"ลดเค็ม ลดโรค" เปลี่ยนพฤติกรรม ลดเสี่ยงโรค NCDs

"เค็มน้อย ก็อร่อยได้" วลีสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยพลังในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไทย ให้หันมาลดการบริโภคโซเดียม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่คร่าชีวิตคนไทยปีละกว่า 400,000 ราย

ภายใต้แคมเปญ “ลดเค็ม ลดโรค” ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง วันนี้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายสุขภาพ ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), กระทรวงสาธารณสุข, เครือข่ายลดบริโภคเค็ม และภาคีเครือข่ายต่างๆ ได้รวมพลังกันอีกครั้งในการจัดงาน "ลดโซเดียม ลดเสี่ยง NCDs" ณ โรงแรม ทีเค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น  กรุงเทพฯ เพื่อตอกย้ำความสำคัญของปัญหาการบริโภคเค็มเกิน และแนวทางลดโซเดียมเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืนของคนไทย

ดร.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. ตอกย้ำว่า โซเดียมคือภัยเงียบที่มากับรสอร่อย มีข้อมูลระบุว่า คนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ย 3,636 มิลลิกรัมต่อวัน สูงกว่าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำถึง 2 เท่า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคไตเรื้อรัง กว่า 400,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ย 1,100 คนต่อวัน เราจึงต้องร่วมมือกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการลดการบริโภคเค็มที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคเหล่านี้

รศ. นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ให้ข้อมูลว่า "ความเค็มเป็นรสชาติที่คนไทยคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ทำให้พฤติกรรมการเติมน้ำปลา ซีอิ๊ว  หรือเกลือกลายเป็นเรื่องปกติ การลดเค็มจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่หากเราปรับตัวได้ จะสามารถลดความเสี่ยงของโรคที่ร้ายแรงได้ในอนาคต"

โดยเฉพาะในเด็กไทยที่มีพฤติกรรม "ติดเค็ม" ตั้งแต่อายุยังน้อย งานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า เด็กวัยเรียน 84.1% กินขนมขบเคี้ยวรสเค็มทุกวัน เด็กเล็ก (1-5 ปี) เติมเครื่องปรุงรสเค็มเฉลี่ย 0.89 ช้อนชาต่อวัน วัยรุ่น 10-19 ปี พบภาวะความดันโลหิตสูงถึง 10% สถิติเหล่านี้สะท้อนว่าการบริโภคเค็มเกินเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขก่อนที่จะส่งผลกระทบในระยะยาว

นพ.กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค อธิบายว่า "การลดโซเดียมไม่ใช่แค่ลดการเติมเครื่องปรุงรส แต่ต้องรวมไปถึงการเลือกอาหารสำเร็จรูปที่มีโซเดียมต่ำ และสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมปรับสูตรอาหารให้ปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้น"

3 แนวทางลดเค็มอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่

1.มาตรการด้านกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุขเตรียมออก "ภาษีโซเดียม" และข้อกำหนดปริมาณโซเดียมในอาหารแปรรูป

2.โครงการต้นแบบ "โรงเรียน-โรงพยาบาล-ชุมชน ลดเค็ม" - ปรับสูตรอาหารกลางวันในโรงเรียน ส่งเสริมอาหารลดโซเดียมในโรงพยาบาล

3.รณรงค์ "ลดเค็ม ลดโรค" ในครัวเรือน-ใช้เครื่องตรวจวัดความเค็ม (Salt Meter) เพื่อลดปริมาณโซเดียมในอาหารที่ปรุงเอง

นพ.กฤษฎากล่าวด้วยว่า 1 ใน 9 เป้าหมายขององค์การอนามัยโลก (WHO) คือการลดการบริโภคเกลือและโซเดียมลง 30% ภายในปี 2568 เราจึงต้องเร่งดำเนินมาตรการทั้งในระดับกฎหมาย และการสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชน ซึ่งแผนงานคือ 92% ของประชาชนรับรู้ถึงอันตรายของการบริโภคเค็ม 85.1% ปรับพฤติกรรมลดการบริโภคเค็มได้สำเร็จ

ขณะที่ ดร.ไพโรจน์ เสาน่วม กล่าวเสริมว่า "เราใช้การสื่อสารสุขภาวะที่เข้าถึงประชาชน เช่น 1 น. 2 ล. (นอนเร็ว, ลดหวาน ลดเค็ม) และส่งเสริม 4 อ. (อาหารดี, อารมณ์ดี, อากาศสะอาด, ออกกำลังกาย) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

ดร.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร กล่าวว่า การลดโซเดียมไม่ใช่แค่การลดเครื่องปรุง แต่เป็นการเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสม เช่น การใช้สมุนไพรไทยอย่าง ผักชีลาว, หอม, พริกสด ที่ให้รสอูมามิช่วยเพิ่มรสชาติอาหารโดยไม่ต้องใช้เกลือหรือซอสปรุงรส "การทำอาหารลดเค็มไม่จำเป็นต้องจืดชืด เพียงใช้วัตถุดิบที่มีรสชาติธรรมชาติ เช่น กระเทียม, หอมแดง, ขิง, มะนาว และสมุนไพรไทย จะช่วยเพิ่มความอร่อยโดยไม่ต้องพึ่งเกลือ"

ปิดท้าย รองผู้จัดการกองทุน สสส.ยืนยันว่า แคมเปญนี้ไม่ใช่แค่การรณรงค์ทั่วไป แต่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการ ลดการบริโภคโซเดียมของคนไทยลง 30% ภายในปี 2568  ลดจำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคไตเรื้อรัง ลดภาระค่ารักษาพยาบาลของประเทศนับหมื่นล้านบาทต่อปี "หากคนไทยลดเค็มลงเพียงวันละนิด เราจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้อย่างมหาศาล เป้าหมายนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และที่สำคัญคือการเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเราเอง"

การลดเค็มอาจเป็นเรื่องยากในช่วงแรก แต่หากลองปรับพฤติกรรมเพียงเล็กน้อย เช่น ลดเครื่องปรุงรส เติมน้อยลง และเลือกอาหารที่โซเดียมต่ำ ก็สามารถช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้ในระยะยาว

สุขภาพที่ดีเริ่มต้นได้ที่ตัวเรา เพียง "ลดเค็ม" วันนี้ คุณอาจลดความเสี่ยงโรคร้ายแรงในอนาคต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“น้ำท่วมหาดใหญ่” สสส. ไม่ทอดทิ้ง! ผนึกกำลังภาคีเครือข่ายฯ เตรียมเปิดโมเดล 3 เฟส ช่วยทันที-ฟื้นบ้าน-สร้างภูมิคุ้มกันภัยพิบัติ

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่

สสส.-สถาบันยุวทัศน์ ฯ ผนึกเทศบาลนครเกาะสมุย เดินหน้า “นักเรียนปลอดบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า” ผ่านสถานศึกษา 4 แห่ง

นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เทศบาลนครเกาะสมุย มียุทธศาสตร์การดำเนินงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่

เด็กไทยเสี่ยงบนโลกออนไลน์ ถึงเวลามีสติรู้เท่าทันยุค AI

ทุกธุรกิจบนโลกใบนี้ล้วนเริ่มจาก “ความกลัว” ของมนุษย์-กลัวมืดจึงมีหลอดไฟ กลัวมองไม่เห็นจึงมีแว่นตา และในยุคที่โลกย้ายมาอยู่ในจอ ความกลัวรูปแบบใหม่ก็ผุดขึ้นเป็นรายวัน ตั

ไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุสมบูรณ์เต็มรูปแบบ!!! สสส. สานพลัง Rocket Media Lab เปิดข้อมูลสถานการณ์ผู้สูงอายุ เตือน 3 ปัจจัยเสี่ยง สุขภาพ-เศรษฐกิจ-ที่อยู่อาศัย

ไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุสมบูรณ์เต็มรูปแบบ!!! สสส. สานพลัง Rocket Media Lab เปิดข้อมูลสถานการณ์ผู้สูงอายุ เตือน 3 ปัจจัยเสี่ยง สุขภาพ-เศรษฐกิจ-ที่อยู่อาศัย ป่วย NCDs สูง ขาดเงินออม แถม 90% บ้านไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิต กดดันให้สังคมไทยสู่ภาวะเปราะบาง แนะป้องกันปัญหาสุขภาพระยะยาว พร้อมส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันสู่วัยสูงอายุด้วยความภาคภูมิใจ

สสส. เฟ้นสุดยอดนวัตกรรม! 'พื้นรองเท้าอัจฉริยะ เพิ่มกิจกรรมทางกาย-สติ๊กเกอร์ลดบุหรี่-ระบบเฝ้าระวังการขับขี่อัจฉริยะ AI-IoT' คว้ารางวัลชนะเลิศ 'Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2025'

สสส. เฟ้นสุดยอดนวัตกรรม! “พื้นรองเท้าอัจฉริยะ เพิ่มกิจกรรมทางกาย-สติ๊กเกอร์ลดบุหรี่-ระบบเฝ้าระวังการขับขี่อัจฉริยะ AI-IoT” คว้ารางวัลชนะเลิศ “Prime Minister’s Award for Health Promotion Innovation 2025” เติมเต็ม “จักรวาลสุขภาวะ” เยาวชน-สตาร์ทอัพ-ภาคีเครือข่าย-ประชาชนทั่วไป 178 ทีมทั่วประเทศ ส่งไอเดียประชันนวัตกรรมลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ-ลดป่วย NCDs “รองนายกฯ โสภณ” ปลื้มผลงาน 7 ปี สสส. ปั้นนวัตกรไทย 1,660 ทีม พัฒนานวัตกรรมสุขภาพตอบโจทย์สังคม สร้างสภาพแวดล้อมเอื้อคนไทยมีสุขภาวะดีอย่างยั่งยืน

เยาวชนพิการ กทม. เรียนดี มีงานทำ มหกรรมแนะแนวการศึกษาและอาชีพสำหรับคนพิการแห่งเดียวในประเทศไทย

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม มูลนิธิด้วยกันเพื่อคนพิการและสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) เปิดพื้นที่ให้เยาวชนพิการเข้าถึงข้อมูลการศึกษาต่อ ค้นพบศักยภาพ พร้อมสร้างโอกาสการมีงานทำที่มั่นคงในอนาคต ผ่านงาน เยาวชนพิการ กทม. เรียนดี มีงานทำ