พลังชุมชนท้องถิ่นขับเคลื่อนสุขภาวะแห่งชาติ "จากฐานรากสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ"

ในวันที่ประเทศเผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งเศรษฐกิจ  สังคม และสิ่งแวดล้อม กระแสการพัฒนาแบบเดิมเริ่มแสดงข้อจำกัดอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ “สุขภาวะ” ในมุมมองใหม่ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการรักษาพยาบาล หรือหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของคุณภาพชีวิตโดยรวม ซึ่งต้องอาศัยพลังของชุมชนท้องถิ่นลุกขึ้นมาเป็น “เจ้าของการเปลี่ยนแปลง” อย่างแท้จริง

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ  เอกชน ภาคประชาสังคม และชุมชนท้องถิ่น จัดเวที “สานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่สุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืน ปี 2568” ภายใต้แนวคิด “พลังชุมชนท้องถิ่น อภิวัฒน์ระบบสุขภาวะประเทศ” เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสุขภาพของประเทศจากระดับรากฐาน

          เวทีนี้เป็นมากกว่าการประชุม เพราะเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากพื้นที่จริง 3,568 ชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั่วประเทศ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สสส.ให้พัฒนาต่อเนื่องตลอด 14 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นพื้นที่ต้นแบบที่พิสูจน์แล้วว่า “ชุมชนสามารถจัดการสุขภาวะของตัวเองได้” เมื่อได้รับโอกาสและเครื่องมือที่เหมาะสม

นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ ประธานกรรมการบริหารแผนคณะที่ 3 สสส. กล่าวว่า “ชุมชนแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์ มีพลัง และมีศักยภาพในการพัฒนาได้เองอย่างน่าทึ่ง ทั้งการรณรงค์เลิกเหล้าเลิกบุหรี่ สร้างคนต้นแบบ ‘หัวใจเพชร’ ไปจนถึงการส่งเสริมคนอายุยืนเกิน 100 ปี ให้เป็นแบบอย่างเรื่องการดูแลสุขภาพในวิถีชีวิตประจำวัน เช่น การกินอาหาร การออกกำลังกาย และการจัดระบบความปลอดภัยในหมู่บ้าน”

คุณหมอพิศิษฐ์ย้ำว่า หัวใจสำคัญของการสร้างสุขภาวะไม่ใช่การสั่งการจากส่วนกลาง แต่คือ “พื้นที่” ที่ลุกขึ้นมาสำรวจ วางแผน แก้ปัญหา และออกแบบอนาคตของตัวเอง ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาอย่างแท้จริง ยิ่งเมื่อมีการถ่ายโอนบทบาทการดูแลสุขภาพจากกระทรวงสาธารณสุขมายังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น อบต.  เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ยิ่งทำให้การจัดการสุขภาวะตอบโจทย์ชุมชนมากขึ้น

ภาควิชาการ เช่น คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้ามาหนุนเสริมในมิติข้อมูลและเศรษฐกิจชุมชน  ขณะที่การสื่อสารสมัยใหม่ เช่น การใช้ Influencer หรือระบบเนื้อหาดิจิทัล รวมถึงเทคโนโลยี AI ถูกนำมาใช้เชื่อมโยงการเรียนรู้ในชุมชนอย่างกว้างขวาง ช่วยยกระดับการสื่อสารให้มีพลังมากขึ้น ไม่ใช่แค่เล่าเรื่อง แต่สร้างแรงบันดาลใจและการมีส่วนร่วมที่แท้จริง

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ประธานกรรมการจัดทำธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2565-2570 กล่าวว่า การปฏิรูประบบสุขภาวะของไทยจะไม่เกิดขึ้นเลย หากไม่เปลี่ยนแปลง “ระบบคิด” และ “ระบบคุณค่า” ที่สังคมยึดถืออยู่ ปัจจุบันประเทศเรายังขับเคลื่อนด้วยตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจอย่าง GDP แต่ถึงเวลาที่ต้องขยับไปสู่แนวคิด “Total Well-being” หรือความอยู่ดีมีสุขแบบองค์รวม ที่เติบโตอย่างฉลาด (Smart) และถูกทาง (Rightful)

โดย ดร.สุวิทย์มีการนำเสนอแนวคิด “Thailand Imagineering” หรือการออกแบบอนาคตประเทศร่วมกัน โดยมีชุมชนเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลง ใช้พลัง 5 หัวใจ หรือ 5 DNA ของชุมชนท้องถิ่น ได้แก่

 

Inclusive: เปิดกว้าง ครอบคลุมทุกกลุ่มคน

Participative: มีส่วนร่วมทุกขั้นตอน

Responsive: ตอบสนองต่อปัญหาได้รวดเร็ว

Regenerative: ฟื้นฟูสังคมอย่างยั่งยืน

Innovative: คิดใหม่ สร้างสรรค์ ไม่ยึดติดรูปแบบเดิม

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การลุกขึ้นมาร่วมกันออกแบบ “ผังแม่บทชุมชน” การสร้างศูนย์เรียนรู้ข้ามรุ่น การพัฒนาเทคโนโลยีท้องถิ่นเพื่อดูแลสุขภาพ การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน และระบบกองทุนฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือกันในยามวิกฤต all of wish ล้วนเกิดจากพลังของคนในชุมชนเอง

สิ่งเหล่านี้สะท้อนการเปลี่ยนผ่านจาก “ชุมชนผู้รอรับ” ไปสู่ “ชุมชนผู้นำ” อย่างเป็นรูปธรรม

ดร.ชูพงศ์ คำจวง ที่ปรึกษานายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการถ่ายโอน รพ.สต.สู่ท้องถิ่นว่า เป็นกระบวนการที่ดำเนินมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี แต่เริ่มเห็นความคืบหน้าเป็นรูปธรรมมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีหลัง โดยปี 2567 คาดว่าจะมี รพ.สต. ถ่ายโอนสำเร็จรวม 4,500 แห่ง จากทั้งหมด 9,500 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง

แม้จะมีปัญหาในเรื่องงบประมาณและกฎระเบียบต่างๆ แต่เครือข่ายท้องถิ่นก็ไม่ย่อท้อ เพราะมองเห็นคุณค่าของการได้ “ดูแลสุขภาพของตนเอง” ผ่านระบบที่ออกแบบมาเพื่อชุมชน โดยชุมชนเอง

หัวใจของการเปลี่ยนแปลงระบบสุขภาวะประเทศ ไม่ได้อยู่ที่การตั้งเป้าหมายใหญ่โต หากแต่อยู่ที่การลงมือทำในระดับชุมชน ให้มีเครื่องมือ ความรู้ และอำนาจในการตัดสินใจ เป็นระบบที่ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียง และภาคีทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการออกแบบ

วิสัยทัศน์ใหม่ของการพัฒนาจึงไม่ได้วัดจากความมั่งคั่งทางวัตถุเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นความมั่งคั่งบนฐานของความสมดุล ทั้งเศรษฐกิจ สังคม จิตใจ และสิ่งแวดล้อม ให้คนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มีความยุติธรรม ความเสมอภาค โปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ทั้งหมดนี้คือ “การอภิวัฒน์ระบบสุขภาวะของประเทศ” จากพลังเล็กๆ ในท้องถิ่น สู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระดับชาติอย่างยั่งยืน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สสส. ผนึกกำลัง 10 หน่วยงาน 100 ภาคี เตรียมจัดงานThailand National PM 2.5 Forum #2 เปลี่ยนระบบ เชื่อมข้อมูล ขับเคลื่อนอากาศสะอาด

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเตรียมความพร้อมการประชุมระดับชาติ เรื่อง มลพิษทางอากาศ PM2.5 ครั้งที่ 2 (Thailand National PM2.5 Forum #2)

“เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ 1 ปีบัสนร.ไฟไหม้

กิจกรรม “เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนนแก่เด็กนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อยกระดับมาตรฐาน “รถรับส่ง-คนขับ” สร้างการเรียนรู้ ป้องกันเหตุซ้ำรอย

“พลังรัก–ศรัทธา"ร่วมวางรากฐานใหม่ สู่ประเทศไทยปลอดภัยจากยาเสพติด

ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นบาดแผลเรื้อรังของสังคมไทยมานานนับทศวรรษ และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และความเสี่ยงรอบด้าน

“12.12 สายชอปปิ้งต้องระวัง” สสส.-ม.อ. เปิดเวทีสะท้อนปัญหา “ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย” ในไทย เผยผลตรวจสอบผลิตภัณฑ์ไร้คุณภาพผ่านแพลตฟอร์ม “TaWai for Health”

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. 2568 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์

83% คนไทยเหงา! สังคมโดดเดี่ยวพุ่งสูง ขับเคลื่อนเปลี่ยนประเทศด้วยพลังการรับฟัง

ในวันที่สังคมไทยเชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีเกือบตลอด 24 ชั่วโมง กลับเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึก “เหงา” มากที่สุดในชีวิต