
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้เด็กและเยาวชนต้องกลายเป็นผู้ประสบภัยและพักอาศัยในศูนย์อพยพต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และโรงเรียนในพื้นที่ แม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายแล้ว แต่หลายครอบครัวยังคงต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิง เนื่องจากบ้านเรือนไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะเข้าพักอาศัยทันที ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเด็ก ซึ่งเด็กแต่ละช่วงวัยจะมีการตอบสนองต่อเหตุการณ์วิกฤตที่แตกต่างกัน ในเด็กเล็กจะร้องไห้ตลอดเวลาเนื่องจากการกินและการนอนไม่เหมือนเดิมขณะที่ปัญหาที่น่ากังวลที่สุด คือ บาดแผลภายในจิตใจ ซึ่งอาจนำไปสู่ผลกระทบในระยะยาวหากเด็กไม่ได้รับการดูแลทางจิตใจอย่างเพียงพอ หรือหากพ่อแม่ที่อยู่ในภาวะวิตกกังวลและแสดงอารมณ์ที่ไม่เหมาะสม จะทำให้บาดแผลทางใจเกิดขึ้นระยะยาว และเสี่ยงที่จะป่วยโรคซึมเศร้า หรือโรคตื่นตระหนก

“สสส. มุ่งส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเติบโตอย่างมีสุขภาวะดี และสนับสนุนรัฐบาลในการฟื้นฟูสุขภาพใจของผู้ประสบภัยเหตุการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนทุกคน ที่ผ่านมา แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ภาคีเครือข่ายอ่านยกกำลังสุข และภาคีเครือข่ายพลังอ่านชายแดนใต้ ลงพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อช่วยเหลือและเยียวยาเด็กผ่านงานสำคัญ 3 ด้าน 1.จัดตั้งจุดอ่านหนังสือให้เด็กในศูนย์พักพิง สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้เด็กได้ผ่อนคลาย ฟื้นพลังใจ และเสริมทักษะการเรียนรู้ 2.ระดมอุปกรณ์ช่วยเหลือเพื่อผู้ประสบภัย 3.ส่งเสริมให้หน่วยงานใช้คู่มือ “ปลูกกล้ากลางไฟ” เป็นแนวทางในการดูแลและฟื้นฟูจิตใจเด็กในภาวะวิกฤตตามมาตรฐานสากล ด้วยหลักการ 4 ป. ประกอบด้วย 1.ปลอดภัย ทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัยจากเหตุการณ์วิกฤต ทั้งทางกายและทางจิตใจ 2.ปลอบขวัญ จัดพื้นที่หรือกิจกรรมให้เด็กได้พักใจและสงบใจ 3.ป้องกัน ไม่ให้เกิดปัญหาทางจิตใจในระยะยาว ผ่านกิจกรรมการเล่นและการพูดคุย ช่วยคัดกรองเด็กที่มีปัญหาเพื่อส่งต่อไปผู้เชี่ยวชาญ 4.เปิดบริการ ดำเนินการส่งต่อเด็กที่จำเป็นต้องได้รับยาหรือคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ” ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว

รศ.นพ.เทอดพงศ์ ทองศรีราช ประธานศูนย์วิจัยและจัดการความรู้วัฒนธรรมการอ่านเพื่อสร้างเสริมสุขภาวะเด็กปฐมวัยภาคกลาง กล่าวว่า การฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็กได้อย่างทันท่วงทีมีความสำคัญมาก เพราะหากมีการจัดการที่ดี ทุกวิกฤตก็คือโอกาสที่จะทำให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงและมีทักษะในการบริหารจัดการที่ดี คู่มือ “ปลูกกล้ากลางไฟ” ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ดูแลเด็กและเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤตที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งทีมอาสาสมัคร คุณครู อสม. หรือผู้ที่อยู่ในศูนย์อพยพ และศูนย์พักพิง สามารถนำคู่มือไปใช้ในการช่วยเหลือและเยียวยาเด็กได้อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและปัญหาพัฒนาการถดถอย หน่วยงานที่ต้องการนำคู่ไปใช้สามารถเปิดอ่านและดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ www.happyreading.in.th หรือหากต้องการความช่วยเหลือและข้อแนะนำในการพัฒนาเด็กเพิ่มเติม สามารถติดต่อประสานงานได้ทางที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ “พลังอ่านชายแดนใต้” หรือ “อ่านยกกำลังสุข”

“สำหรับพ่อแม่ที่ต้องการแนวทางดูแลเด็กที่ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวิตกกังวล สามารถดำเนินการดูแลเด็กได้ด้วยแนวทางดังนี้ 1.สร้างความรู้สึกปลอดภัยผ่านการกอด สัมผัส เพื่อแสดงความมั่นคงทางอารมณ์ และสร้างความรู้สึกว่าตอนนี้ปลอดภัยแล้ว 2.เปิดโอกาสให้เด็กพูดถึงความรู้สึก อาจจะให้เด็กเล็กวาดรูป หรือเขียนบันทึก เพื่อสื่อสารความรู้สึกของตัวเอง ผู้ปกครองควรรับฟังและยอมรับความรู้สึกนั้น โดยไม่รีบบอกให้ต้องเข้มแข็ง แต่ควรใช้คำพูดที่เข้าใจและให้กำลังใจ 3.กลับสู่ชีวิตปกติโดยเร็ว พยายามจัดตารางกิจกรรมให้ชัดเจน ทั้งเวลาทานอาหาร เวลานอน และเวลาทำกิจกรรมในศูนย์อพยพ เพื่อให้เด็กได้ปรับตัวทางจิตใจได้เร็วที่สุด4.หลีกเลี่ยงการรับรู้ข่าวสารซ้ำ ๆ ผู้ปกครองไม่ควรเปิดข่าวหรือให้เด็กรับรู้ภาพเหตุการณ์ที่รุนแรงซ้ำๆ เพราะจะยิ่งทำให้บาดแผลทางจิตใจยังคงอยู่ และจะทำให้เด็กไม่สามารถแยกแยะระหว่างภาพในจอโทรศัพท์กับภาวะปลอดภัยในปัจจุบันได้” รศ.นพ.เทอดพงศ์ กล่าว

นางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวันฒนธรรมการอ่าน สสส. กล่าวว่า แผนงานฯ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคหนังสือนิทานภาพ ของเล่น และตุ๊กตา เพื่อให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ใช้พลังนิทานและพลังของเล่นสร้างพลังใจให้กับเด็กผู้ประสบภัยทุกคน โดยสามารถนำสิ่งของมามอบได้ที่งาน “เทศกาลหนังสือภาพสำหรับเด็ก กรุงเทพฯ ปี 2568” ณ ห้อง Gallery ชั้น 1 อาคารศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ตั้งแต่วันนี้-14 ธ.ค. 2568 ทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 10.30-19.00 น. ซึ่งเครือข่ายพลังอ่านชายแดนใต้ที่อยู่ในพื้นที่จะทำหน้าที่ส่งต่อสิ่งของและสร้าง “พื้นที่อ่านอุ่นใจ” ส่งพลังใจให้กับเด็กๆ ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
83% คนไทยเหงา! สังคมโดดเดี่ยวพุ่งสูง ขับเคลื่อนเปลี่ยนประเทศด้วยพลังการรับฟัง
ในวันที่สังคมไทยเชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีเกือบตลอด 24 ชั่วโมง กลับเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ผู้คนจำนวนมากรู้สึก “เหงา” มากที่สุดในชีวิต
‘จุลพันธ์’ ควงแขน ‘ทวี’ ลงหาดใหญ่ ตามคาดอัดรัฐบาลหนูล้มเหลว
"จุลพันธ์" นำทีมเพื่อไทย ผนึก "ประชาชาติ" ลุยหาดใหญ่ เดินหน้าส่งอาสาสมัครเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจอาสาสมัครและประชาชน อัด 'รัฐบาลหนู' บริหารจัดการล้มเหลว แผนเยียวยาไม่ชัดเจน จี้ภาครัฐเร่งดำเนินการแก้ปัญหาความเดือดร้อน พร้อมเร่งฟื้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน
‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง
"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12
รัฐบาลโอนเยียวยาน้ำท่วมใต้ครั้งที่ 6 'สงขลา-ตรัง' 40,935 ครัวเรือน กว่า 300 ล้านบาท
โฆษกเผยการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 แบบเหมาจ่ายในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท ใน 4 รูปแบบ
'อนุทิน' ยกคณะบินหาดใหญ่ บิ๊กคลีนนิ่งหลังน้ำลด เยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย-มอบถุงยังชีพชาวสตูล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร2 กองบิน6 (บน.6) ดอนเมือง เพื่อตรวจราชการจังหวัดสงขลาและจังหวัดสตูล

