
สำนักงาน กปร.ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้าต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ส่งเสริมการปลูกที่เหมาะสมกับพื้นที่ สนับสนุนการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแปลงใหญ่ ควบคู่ไปกับการ
ทำการตลาดอย่างครบวงจร สร้างรายได้อย่างมั่นคง ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น
นางสาวบัวหา อินปาจร ราษฎรตำบลนางพญา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยในระหว่างต้อนรับนายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมด้วย นายศุภรัชต์ อินทราวุธ รองเลขาธิการ กปร. คณะที่ปรึกษาอนุกรรมการ และคณะอนุกรรมการฯ ในโอกาสลงพื้นที่เยี่ยมราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฝายห้วยน้ำพร้าพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลนางพญา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาว่า เดิมครอบครัวปลูกข้าวโพดเป็นพืชเชิงเดี่ยว เพราะพื้นที่ขาดแคลนน้ำ ไม่สามารถปลูกพืชชนิดอื่นได้ แต่รายได้ก็ยังไม่ดี หลังจากมีโครงการฝายห้วยน้ำพร้าพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำให้พื้นที่มีน้ำเพียงพอที่จะปลูกพืชชนิดอื่น ๆ โดยพื้นที่ 19 ไร่ แบ่งมาปลูกข้าว กข.10 จำนวน 4 ไร่ สำหรับบริโภคในครัวเรือน ส่วน 15 ไร่ ที่เหลือ ได้ปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองนางพญา 300 ต้น แซมด้วยลองกอง อะโวคาโด และกาแฟ
“ปีที่ผ่านมา ทุเรียนให้ผลผลิต 4,000 – 5,000 กิโลกรัม ขายได้ราคา 80 - 90 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อรวมกับผลผลิตของพืชอื่นๆ ทำให้มีรายได้ประมาณ 300,000 บาทต่อปี ซึ่งดีกว่าเมื่อก่อนที่ปลูกข้าวโพดอย่างเดียว ตอนนี้ที่นี่มีน้ำ มีคลอง มีฝายกั้นน้ำทำให้น้ำไหลเข้าถึงพื้นที่การเกษตรได้อย่างอุดมสมบูรณ์ ดีใจที่มีโครงการฝายห้วยน้ำพร้าพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริทําให้มีน้ำเพียงพอในการเพาะปลูก ผลผลิตดีมีคุณภาพ รายได้ก็ดีขึ้น ทุกวันนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าเมื่อก่อนมาก มีบ้าน มีรถ มีเงิน สามารถส่งลูกเรียนหนังสือในระดับสูงขึ้นได้อย่างไม่ขัดสน และชาวบ้านทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากน้ำในโครงการร่วมกันอย่างทั่วถึง” นางสาวบัวหา อินปาจร กล่าว
สำหรับการต่อยอดการใช้ประโยชน์จากโครงการนั้น นายเอนก ชื่นอารมณ์ เกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่าสํานักงานเกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ต่อยอดการใช้ประโยชน์จากโครงการอย่างคุ้มค่าและต่อเนื่อง นับตั้งแต่การนำพันธุ์พืชที่ได้รับการพัฒนาพันธุ์ให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่ ทั้งภูมิประเทศและภูมิอากาศ มาส่งเสริมให้ราษฎรเพาะปลูก โดยเฉพาะพืชที่เป็นอัตลักษณ์ประจำถิ่น คือ ทุเรียนหมอนทองนางพญา ซึ่งพัฒนาพันธุ์มาจากทุเรียนพันธุ์หมอนทอง ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกมากกว่า 875 ไร่ มีผลผลิตเฉลี่ย 1,200 กิโลกรัมต่อไร่

“มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ในวิธีการผลิตที่ถูกต้องได้มาตรฐาน รวมถึงสร้างกลไกการตลาดให้เกษตรกร อาทิเช่น ทุเรียนที่ปลูกบนพื้นที่เนินเขาจะมีความชื้นหน้าดินดี เพราะมีแหล่งน้ำอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ทุเรียนมีรสชาติอร่อย หวาน มัน เนื้อแห้ง แตกต่างจากพื้นที่อื่น ๆ และรูปทรงก็ออกมาสวยงาม สำหรับกาแฟได้ส่งเสริมให้ปลูกพันธุ์โรบัสต้า ตอนนี้มีประมาณ 76 ไร่ มีผลผลิตเฉลี่ย 97 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตรวม 7.38 ตัน สร้างรายได้ประมาณ 184,397 บาทต่อปี โดยปัจจุบันได้ส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกาแฟนางพญา และกลุ่มแปลงใหญ่ทุเรียนตำบลนางพญา เพื่อให้การผลิตทุเรียนคุณภาพเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนา ได้แก่ ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต พัฒนาคุณภาพให้ได้มาตรฐาน บริหารจัดการและจัดการด้านการตลาด ซึ่งเกิดประโยชน์กับเกษตรกรอย่างเต็มที่” นายเอนก ชื่นอารมณ์ กล่าว
โครงการฝายห้วยน้ำพร้าพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริกับนายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการ กปร. ในขณะนั้น เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2534 ความว่า “ให้พิจารณาประสานงานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความช่วยเหลือราษฎรบ้านน้ำพร้า ตำบลนางพญา และพื้นที่ใกล้เคียงโดยเฉพาะเรื่องคมนาคม รวมทั้งให้การช่วยเหลือในเรื่องสาธารณสุข
การประกอบอาชีพ และการชลประทานตามความเหมาะสม”

สำนักงาน กปร. ร่วมกับกรมชลประทาน ได้สนองพระราชดำริดำเนินการก่อสร้างในปี 2536 โดยเป็นฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดสันฝายสูง 2 เมตร ยาว 15 เมตร ระบบส่งน้ำความยาว 2,095 เมตร สามารถช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรของราษฎรบ้านน้ำพร้า หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 5 ตำบลนางพญา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 500 ไร่ เกษตรกร 86 ครัวเรือน ปลูกข้าวนาปี พันธุ์กข10 ในเขตชลประทาน 200 ไร่ ให้ผลผลิต 450 - 500 กิโลกรัม/ไร่ มีรายได้รวม 940,000 บาท สำหรับทุเรียนพันธุ์หมอนทองนางพญา มีเกษตรกรที่เพาะปลูก 175 ครัวเรือน พื้นที่จำนวน 1,885 ไร่ พื้นที่เก็บเกี่ยว 875 ไร่ มีผลผลิตที่เฉลี่ย 1,200 กิโลกรัม/ไร่ สร้างรายได้รวม 73,500,000 บาท/ปี รวมถึงกาแฟมีเกษตรกรเพาะปลูก 25 ครัวเรือน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 97 กิโลกรัม/ไร่ มีรายได้รวม 184,000 บาท/ปี ทั้งนี้มีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำในการจัดสรรน้ำให้แก่สมาชิกอย่างทั่วถึงรวมถึงช่วยกันบำรุงรักษาอาคารชลประทานให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มะม่วงหิมพานต์กับปาฏิหาริย์เรื่องราวแห่งแรงใจจากบ้านหาดไก่ต้อย จังหวัดอุตรดิตถ์
เรื่องราวของ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านหาดไก่ต้อย จังหวัดอุตรดิตถ์ คือบทพิสูจน์ชั้นดีว่า “ความไม่ยอมแพ้” สามารถเปลี่ยนผืนดินที่แห้งแล้งให้กลายเป็นแหล่งสร้างรายได้
กปร. – มหาดไทย จับมือขับเคลื่อน “One Plan” บูรณาการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
สำนักงาน กปร. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้วยระบบ “One Plan” มุ่งเน้นการวางแผนแบบจากล่างขึ้นบน Bottom-Up รับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่โดยตรง ลดการใช้งบประมาณที่ซ้ำซ้อน และเชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยืน
กปร. เปิดคู่มือ One Plan ยกระดับโครงการพระราชดำริ 17 จังหวัดเหนือ
สำนักงาน กปร. เดินหน้ายกระดับการบริหารและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเชิงพื้นที่ เปิดตัว“คู่มือ One Plan” นำร่อง 3 จังหวัดภาคเหนือ น่าน พิษณุโลก และเชียงใหม่ มุ่งสร้างกลไกการทำงานแบบบูรณาการจากระดับพื้นที่ ลดความซ้ำซ้อน
รมว.สธ.สั่งเร่งช่วยน้ำท่วมอุตรดิตถ์-เหนือ จัดทีมแพทย์พร้อมดูแลใกล้ชิด
“สมศักดิ์” สั่งการเจ้าหน้าที่ สธ. ดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัย “อุตรดิตถ์” และพื้นที่อื่น เตรียมเวชภัณฑ์ให้เพียงพอ ให้เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
จากพื้นที่แห้งแล้งสู่แหล่งเกษตรมั่นคง “ห้วยต่อน้อย” ต้นแบบความร่วมมือของราษฎร
ราษฎรตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ร่วมกันเสียสละพื้นที่สวนยางพารา เพื่อก่อสร้าง “อ่างเก็บน้ำบ้านห้วยต่อน้อยพร้อมระบบส่งน้ำ” ตามที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
“ฝายคลองใหญ่” เสริมชีวิต สร้างน้ำเปลี่ยนผืนดิน สู่สวนผสมผสานยั่งยืน
จากนาร้างไร้น้ำ สู่สวนผลไม้เขียวขจีตลอดปี ราษฎรบ้านยูงงาม และบ้านโหล๊ะคล้า ตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง พลิกฟื้นผืนนาแห้งแล้งกว่า 2,000 ไร่ ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง


