์ในปีนี้มาพร้อมกับแนวคิด  Bring Back 2nd Chance of Life คืนโอกาสดีๆ ให้ตัวเอง  และเลิกให้โอกาสที่ 2 กับความรุนแรง นำประสบการณ์ไปสู่การขับเคลื่อนสังคม พิจารณามาตรการทางนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยุติปัญหาความรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก”

ผู้จัดการ สสส.ตอกย้ำว่า ด้วยทัศนคติชายเป็นใหญ่ เราไม่อยากให้มีเคสที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัว ส่วนหนึ่งมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดเป็นตัวกระตุ้นสำคัญ เสี่ยงต่อการมีสุขภาวะทั้งด้านสุขภาพ เช่น โรคตับ  โรคหัวใจขาดเลือด ภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษเฉียบพลัน ก่อปัญหาด้านสังคมและวัฒนธรรม เกิดความรุนแรงในครอบครัว ทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุทางถนน ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศ สูญเสียค่ารักษาทางการแพทย์มหาศาล หน้าที่การงานมีปัญหา ทรัพย์สินเสียหายจากอุบัติเหตุ ประเทศขาดโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้นก่อให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว ทั้งต่อเด็กและผู้หญิง จากการศึกษาการสำรวจสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัว

"ทุกวันที่ 25 พ.ย. สังคมโลกช่วยกันยุติความรุนแรง เราอยากบอกว่าทุกคนกระทำความรุนแรง ให้คืนโอกาสดีๆให้กับตัวเอง ไม่ให้โอกาสที่ 2 กับคนที่จะก่อความรุนแรงเป็นพฤติกรรม เราเปลี่ยนพฤติกรรมผู้คนที่เป็นเหยื่อของความรุนแรง สังคมสิ่งแวดล้อมสร้างความรุนแรงขึ้นมา บางคนเห็นความรุนแรงตั้งแต่เด็กจนเกิดความเคยชินว่าเป็นเรื่องปกติ บางคนเป็นโรคสมาธิสั้น มีความก้าวร้าว พ่อแม่ไม่ได้สอนว่าความรุนแรงเมื่อทำแล้วจะต้องมีการลงโทษ เมื่อผู้หญิงและเด็กได้รับความรุนแรง คิดว่าไม่เป็นไรแล้วเหตุการณ์ก็จะผ่านไป เรื่องนี้ต้องสร้างกฎกติกาปกป้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 จะต้องช่วยกันปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า มีอำนาจน้อยกว่า ต้องพึ่งพาทางเศรษฐกิจจากผู้ชาย จำเป็นที่คนรับรู้ต้องจัดการกับความรุนแรง ให้ผู้ใหญ่ได้รับทราบด้วย"

ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กรณีศึกษาประชาชนอายุ 20 ปีขึ้นไป ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,692 คน ระหว่างวันที่ 17-23 ตุลาคม 2564 พบว่า ประชาชน 80% ได้รับผลกระทบจากคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ก่อความรำคาญ ทะเลาะ

นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดเผยว่า มูลนิธิฯ จับตาดูในช่วงกว่า 10 ปีความรุนแรงไม่ได้ลดลง ในช่วงโควิดความรุนแรงก้าวกระโดดเป็น 3 เท่าตัว ส่วนหนึ่งมาจากสาเหตุเหล้า ยาเสพติด ประเทศไทยติดอันดับความรุนแรง 1 ใน 10 ของโลก ทั้งนี้มูลนิธิฯ จะมีการเคลื่อนไหวยื่นหนังสือให้หน่วยงานที่รับผิดชอบด้าน กม.อาวุธปืนที่ต้องควบคุม กลับนำมาใช้ทำร้ายฆ่ากันเหมือนผักปลาในครอบครัว

นางสาวอังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มีข้อเสนอในการแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ได้แก่  1.สมาชิกในครอบครัวสังเกตพฤติกรรมความรุนแรงคนในครอบครัว สื่อสาร แก้ปัญหาร่วมกัน 2.ผู้ถูกกระทำความรุนแรงควรสื่อสารปัญหาให้คนที่ไว้วางใจฟัง หรือปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่มองเป็นเรื่องปกติ 3.ชุมชนเป็นฐานในการลดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว บูรณาการงานร่วมกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันการกระทำความรุนแรงในครอบครัว  กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ศูนย์ยุติธรรมชุมชน  กระทรวงยุติธรรม พนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องนี้ 4.มีมาตรการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหรือปัจจัยกระตุ้น ทั้งอาวุธปืน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาเสพติด โดยเฉพาะอาวุธปืนที่ต้องมีการขึ้นทะเบียน ต้องควบคุมและปราบปรามอาวุธเถื่อนอย่างจริงจัง บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด

นายทสร บุณยเนตร หัวหน้าครีเอทีฟ บริษัท บีบีดีโอ กรุงเทพ จำกัด เปิดเผยว่า การพัฒนาแคมเปญรณรงค์ปีนี้ มีแนวคิด “อย่าให้โอกาสความรุนแรง ครั้งที่ 2” โดยยกกรณี น้องจีจี้-นางสาวสุพิชชา ปรีดาเจริญ เน็ตไอดอลชื่อดัง ซึ่งเป็นผู้ถูกกระทำความรุนแรงมากกว่า 1 ครั้ง มีการยื่นโอกาสให้แก่คนรัก สุดท้ายเสียชีวิตทั้งคู่ ทั้งนี้ได้ปรึกษาครอบครัวน้องจีจี้ เพื่อนำเรื่องราวมาถ่ายทอดให้สังคมได้รับทราบในรูปแบบภาพยนตร์โฆษณา อย่าให้โอกาสความรุนแรงกับคนอื่น แล้วเก็บโอกาสนั้นให้แก่ตัวเอง เพราะที่จริงแล้วน้องจีจี้ยังมีโอกาสในชีวิตอีกเยอะ ซึ่งน้องจีจี้กำลังจะเป็นนักร้อง ได้เล่นภาพยนตร์เรื่องแรกไปแล้ว แต่การให้โอกาสนี้กับความรุนแรง จึงทำให้ไม่มีโอกาสให้แก่ตัวเอง นอกจากนี้ยังนำเสนอช่องทางการช่วยเหลือผู้ถูกกระทำความรุนแรงทั้งด้านกฎหมาย ที่พักชั่วคราว และแหล่งงาน

“ได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลมา 10 ปี มีแต่คำว่านับถือ เพราะคนที่ทำงานด้านนี้ไม่ได้มาทำงานเพราะเงินแต่มาเพราะใจ และได้ สสส.เข้ามาช่วยขับเคลื่อน  ผมจึงตั้งใจมากเพราะได้นำความรู้ความสามารถจากวิชาชีพโฆษณา ทำแคมเปญนี้ทำให้สังคมเกิดการรับรู้ เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อย่างน้อยก็เป็นคำแนะนำเบื้องต้นให้คนที่เผชิญปัญหาอยู่ เพราะวันนี้ประเทศไทยมีผู้ถูกกระทำความรุนแรงสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ผมอยากแก้ปัญหาให้ไทยติดอันดับด้านดีๆ มากกว่า” นายทสรกล่าว.


สังคมไทยติดอันดับ..ใช้ความรุนแรง

จากการรวบรวมข่าวความรุนแรงในครอบครัวสังคมที่เสนอผ่านสื่อรอบปี 2566 ของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ปรากฏมีรวม 1,086 ข่าว แบ่งเป็น

มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้น 316 ข่าว คิดเป็น 29.1% ยาเสพติด 283 ข่าว คิดเป็น 26.1%

แบ่งเป็น 5 ประเภทข่าว ได้แก่ 1.ทำร้ายกัน 433 ข่าว คิดเป็น 39.9% เป็นเรื่องระหว่างสามี-ภรรยามากที่สุด  152 ข่าว คิดเป็น 35.1% พ่อ-แม่-ลูก 108 ข่าว คิดเป็น 24.9% คู่รักแบบแฟน 102 ข่าว คิดเป็น 23.6% เครือญาติ 71 ข่าว คิดเป็น 16.4%

สาเหตุเพราะ 1.หึงหวง ง้อขอคืนดีไม่ได้ โมโห บันดาลโทสะ 2.ฆ่ากัน 388 ข่าว คิดเป็น 35.7% เกิดขึ้นในคู่สามี-ภรรยา 168 ข่าว คิดเป็น 43.3% เครือญาติ 94 ข่าว คิดเป็น 24.2% คู่รักแบบแฟน 64 ข่าว คิดเป็น 16.5% พ่อ แม่ ลูก 59 ข่าว คิดเป็น 15.2% และฆ่ายกครัว 3 ข่าว คิดเป็น 0.8% สาเหตุเพราะหึงหวง ตามง้อไม่สำเร็จ บันดาลโทสะ โมโหที่ถูกบอกเลิก ขัดแย้งเรื่องการเงิน 3.ฆ่าตัวตาย 213 ข่าว คิดเป็น 19.6% โดยผู้ชายเป็นฝ่ายฆ่าตัวตาย 140 ข่าว คิดเป็น 65.7% ผู้หญิงเป็นฝ่ายฆ่าตัวตาย 68 ข่าว คิดเป็น 31.9% และ LGBTQ+ ฆ่าตัวตาย 5 ข่าว  คิดเป็น 2.4% สาเหตุเพราะน้อยใจคนรัก เครียดปัญหาหนี้สิน ตกงาน ป่วยจากโรคซึมเศร้า 4.ความรุนแรงทางเพศของคนในครอบครัว 46 ข่าว คิดเป็น 4.2% โดยเกิดระหว่างเครือญาติ พ่อเลี้ยงทำกับลูกเลี้ยง ที่น่าตกใจคือพ่อทำกับลูกแท้ๆ ถึง 11 ข่าว คิดเป็น 23.9% และ 5.ความรุนแรงในครอบครัวอื่นๆ จำนวน 6 ข่าว คิดเป็น 0.6%

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แกะรอยหลัง'ทักษิณ' พบ 'อันวาร์' จี้นายกฯตอบมาตรการเดือนรอมฎอน

สว.สงขลา  แกะปมสถานการณ์ทวีความรุนแรงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน หลังทักษิณ พบอันวาร์ เตรียมยื่นกระทู้ถาม นายกรัฐมนตรีรับมือเดือนรอมฎอนอย่างไร

“วราวุธ" เผย ความคืบหน้า พม. รับ ด.ช. 7 ขวบ กาฬสินธุ์ เข้าบ้านพักเด็กและครอบครัวคุ้มครองสวัสดิภาพแล้ว-วางแผน อุปการะ เลี้ยงดู

วันที่ 9 มกราคม 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยถึงกรณีเด็กชาย 7 ขวบ ไร้พ่อแม่ดูแล ซ้ำยังถูกทำร้ายร่างกายจนหน้าตาบวมช้ำ เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ว่า

‘กกต.’ ไม่หวั่นการเมืองหนุนผู้สมัคร อบจ. ชี้ทำบรรยากาศเข้มข้น ไร้สัญญาณรุนแรง

การเลือกตั้งท้องถิ่นถือเป็นรากฐาน ของการพัฒนาการเมืองระดับประเทศ ถ้าท้องถิ่นดีระดับชาติก็จะดีไปด้วย การปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นประชาธิปไตยที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด

“ThaiHealth Watch 2025” เปิด 7 เทรนด์สุขภาพ ปี 2568 ความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ/เทคโนโลยี กระทบสุขภาพกาย-ใจคนทุกกลุ่ม

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวเปิดงานจับตาทิศทางสุขภาพคนไทย 2568

'สมศักดิ์' ดึง สสส. ช่วย 'นับคาร์บ' ชวนคนไทยลดโรค NCDs ต้นเหตุคร่าชีวิตคนไทยชั่วโมงละ 45 คน ผจก.สสส.เดินหน้าพัฒนาฐานข้อมูลเชื่อมท้องถิ่นลดเสี่ยง

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุน สสส. คนที่ 1 กล่าวในการเป็นประธานประชุมกรรมการกองทุนฯ ครั้งที่ 8/2567 ว่า จากข้อมูลพบว่ามีผู้เสียชีวิตจาก NCDs 400,000 คนต่อปี คิดเป็นชั่วโมงละ 45 คน

ผงะ สังคมไทย! สตรีเหยื่อความรุนแรง แจ้งความพุ่งปีละ 3 หมื่นคน

กสม.ร่อนสาร  เนื่องในวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล ปี  2567 เรียกร้องรัฐบาลขับเคลื่อนป้องกัน ความรุนแรงในครอบครัวเป็นวาระแห่งชาติ หนุนสังคมต้องช่วยกันดูแลไม่ปล่อยนิ่งเฉย