จีดีพีเกษตร ไตรมาส 1 ทิศทางสดใส เติบโตร้อยละ 3 ทุกสาขาขยายตัว คาด ปี 68 ขยายตัวร้อยละ 1.8 - 2.8

นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึง ภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาส 1 ปี 2568 (มกราคม - มีนาคม 2568) พบว่า ขยายตัวร้อยละ 3.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเข้าสู่สภาวะลานีญาตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 ทำให้มีฝนตกมากขึ้นถึงช่วงต้นปี 2568 ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและแหล่งน้ำตามธรรมชาติมากกว่าปีที่ผ่านมา และสภาพอากาศโดยทั่วไปเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกและการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ เกษตรกรจึงขยายเนื้อที่เพาะปลูกพืชในพื้นที่ที่เคยปล่อยว่าง ประกอบกับมีการบริหารจัดการฟาร์มและดูแลเฝ้าระวังโรคในสัตว์ที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ทุกสาขาการผลิตขยายตัว ทั้งสาขาพืชสาขาปศุสัตว์ สาขาประมง สาขาบริการทางการเกษตร และ สาขาป่าไม้ สรุปได้ดังนี้

สาขาพืช  ขยายตัวร้อยละ 4.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ได้แก่ ข้าวนาปี  ข้าวนาปรัง  อ้อยโรงงาน ยางพารา  ลำไย   สินค้าพืชที่มีผลผลิตลดลง ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  สับปะรดปัตตาเวีย ปาล์มน้ำมัน  ทุเรียน   เงาะ  และ มังคุด     

สาขาปศุสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 0.1 ได้แก่ ไก่เนื้อ  ไข่ไก่  น้ำนมดิบ ส่วน สุกร ผลผลิตลดลง เนื่องจากมีการปรับลดกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภคตามโครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร ซึ่งในขณะเดียวกันผู้ประกอบการยังคงมีความเข้มงวดในการเลี้ยงและเฝ้าระวังการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร 

สาขาประมง ขยายตัวร้อยละ 0.4 ได้แก่ กุ้งขาวแวนนาไม  สินค้าประมงที่มีผลผลิตลดลง ได้แก่ สัตว์น้ำที่นำขึ้นท่าเทียบเรือ เนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งอยู่ในระดับสูง ประกอบกับสภาพอากาศแปรปรวน ขณะที่ปลานิล และ ปลาดุก ผลผลิตลดลง เนื่องจากอาหารสัตว์น้ำราคาสูง และสภาพอากาศที่แปรปรวน  การปรับลดรอบการเลี้ยง และลดอัตราการปล่อยลูกปลา

สาขาบริการทางการเกษตร ขยายตัวร้อยละ 3.7 เนื่องจากการเข้าสู่สภาวะลานีญาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณน้ำฝนมากขึ้น ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของพืช นอกจากนี้ น้ำต้นทุนที่มีเพียงพอ และสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ยังทำให้เกษตรกรขยายเนื้อที่เพาะปลูกพืชในพื้นที่ที่เคยปล่อยว่าง ส่งผลให้กิจกรรมการจ้างบริการเตรียมดินและเก็บเกี่ยวผลผลิตพืชที่สำคัญในภาพรวมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะข้าวนาปี ข้าวนาปรัง และอ้อยโรงงาน

สาขาป่าไม้ ขยายตัวร้อยละ 1.2  ได้แก่  ไม้ยูคาลิปตัส   ถ่านไม้ และ รังนก  ขณะที่ ไม้ยางพารา ลดลงตามการตัดโค่นพื้นที่สวนยางพาราเก่าและปลูกทดแทนด้วยยางพาราพันธุ์ดีหรือพืชเศรษฐกิจอื่น และราคายางพาราที่อยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้เกษตรกรมีการตัดโค่นไม้ยางพาราลดลง ส่วน ผลผลิตครั่ง ลด ลง เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโต

แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2568 คาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ 1.8 – 2.8  เมื่อเทียบกับปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณฝนที่มีมากขึ้น เพียงพอสำหรับการเพาะปลูก และสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ประกอบกับการขับเคลื่อนการพัฒนาการเกษตรอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งความแปรปรวนของสภาพอากาศ และราคาปัจจัยการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางชะลอตัว มาตรการกีดกันทางการค้าและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่อาจส่งผลต่อโซ่อุปทานโลกและการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ของไทย ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้วางแนวทาง ขับเคลื่อนการพัฒนาภาคเกษตรทั้งในระยะเร่งด่วน อาทิ เตรียมพร้อมรับมือต่อความแปรปรวนของสภาพอากาศและสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ การรับมือและเฝ้าระวังกับสถานการณ์โรคใบร่วงยางพารา การแก้ปัญหาการขาดแคลนท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง การลดต้นทุนการผลิต การปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย การเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้ง การขับเคลื่อนการพัฒนาภาคเกษตรในระยะต่อเนื่อง  อาทิ การจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรสามารถมีที่ดินทำกินของตนเอง การพัฒนาระบบการประกันภัยภาคการเกษตร การส่งเสริมการผลิต การแปรรูป และการตลาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมเกษตรกร สถาบันเกษตรกรเป็นผู้ให้บริการทางการเกษตรแบบครบวงจร การยกระดับสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพ ปลอดภัย และต่อยอดสู่เกษตรมูลค่าสูง การส่งเสริมการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตและการตลาด ตลอดจนการส่งเสริมการพัฒนา Soft Power จากภาคเกษตร เป็นต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฮือฮา! เอกชน ผนึก บิ๊ก รง.ปุ๋ย จัดให้ ‘ปุ๋ยพร้อมใช้ แบ่งจ่ายสองรอบ’ ช่วยเหลือเกษตรกร

ฮือฮา! เอกชน ผนึก บิ๊ก รง.ปุ๋ย จัดให้ "ปุ๋ยพร้อมใช้ แบ่งจ่ายสองรอบ" ช่วยเหลือเกษตรกร วาง Concept ฟื้นฟูดิน ลดต้นทุน เพิ่มกำไร ให้เกษตรกร ผ่านระบบการใช้สินค้าแบบแบ่งจ่าย ชูความคุ้มค่าต้นทุนไร่ละ 390 บาท เปิดโอกาสเกษตรกรจ่ายเงินหลังเก็บเกี่ยว พร้อมดึงผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรคอยเป็นพี่เลี้ยงเกษตรกร แนะนำเทคนิคการใช้สินค้าที่ตรงกับพืช และการทำเกษตรที่ถูกต้อง วางเป้าหมายสร้างเกษตรกรใช้ปุ๋ยในโครงการ 100,000 - 200,000 ไร่ต่อเดือน

”รมว.นฤมล“เผย กรมชลฯ จ้างแรงงานทะลุ 6.3 หมื่นคน ย้ำ รัฐบาล”แพทองธาร“พร้อมส่งเสริมให้เกษตรกรและ ปชช.มีรายได้เสริมช่วงนอกฤดูการผลิต

วันนี้( 21 พ.ค.)ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงโครงการจ้างแรงงานชลประทานว่า กรมชลประทานได้เดินหน้าจ้างแรงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศให้มีรายได้เสริมด้วย ช่วงที่เว้นว่างจากการทำการเกษตร

3 ปี ผลสำเร็จแปลงใหญ่ทุเรียนหนองโสน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้วรวมกว่า 23.79 ล้านบาท

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าจากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร

สศก. 'เผย' ทิศทางการค้าสินค้าเกษตรไทย เติบโตได้ดีในตลาดอาเซียนและตลาดโลก

สถานการณ์การค้าสินค้าเกษตร (พิกัดศุลกากร 01-24 รวมยางธรรมชาติ) ของไทยในตลาดโลก พบว่า ไทยมีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังสามารถรักษาตลาดส่งออกได้ สะท้อนจากมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรของไทยกับโลก ปี 2567 ที่ผ่านมา

‘รมว.นฤมล’ นำ 2 รมช. Kick Off มอบ ‘โฉนดต้นยาง-ต้นไม้’ ยกระดับต้นไม้เป็นสินทรัพย์ เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งทุน พร้อมปูทางซื้อขายคาร์บอนเครดิตให้เกษตรกรไทย

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน Kick Off มอบโฉนดต้นไม้และโฉนดต้นยางพารา โดยมี นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเสริมนอกภาคการเกษตร อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งมีการถ่ายทอดสดเชื่อมโยงไปยัง 144 จุดทั่วประเทศ

กมธ.เกษตรฯ บอกยังไม่น่าไว้วางใจแม้ขุนคลังมะกันชมข้อเสนอไทย

'กมธ.เกษตรฯ' เชิญ 'กษ.-พณ.' แจงแนวทางรับมือภาษีทรัมป์ บอกยังไม่วางใจขุนคลังมะกันชมข้อเสนอไทยดีมาก ชี้ต้องรอผลเจรจา แนะ รบ.เร่งวางแผนรับมือผลกระทบต่อเกษตรกร