
ทุกคนบนโลกใบนี้อยากมีอายุยืนยาวอย่างมีสุขภาวะหรือสุขภาพที่ดี เรามาร่วมสร้างอนาคตประชากรไทยให้มีอายุยืนยาวร่วมกัน ลดการตายก่อนวัยอันควร เพิ่มคุณภาพชีวิตให้อายุยืนยาวขึ้น หากทุกคนไม่ป่วยจะมีอายุยืนได้ถึง 90 ปี สัญญาณเตือนคนไทยเผชิญวิกฤต ต้องสูญเสียปีสุขภาวะหรือปีสุขภาพดี 20.5 ล้านปีสุขภาวะ (DALYs) สาเหตุจากโรคหลอดเลือดสมองสูง (STROKE) ครองแชมป์ทั้งหญิง-ชาย รองลงมาบาดเจ็บทางถนนพบในเพศชายวัยแรงงาน โรคเบาหวาน ไตเรื้อรังพบในเพศหญิงวัยกลางคน โรค NCDs เรื้อรังและปัญหาสุขภาพจิตในผู้สูงอายุ ในจำนวนนี้ 78% ของการสูญเสียทั้งหมด พบการตายก่อนวัยอันควร หรือ Year of life lost due to premature mortality:YLL

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP Foundation) และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ผนึก คณะกรรมการกำกับทิศทางโครงการเสริมสร้างศักยภาพการศึกษาดัชนีภาระโรคแห่งประเทศไทย จัดการประชุมวิชาการภาระโรคแห่งประเทศไทย ปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “ภาระโรคของคนไทย: ร่วมคืนปีสุขภาวะให้คนไทย” เพื่อสะท้อนภาพรวมภาวะสุขภาพคนไทย เมื่อช่วงสายวันที่ 6 ต.ค. 2568 ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ

แนวโน้มผู้ป่วย NCDs เป็นชายอายุน้อยลง
ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภกา รักษาการผู้อำนวยการสำนักวิชาการและนวัตกรรม สสส. เปิดเผยว่า สสส.สนับสนุนโครงการเสริมสร้างศักยภาพการศึกษาดัชนีภาระโรคแห่งประเทศไทย ด้วยการเลือกพื้นที่ทำงานในการศึกษาภาระโรคและบาดเจ็บของประชากรไทยในระดับประเทศมาอย่างต่อเนื่อง (DALYs in Thailand) ทำไมถึงได้มีการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร รวมทั้งมีการบาดเจ็บและพิการในแต่ละกลุ่มวัย เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพแบบ 3 มิติในระดับประเทศและระดับจังหวัด 1.ขับเคลื่อนเชิงนโยบาย ผ่านการจัดลำดับปัญหาสุขภาพ และประเมินผลกระทบจากมาตรการต่างๆ 2.สร้างองค์ความรู้วิชาการ เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับพัฒนางานวิจัย 3.สื่อสารกับสังคม
ในช่วงเด็กมีปัญหาอุบัติเหตุจากการจมน้ำแล้วเสียชีวิตตั้งแต่ 4-5 ขวบ ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูของพ่อแม่ รวมถึงการดูแลในเรื่องโภชนาการ เด็กกลุ่มหนึ่งเมื่อเติบโตมาจนถึงวัยทำงาน บางคนเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนน แทนที่จะมีอายุยืนยาวถึง 90 ปี ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ทั้งนี้เพราะผู้ชายมีความเสี่ยงในการใช้ชีวิต ทั้งการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ส่วนโรค NCDs โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวาน หัวใจ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในกลุ่มผู้หญิงสูงวัย แต่ขณะนี้มีแนวโน้มว่าผู้ป่วยโรค NCDs จะมีอายุน้อยลง และขยับเพิ่มจำนวนขึ้นในกลุ่มผู้ชายที่อยู่ในวัยทำงานป่วยและเสียชีวิต “หากคนไทยที่ไม่ป่วยจะมีอายุยืน 80-90 ปี แต่คนทั่วไปจะเสียชีวิตก่อนที่จะถึงวัยนี้ บางคนเสียชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก บางคนเสียชีวิตช่วงทำงาน และบางคนเสียชีวิตเมื่อย่างสู่วัย 70 ปี บางคนเป็นโรคมะเร็ง ในระหว่างการรักษา บางคนป่วยติดเตียง เสียชีวิตใน 3 ปี จากการสำรวจในช่วง 3 ปี คนไทยสูญเสียปีสุขภาวะหรือปีสุขภาพดี 1.8 ล้านปี คนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควรสูงขึ้น โรคโควิด-19 กลายเป็นภาระโรคต่อเนื่อง ที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอยู่ใน 10 อันดับต้นๆ ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ หากวัดผล GDP ทางสุขภาพ”

คนกรุงอายุยืนกว่าคนชายขอบ 6-9 ปี
คน กทม.มีสุขภาพดีมีอายุยืนมากกว่าคนยโสธรหรือในภาคอื่นๆ 6-9 ปี เพราะเข้าถึงมิติการรักษาพยาบาลทางสุขภาพทางการแพทย์และสาธารณสุขได้ดีกว่า ในขณะที่บางจังหวัดมีความเจริญ เศรษฐกิจดี แต่ก็พบความเหลื่อมล้ำ “DALYs น้อยที่สุดอยู่ที่ภาคใต้ตอนบน กระบี่ นครศรีธรรมราช พังงา มีผู้สูงอายุอยู่กันอย่างหนาแน่นเป็น Blue Zone สังเกตได้ว่าคนมุสลิมที่มีความศรัทธา ห้ามดื่มเหล้าลดการสูญเสียชีวิตจากโรคมะเร็งในตับ การเคร่งครัดต่อศาสนามีผลต่อจิตใจและพฤติกรรม โดยเฉพาะการฆ่าตัวตายเป็นสิ่งผิด มุสลิมบางกลุ่มสูบบุหรี่ รับประทานอาหารฮาลาลไขมันในเลือดสูง”
“ดังนั้น สสส.ใช้ฐานข้อมูลภาระโรค กำหนดยุทธศาสตร์การทำงานสร้างเสริมสุขภาพระดับประเทศ นำมาพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่มุ่งขับเคลื่อนให้เกิดมาตรการลดปัจจัยเสี่ยงสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ผลักดันมาตรการภาษีควบคุมยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรการลดอุบัติเหตุทางถนน และพัฒนากลไกเฝ้าระวังโรคระดับชาติ ทั้งนี้การกู้คืนปีสุขภาวะจำเป็นต้องใช้ฐานข้อมูลภาระโรคที่แม่นยำ เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงสุขภาพตามบริบทของพื้นที่ นักวิชาการ นักวิจัย และหน่วยงานด้านนโยบาย สามารถนำข้อมูลภาระโรคไปใช้ในการพัฒนาความรู้ และเสนอแนวทางใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาสุขภาพ ช่วยเพิ่มอายุคาดเฉลี่ยและยกระดับสุขภาวะของประชาชนไทยอย่างยั่งยืน” ดร.ณัฐพันธุ์เปิดเผย
ผู้ชายเสาหลักครอบครัวเสี่ยงบาดเจ็บทางถนนเสียชีวิต

ดร. ทพญ.กนิษฐา บุญธรรมเจริญ นักวิจัยอาวุโส มูลนิธิเพื่อการพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ ชี้แจงว่า คนไทยต้องสูญเสียปีสุขภาวะจากสาเหตุหลัก คือ 1. โรคหลอดเลือดสมอง 9.5% 2.อุบัติเหตุทางถนน 7.3% 3.โรคเบาหวาน 6.2% และ 4.โรคไตเรื้อรัง 5.7% ซึ่งโรคหลอดเลือดสมอง ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยทั้งเพศชายและเพศหญิงเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ทั้งนี้ การบาดเจ็บทางถนนเป็นสาเหตุการเสียชีวิตมากที่สุด ทั้งในเพศชายและหญิง ในช่วงวัยรุ่นและวัยแรงงาน อายุ 15-44 ปี นอกจากนี้ ยังวิเคราะห์สาเหตุของการสูญเสียปีสุขภาวะเป็นกลุ่มช่วงอายุ พบว่ากลุ่มเด็กเล็ก อายุ 0-14 ปี เสี่ยงบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนและจมน้ำ กลุ่มวัยรุ่น อายุ 15-29 ปี พบปัญหาทำร้ายตนเอง ติดยาเสพติด และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กลุ่มวัยผู้ใหญ่ อายุ 30-59 ปี และกลุ่มสูงวัย อายุ 60 ปีขึ้นไป ป่วยโรคไม่ติดต่อ (NCDs) มากที่สุด โดยเฉพาะ 1 ใน 3 เสียชีวิต เจ็บป่วยจากโรค NCDs และเป็นTop 5 ของทุกประเทศ ทั้งๆ ที่คนควรมีอายุยืนได้ถึง 88 ปี

พบคนไทยต้องใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายอยู่กับความเจ็บป่วยและความพิการที่ทุกข์ทรมาน 6-9 ปีในช่วงบั้นปลายของชีวิตที่เหลือ การกู้คืนปีสุขภาวะของคนไทยต้องใช้นโยบายเชิงรุกที่แม่นยำ ครอบคลุม และตอบโจทย์กลุ่มประชากรเสี่ยงตามเพศและวัยอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องมิติของการลดการตายก่อนวัยอันควร และเพิ่มคุณภาพชีวิตในช่วงที่อายุยืนยาวขึ้น กลุ่มวัยเด็ก วัยทำงาน วัยผู้สูงอายุเจ็บป่วยตายแตกต่างกัน
คนกรุงเข้าถึงหมอได้ดีกว่าภาคอื่น
ข้อสังเกตว่า คน กทม.มีสุขภาพดีกว่าภาคอื่นๆ DALYs น้อยกว่าทุกโรค ปัจจัยสำคัญอยู่ในเมืองหลวง เข้าถึงบริการสาธารณสุข มีความเสี่ยงน้อยกว่า ใช้บริการรถขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า เรือสาธารณะ “การกู้คืนปีสุขภาวะเพื่อให้คนไทยมีสุขภาพดี ไม่เจ็บป่วย ต้องอาศัยกลยุทธ์และนโยบายเพื่อป้องกันโรคที่ตอบโจทย์กลุ่มประชากรตามเพศและวัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ผ่านการขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพที่สำคัญ 5 ด้าน 1.ผลักดันการควบคุมโรค NCDs อย่างต่อเนื่อง 2.ยกระดับความปลอดภัยทางถนนทุกมิติ ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย กำหนดมาตรฐานถนนและยานพาหนะ ส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะที่ปลอดภัย 3.พัฒนาระบบส่งเสริม ป้องกัน ควบคุมโรคที่สร้างภาระสุขภาพสูง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ โรคตับ 4.สร้างระบบบริการสุขภาพจิตและบำบัดยาเสพติดเชิงรุก 5.ใช้ฐานข้อมูลปีสุขภาวะที่หายไป เป็นตัวช่วยวางแผน ลำดับความสำคัญของปัญหา และประเมินผลของนโยบาย” ดร. ทพญ.กนิษฐาเปิดเผย

ศ.เกียรติคุณ นพ.สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ อาจารย์คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และประธานกรรมการกำกับทิศโครงการเสริมสร้างศักยภาพการศึกษาดัชนีภาระโรคแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีการศึกษาข้อมูลภาระโรคอย่างต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ด้านสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อการมีสุขภาวะดีของคนไทย ทุกภาคส่วนต้องสานพลังแก้ไขปัญหา ขับเคลื่อนนโยบายที่เหมาะสม และลงทุนในมาตรการเชิงรุกที่ครอบคลุมและยั่งยืน ป้องกันการสูญเสียปีสุขภาวะ ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อคุณภาพชีวิต แต่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางเศรษฐกิจที่ต้องจ่ายโดยไม่จำเป็น ทั้งจากภาระค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น และการสูญเสียทุนมนุษย์โดยเฉพาะในวัยเด็กและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ การประชุมวิชาการครั้งนี้จะเป็นเวทีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนนโยบายด้านสุขภาพ ทราบผลการศึกษาภาระโรคตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับเขตสุขภาพ ไปจนถึงระดับประเทศ และส่งเสริมการใช้ข้อมูลภาระโรคฯ ขับเคลื่อนงานนโยบายสร้างเสริมสุขภาพในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้สนใจสามารถเข้าไปดาวน์โหลดรายงานภาระโรคฯ ได้ที่ www.bodthai.net
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สสส. ผนึกกำลัง 10 หน่วยงาน 100 ภาคี เตรียมจัดงานThailand National PM 2.5 Forum #2 เปลี่ยนระบบ เชื่อมข้อมูล ขับเคลื่อนอากาศสะอาด
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเตรียมความพร้อมการประชุมระดับชาติ เรื่อง มลพิษทางอากาศ PM2.5 ครั้งที่ 2 (Thailand National PM2.5 Forum #2)
“เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ 1 ปีบัสนร.ไฟไหม้
กิจกรรม “เติมพลังใจ” สร้างการเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนนแก่เด็กนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชน เพื่อยกระดับมาตรฐาน “รถรับส่ง-คนขับ” สร้างการเรียนรู้ ป้องกันเหตุซ้ำรอย
“พลังรัก–ศรัทธา"ร่วมวางรากฐานใหม่ สู่ประเทศไทยปลอดภัยจากยาเสพติด
ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นบาดแผลเรื้อรังของสังคมไทยมานานนับทศวรรษ และยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และความเสี่ยงรอบด้าน
“12.12 สายชอปปิ้งต้องระวัง” สสส.-ม.อ. เปิดเวทีสะท้อนปัญหา “ผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย” ในไทย เผยผลตรวจสอบผลิตภัณฑ์ไร้คุณภาพผ่านแพลตฟอร์ม “TaWai for Health”
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. 2568 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์
คนกรุงหายใจโล่ง เปิด 12 เขต ค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุด
ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2568 เวลา 07:00 น.

