‘พิพัฒน์’ ปลุกพลังเครือข่าย บัณฑิต-อาสาสมัครแรงงาน สงขลา ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สร้างงาน สร้างรายได้ในชุมชน

18 มิถุนายน 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดสัมมนา “บทบาทของบัณฑิตแรงงานและอาสาสมัครแรงงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับพื้นที่” ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา ณ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีผู้บริหารกระทรวงแรงงาน นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ให้การต้อนรับเข้าร่วมงาน

นายพิพัฒน์ได้มอบนโยบายสำคัญ เน้นย้ำให้บัณฑิตแรงงานและอาสาสมัครแรงงานทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงภารกิจของกระทรวงแรงงานสู่ประชาชน โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมอาชีพ พัฒนาฝีมือแรงงาน ประกันสังคม การคุ้มครองสิทธิ และความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้ที่มั่นคง และสามารถพัฒนาชุมชนของตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยภารกิจของบัณฑิตแรงงานและอาสาสมัครแรงงาน ไม่ใช่แค่การประสานงาน แต่คือการเป็น ‘พี่เลี้ยง’ ที่ประชาชนเชื่อใจได้ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ นำเสียงจากชุมชนสู่ภาครัฐ และถ่ายทอดนโยบายให้เข้าถึงคนทุกกลุ่มในพื้นที่
.
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จังหวัดสงขลา โดยเฉพาะ 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและสังคมสูง จึงเลือกสงขลาเป็นพื้นที่ต้นแบบในการพัฒนาเครือข่ายแรงงานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สอดรับกับบริบทพื้นที่ที่หลากหลาย และสามารถขยายผลสู่จังหวัดอื่นได้ในอนาคต


.
กระทรวงแรงงานได้ดำเนิน “โครงการบัณฑิตแรงงาน” อย่างต่อเนื่อง โดยมีบัณฑิตแรงงาน 725 คนทั่วประเทศ รวมถึงสนับสนุน “กองทุนส่งเสริมอาชีพ” ผ่านประกันสังคม วงเงินเบื้องต้น รวมกว่า 24,000 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สูงสุดคนละไม่เกิน 200,000 บาท พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนสมัครประกันสังคมมาตรา 40 เพื่อสร้างหลักประกันให้ชีวิต โดยขอให้บัณฑิตแรงงานและอาสาสมัครแรงงาน ทุกคนช่วยกันรักษาเครือข่ายแรงงานนี้ไว้ให้เข้มแข็ง เพราะนี่คือกำลังหลักในการขับเคลื่อนนโยบายแรงงานเชิงรุกที่เข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง
.
การจัดสัมมนาครั้งนี้ จึงเป็นมากกว่าการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างต้นแบบ “ระบบแรงงานเพื่อชุมชน” ที่ประชาชนมีส่วนร่วม และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน นายพิพัฒน์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครม. อนุมัติผ่อนผันแรงงานเมียนมา อยู่ในราชอาณาจักรชั่วคราว ทำงานต่อไปถึง 13 ก.พ.69

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเรื่อง การผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ซึ่งได้รับการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568

ปลัดแรงงานสั่ง สปส. เร่งเยียวยา 16 ล้าน ครอบครัวเหยื่อไฟไหม้โรงงานสระบุรี

ปลัดกระทรวงแรงงานสั่งสำนักงานประกันสังคมเร่งดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปกระดาษใน อ.หนองแค จ.สระบุรี เมื่อ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยจ่ายสิทธิประโยชน์รวมกว่า 16 ล้านบาท พร้อมจัดทีมลงพื้นที่เยี่ยมญาติ ประสาน สปส.ทุกจังหวัดดูแลสิทธิครบถ้วน

มีผลแล้ว! ลูกจ้างเฮ ประกันสังคมเพิ่มเงินว่างงานกรณีเลิกจ้างเป็น 60%

สำนักงานประกันสังคมประกาศปรับสิทธิ ม.33 ถูกเลิกจ้าง รับเงินทดแทนว่างงานเพิ่มเป็น 60% ของค่าจ้างรายวัน จากเดิม 50% พร้อมขยายรับได้สูงสุด 180 วัน มีผลแล้วตั้งแต่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา

“ปลัดบุญสงค์” ลุยสุราษฎร์ฯ รุกสร้างหลักประกันสังคมแรงงานอิสระ เดินหน้าครอบคลุมทุกพื้นที่ เพิ่มผู้ประกันตน ม.40 ทั่วภาคใต้

วันที่ 26 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานเปิด “โครงการประกันสังคมทั่วไทยสู่แรงงานภาคอิสระ รุ่นที่ 5 (ส่วนภูมิภาค)” เพื่อขยายความครอบคลุมของผู้ประกันตนมาตรา 40

“ก.แรงงาน” เปิดศูนย์ช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล–อิหร่าน “ปลัดฯบุญสงค์” ขอความร่วมมือแรงงานดาวน์โหลดแอป Smart TOEA และเปิดระบบติดตามตำแหน่ง

20 มิถุนายน 2568 – นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานได้จัดตั้ง ศูนย์ช่วยเหลือประสานงานติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในรัฐอิสราเอลและสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เพื่อดูแลความปลอดภัยของแรงงานไทยในพื้นที่เสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยมอบหมายให้

"พิพัฒน์" เผย ขณะนี้ยังไม่มีแรงงานกัมพูชา แจ้งขอกลับประเทศ ยันกระทรวงแรงงานมีแผนรองรับ

วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่กระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน แถลงข่าวกรณีผู้นำประเทศกัมพูชาประกาศให้แรงงานกัมพูชากลับประเทศว่า แรงงานกัมพูชาทำงานอยู่ในประเทศไทยเกือบ 5 แสนคน ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ประมาณ