สสส. ร่วมกับ จุฬาฯ ร่วมรณรงค์ World Kidney Day สร้างการรับรู้ควบคู่การดูแล เร่งสื่อสารการใช้ยาเพื่อลดความเสี่ยงโรคไต

“วันไตโลก ปี 68” คนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นจาก 9.8 แสนคน เป็น 1.13 ล้านคน สูญเสียปีสุขภาวะเร็วขึ้น 3.14 เท่า! เหตุบริโภคเค็ม-ใช้ยาไม่ถูกต้อง-เกินความจำเป็น เผยประชาชนเข้าใจเรื่องการใช้ยาที่ถูกต้องแค่ 64.9% สสส. สานพลัง จุฬาฯ สร้างการรับรู้ควบคู่การดูแล เร่งสื่อสารการใช้ยาเพื่อลดความเสี่ยงโรคไต

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 มี.ค. 2568 ที่โรงแรมทริปเปิ้ล วาย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานแถลงข่าว “World Kidney Day ถ้ารักไต อย่าให้ไตวาย” ภายใต้โครงการการสื่อสารเรื่องการใช้ยาเพื่อลดความเสี่ยงโรคไต เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการใช้ยาและส่งเสริมพฤติกรรมการใช้ยาที่ถูกต้อง

ดร.นพ. ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดให้วันพฤหัสบดีในสัปดาห์ที่สองของเดือนมีนาคมของทุกปีเป็นวันไตโลก จากรายงานภาวะสังคมไตรมาสที่ 3/2567 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า คนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นจาก 9.8 แสนคน ในปี 2565 เป็น 1.13 ล้านคน ในปี 2567 และสถานการณ์โรคไตเรื้อรังปี 2534 – 2564 มีการสูญเสียปีสุขภาวะหรือความสูญเสียด้านสุขภาพเร็วขึ้น 3.14 เท่า รองลงมาคือมะเร็ง 2 เท่า หลอดเลือดหัวใจ 1.8 เท่า สาเหตุเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่ถูกต้องโดยเฉพาะอาหารรสเค็ม และการบริโภคยาที่ไม่ถูกต้องและเกินความจำเป็น การเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และการสูบบุหรี่ ขณะที่ข้อมูลการสำรวจความรอบรู้ด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลในบุคลากรด้านสาธารณสุขและประชาชน ใน 13 เขตสุขภาพ ปี 2567 ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ประชาชนมีระดับความรอบรู้ด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล 64.9%

“สสส. มุ่งส่งเสริมมาตรการเพื่อป้องกันประเด็นที่เกี่ยวกับโรคไต โดยมีแผนอาหารลดเค็ม ลดโรคขับเคลื่อนนโยบายลดโซเดียมให้คนไทยลดบริโภคเค็ม แผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพและการพัฒนาระบบยา ขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมงานวิชาการ งานวิจัย และสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายในการคุ้มครองผู้บริโภคจากการใช้ยาอันตราย รวมถึงการสื่อสารรณรงค์ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้บริโภค ป้องกันการถูกหลอกลวงเรื่องการใช้ยา ซึ่งการพัฒนาการสื่อสารเรื่องการใช้ยาเพื่อลดความเสี่ยงโรคไต เพื่อให้คนตระหนักและมีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ยาในชีวิตประจำวัน เพราะกลุ่มยาแก้อักเสบ หรือ NSAIDs ยาชุด ยาสมุนไพรบางชนิด อาจมีฤทธิ์หรือคุณสมบัติบางอย่างทำให้ไตทำงานได้ลดลง ซึ่งหากประชาชนทั่วไปหาซื้อและนำมาใช้ด้วยตนเอง โดยขาดความรู้หรือความระมัดระวัง และไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก็จะส่งผลเสียต่อไตได้” ดร.นพ. ไพโรจน์ กล่าว

ดร.วรรษยุต คงจันทร์ รองคณบดีด้านบริการวิชาการและเชื่อมโยงสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ผลการวิจัยพฤติกรรม ทัศนคติ และการเปิดรับสื่อเกี่ยวกับการบริโภคยากลุ่ม NSAIDs สมุนไพร และอาหารเสริมของกลุ่มพนักงานออฟฟิศ และผู้ใช้แรงงานโดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.รุ่นอายุ 44-59 ปี หรือเจเนอเรชันเอ็กซ์ กลุ่มผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และใช้ยาตามแพทย์สั่งเป็นประจำ มักซื้อยาจากร้านขายยาเองเพื่อประหยัดเวลารวมถึงการใช้สมุนไพรเสริม มีพฤติกรรมการใช้ยาชุดตั้งแต่วัยรุ่น แม้จะตระหนักถึงความเสี่ยง กลุ่มพนักงานออฟฟิศมีโรคประจำตัวคล้ายกับกลุ่มแรงงาน แต่ไปพบแพทย์และใช้ยาตามแพทย์สั่งมากกว่า ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากกว่ากลุ่มผู้ใช้แรงงาน และไม่ใช้ยาชุดเนื่องจากเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพมากกว่า ส่วนการเปิดรับสื่อทั้งสองกลุ่มเน้นรับข้อมูลผ่านสื่อบุคคล เช่น ครอบครัวหรือเพื่อนใกล้ชิด

ผศ. ดร.ธีรดา จงกลรัตนาภรณ์ หัวหน้าภาคประชาสัมพันธ์ คณะนิเทศศาสตร์และหัวหน้าโครงการ เสริมจากผลวิจัยต่อว่า 2. รุ่นอายุ 28-43 ปี หรือเจเนอเรชันวาย กลุ่มผู้ใช้แรงงานเริ่มมีโรคประจำตัว เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ ทำให้ใช้ยากลุ่ม NSAIDs เป็นประจำ และใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสมุนไพรตามคำแนะนำจากคนใกล้ชิด กลุ่มพนักงานออฟฟิศมีการดูแลสุขภาพมากขึ้น ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดยการปรึกษาแพทย์ ด้านทัศนคติเกี่ยวกับสุขภาพ ทั้งสองกลุ่มมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้ยาและสมุนไพรที่มีผลต่อไต แต่ยังใช้ยาและอาหารเสริมตามคำแนะนำจากแพทย์หรือหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ส่วนการเปิดรับสื่อกลุ่มนี้นิยมสื่อออนไลน์ เช่น TikTok Facebook โดยเฉพาะวิดีโอสั้นจากบุคลากรทางการแพทย์ หรืออินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพ

“3. รุ่นอายุ 19-27 ปี หรือเจเนอเรชันแซด กลุ่มผู้ใช้แรงงานยังไม่ค่อยมีโรคประจำตัว เน้นการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เกี่ยวกับผิวพรรณและรูปร่าง โดยได้รับข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตหรือคำแนะนำจากเพื่อน กลุ่มพนักงานออฟฟิศคล้ายกับกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ในเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่จะไปพบแพทย์เมื่อมีอาการหนักขึ้น ด้านทัศนคติเกี่ยวกับสุขภาพ ครอบครัวและคนใกล้ชิดมีผลต่อการตัดสินใจ โดยกลุ่มนี้มีความระมัดระวังในการใช้ยากลุ่ม NSAIDs ส่วนการเปิดรับสื่อจะเน้นการรับสื่อออนไลน์ เช่น TikTok โดยเชื่อถือข้อมูลจากแพทย์หรืออินฟลูเอนเซอร์ที่มีความน่าเชื่อถือในการให้ข้อมูลด้านสุขภาพ จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการสร้างการตระหนักรู้พร้อมกับการส่งเสริมความรู้ ให้เข้าถึงกลุ่มคนทุกรุ่นเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมสุขภาวะคนในประเทศให้มีสุขภาพที่ดี และลดค่าใช้จ่ายของประเทศ หากประชาชนทั่วไปต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาที่ถูกต้องสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สายด่วน 1556” ผศ. ดร.ธีรดา กล่าว

นอกจากนี้ ผศ. ภญ. ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) ยังได้ร่วมแบ่งบันความรู้เกี่ยวกับ สถานการณ์ปัจจุบันของภาวะผู้ป่วยโรคไต และสาเหตุหลักของโรคไตในปัจจุบัน รวมถึง ผลกระทบของการใช้ยาโดยไม่ปรึกษาเภสัชกร พร้อมทั้งแนะนำแนวทางการจ่ายยาให้ปลอดภัยต่อไต ทั้งนี้ยังมีการแบ่งบันประสบการณ์ตรงจากคุณคริสโตเฟอร์ ไรท์ ครูสอนภาษาอังกฤษรายการ Click ช่อง Mahidol Channel นักพูด และวิทยากรชื่อดัง ได้เล่าประสบการณ์ตรงจากใจผู้บริโภคและคุณพ่อที่ต้องระมัดระวังเรื่องการใช้ยาให้กับลูกชายที่มีปัญหาจากโรคไต

ในด้านการสื่อสารซึ่งสำคัญอย่างมากในการทำให้ประชาชนเข้าใจในการใช้ยาอย่างถูกต้องหน่วยงานต่างๆ จึงได้พยายามส่งเสริม และสร้างการตระหนักรู้พร้อมทั้งความเข้าใจ เกี่ยวปัญหาสุขภาวะ เรื่องของโรคไตที่อาจเกิดจากการใช้ยาอย่างไม่ถูกต้อง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จุฬาฯ-มหิดล ผนึกกำลังสร้างนวัตกรรมเวชสำอางจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ไทย เตรียมทดสอบทางคลินิกที่ศิริราช

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามถ่ายทอดเทคโนโลยี "AnthoRice™ Complex" นวัตกรรมเซรั่มบำรุงรากผมจากสารสกัดข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ไทย

จุฬาฯ จับมือ Founder Institute สหรัฐฯ เปิดตัวโครงการ 'Go Global Startup Bootcamp: Chula - DC Silicon Startup Bridge' ปั้นสตาร์ทอัพไทยสู่เวทีโลก

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Innovation Hub) เดินหน้ายกระดับศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรมไทย เปิดโครงการ “ติดอาวุธเสริมศักยภาพธุรกิจนวัตกรรมสู่สากล (Go Global Startup Bootcamp): Chula – DC Silicon Startup Bridge” ร่วมกับ Founder Institute (FI) ประเทศสหรัฐอเมริกา” ซึ่งเป็นเครือข่ายนักลงทุน การบ่มเพาะและเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อบ่มเพาะและเร่งการเติบโตของผู้ประกอบการบริษัทสตาร์ทอัพของไทย ในการเตรียมความพร้อมสู่การพัฒนาธุรกิจในระดับสากล ทั้งในด้านองค์ความรู้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การระดมทุน ตลอดจนการก้าวเข้าสู่เครือข่ายสตาร์ทอัพระดับโลก

สสส. ผนึกกำลัง 10 หน่วยงาน 100 ภาคี เตรียมจัดงานThailand National PM 2.5 Forum #2 เปลี่ยนระบบ เชื่อมข้อมูล ขับเคลื่อนอากาศสะอาด

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเตรียมความพร้อมการประชุมระดับชาติ เรื่อง มลพิษทางอากาศ PM2.5 ครั้งที่ 2 (Thailand National PM2.5 Forum #2)

“เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ 1 ปีบัสนร.ไฟไหม้

กิจกรรม “เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนนแก่เด็กนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อยกระดับมาตรฐาน “รถรับส่ง-คนขับ” สร้างการเรียนรู้ ป้องกันเหตุซ้ำรอย

“พลังรัก–ศรัทธา"ร่วมวางรากฐานใหม่ สู่ประเทศไทยปลอดภัยจากยาเสพติด

ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นบาดแผลเรื้อรังของสังคมไทยมานานนับทศวรรษ และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และความเสี่ยงรอบด้าน