
อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี—เช้าวันนี้ บรรยากาศที่โรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัยคึกคักเป็นพิเศษ ครูและผู้บริหารกว่า 50 คนจากเครือซาเลเซียนพร้อมใจกันเข้าร่วมการอบรมเชิงปฏิบัติการ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps เพื่อเตรียมความพร้อมสู่หลักสูตรอิงมาตรฐานเป็นโรงเรียนฐานนวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโฉมการเรียนรู้ของประเทศไทยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
นี่ไม่ใช่เพียงการอบรมทั่วไป แต่คือ การขยับตัวเชิงระบบ ของโรงเรียนคาทอลิกในพื้นที่บ้านโป่งที่ถือเป็นจุดตั้งต้นสำคัญของกระแส “โรงเรียนฐานสมรรถนะ” ซึ่งกำลังถูกจับตาในวงการศึกษาไทยว่าเป็นโมเดลที่ปรับตัวได้เร็วและลงมือทำจริง
บาทหลวงสมโรจน์: “Active Learning ทำอยู่แล้ว แต่ GPAS 5 Steps ทำให้เราไปได้ไกลกว่า”

บาทหลวงสมโรจน์ ไชยชนะ ผู้อำนวยการโรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัย ขึ้นกล่าวเปิดงานด้วยน้ำเสียงมั่นใจและจริงใจ สะท้อนความตั้งใจของซาเลเซียนในการพัฒนาเด็กแบบองค์รวม
“ยุคนี้เราทำ Active Learning อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ชัดขึ้น คือ GPAS 5 Steps เพราะมันเสริมการคิดขั้นสูง ทำให้ครูมีสเต็ปที่เป็นระบบ เด็กพัฒนาสมรรถนะจริง ไม่ใช่แค่จำเนื้อหา”
ท่านเล่าว่า การตอบรับของครูครั้งนี้ “เกินคาด” เพราะครูสมัครใจเข้าร่วมกว่า 50 คน แม้เป็นวันหยุดก็ตาม
“ครูของเราตื่นเต้นมาก เพราะนี่คือกระบวนการใหม่ที่ช่วยเสริมวิธีสอนที่มีอยู่ ทำให้การวางแผน–แก้ปัญหา–ประเมินผู้เรียนเห็นภาพชัดกว่าเดิม”
นี่สะท้อนว่าครูในโรงเรียนคาทอลิกมี “แรงขับภายใน” ไม่ใช่เพียงทำตามคำสั่ง แต่ต้องการพัฒนาจริงเพื่อเด็กจริง
เสียงครู: “Active Learning ทำอยู่แล้ว แต่ GPAS ทำให้เห็นภาพ และลึกขึ้น”
ตลอดช่วงอบรม มีเสียงสะท้อนจากคุณครูหลากหลายกลุ่มดังขึ้นอย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นระดับอนุบาล ประถม หรือมัธยม ครูให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า
GPAS ทำให้ขั้นตอนชัดเจน
เด็กคิดวิเคราะห์ได้ลึกกว่าเดิม
การตั้งคำถาม–เก็บข้อมูล–สรุปผล เป็นระบบขึ้น
การประเมินตนเองของเด็ก “มีทิศทาง” ไม่ใช่การสะท้อนแบบลอย ๆ
หนึ่งในครูเล่าว่า
“หลักสูตรเดิมกับ GPAS 5 Steps ไปด้วยกันได้ดีมาก มันช่วยให้ทุกอย่างมีขั้นตอน และทำให้วิเคราะห์ได้ลึกขึ้น เด็กทำอะไรได้จริงขึ้นเยอะค่ะ”
เสียงเหล่านี้ไม่ใช่เพียงคำชม แต่สะท้อนว่า GPAS 5 Steps ช่วยทำให้ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps “ไม่ใช่แค่กิจกรรม” แต่กลายเป็นกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบที่จับต้องได้

ดร.ธเนศ: เมื่อจิตตารมณ์ซาเลเซียนบรรจบกับ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps
ช่วงสำคัญของวันคือคำแถลงจาก ดร.ธเนศ คิดรุ่งเรือง รองผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาซาเลเซียน และรองผู้อำนวยการโรงเรียนสารสิทธิ์พิทยาลัย ผู้เชื่อมโยงภาพใหญ่ของซาเลเซียนเข้ากับทิศทางการศึกษายุคใหม่อย่างเฉียบคม
“หลักสูตรซาเลเซียนคือการอบรมเยาวชนให้เติบโตครบทั้งหัวใจ เหตุผล และศรัทธา ให้เด็กค้นพบคุณค่าของตนเอง และ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps คือเครื่องมือที่สอดคล้องกับสิ่งนี้อย่างยิ่ง”
ท่านอธิบายว่า ซาเลเซียนเน้นความรับผิดชอบ ความคิดเป็นระบบ และการทำงานร่วมกัน ในขณะที่
GPAS 5 Steps เน้นการคิดขั้นสูง การแก้ปัญหา และการประเมินอย่างมีเหตุผล
“เมื่อสองสิ่งนี้มาบูรณาการกัน เด็กจะได้คิด–ได้ทำ–ได้เติบโตจริง”
และท่านทิ้งท้ายอย่างทรงพลังว่า
“วันนี้ไม่ใช่แค่การพัฒนาครู แต่เป็นการพัฒนาวัฒนธรรมการเรียนรู้ของโรงเรียนทั้งระบบ สู่หลักสูตรฐานสมรรถนะอย่างแท้จริง”
ดร.ศักดิ์สิน: G-PASS Five Step Active Learning ปะทะวิกฤตทักษะเด็กไทย
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญในสัปดาห์นี้คือคำชี้แจงจาก
ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ ประธานสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
ผู้ผลักดันกระบวนการ GPAS 5 Steps กว่า 20 ปี และเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของเด็กไทย

ดร.ศักดิ์สินเปิดเผยว่า G-PASS Five Step Active Learning ถูกออกแบบขึ้นเพื่อตอบโจทย์จุดอ่อนใหญ่ของระบบการศึกษาไทย นั่นคือ
อ่านไม่ออก
เขียนไม่ได้
คิดวิเคราะห์ไม่แข็งแรง คุณธรรม ค่านิยมต่ำ ขาดทักษะพื้นฐานในการเรียนรู้และดำรงชีวิตโดยเฉพาะหัวใจสำคัญ คือ ขาดกระบวนการซึ่งส่งผลกระทบไปสู่คะแนน PISA
ปัญหาที่กระทบคะแนน PISA ของไทยต่อเนื่องกันมากกว่า 20 ปี
“G-PASS Five Step เน้นให้เด็กคิดก่อนอ่าน เข้าใจก่อนเขียน ลงมือทำจริง ความเข้าใจจะเกิดขึ้นแท้จริง ไม่ใช่การท่องจำ”
ดร.ศักดิ์สินอธิบายว่า กระบวนการนี้ช่วยลดช่องว่างระหว่างเด็กเก่งและเด็กพื้นฐานไม่ดี ด้วยหลักพหุปัญญาที่เปิดโอกาสให้เด็กทุกแบบได้แสดงศักยภาพ
“เด็กที่ผ่านกระบวนการนี้จะวิเคราะห์สถานการณ์ใหม่ได้ทุกวิชา ไม่ต้องเดาข้อสอบ PISA แต่ใช้เหตุผลอย่างเป็นระบบ”
และยังชี้ว่า หลายโรงเรียนที่ใช้ GPAS 5 Steps ต่อเนื่องเด็กสามารถสร้างนวัตกรรมและชิ้นงานระดับวิจัยได้จริงตั้งแต่ประถม–มัธยมต้น
แรงกระเพื่อมจากบ้านโป่ง…สู่การศึกษาไทย
แม้การอบรมวันนี้เป็นกิจกรรมระดับโรงเรียน แต่ผลสะเทือนลึกไปกว่านั้น เพราะสารสิทธิ์พิทยาลัยกำลังกลายเป็น “ต้นแบบการปรับตัวของโรงเรียนคาทอลิก” ที่ตอบรับหลักสูตรแกนกลาง อิงมาตรฐานได้เร็วและเป็นรูปธรรมที่สุดแห่งหนึ่ง
การขยับตัวเช่นนี้ถูกจับตาโดยครู ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานด้านการศึกษาในหลายพื้นที่ เนื่องจากเป็นโมเดลที่สะท้อนว่า
การพัฒนาครูที่ตรงจุด = การเปลี่ยนโรงเรียนทั้งระบบ
การขับเคลื่อน Active Learning ที่ลงมือทำจริงผ่านกระบวนการการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps = เกิดสมรรถนะจริง
โรงเรียนเอกชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเด็กไทยร่วมกับภาครัฐ
ไม่ใช่แรงกระเพื่อมในเชิงวิจารณ์หรือท้าทายหน่วยงานใดแต่เป็น แรงกระเพื่อมเชิงบวก ที่ชี้ให้เห็นว่าเมื่อโรงเรียนในพื้นที่เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงอย่างมุ่งมั่น ก็สามารถเสริมพลังให้ระบบการศึกษาไทยเดินหน้าได้จริง
บทสรุป: บ้านโป่งไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่เล็ก ๆ แต่เป็นห้องทดลองนวัตกรรมการศึกษาไทย
การอบรมครั้งนี้พิสูจน์ว่าหากโรงเรียน กลไกการศึกษา และจิตตารมณ์แห่งการพัฒนาเดินไปด้วยกัน—ห้องเรียนไทยสามารถเปลี่ยนได้จริง
สารสิทธิ์พิทยาลัยจึงไม่ใช่แค่โรงเรียนหนึ่งในราชบุรีแต่กำลังเป็นตัวอย่างของ “โรงเรียนยุคสมรรถนะ” ที่เริ่มขยับก่อนอย่างมีวิสัยทัศน์
และเป็นส่วนหนึ่งของแรงขับเคลื่อนใหม่ในแวดวงการศึกษายุค 2568
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้บริหารกว่า 136 โรงเรียนทั่วประเทศหลั่งไหลสู่ราชบุรี เปิดมิติใหม่ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps จุดประกายการปฏิรูปการศึกษาไทย
ผู้บริหารกว่า 136 โรงเรียนทั่วประเทศหลั่งไหลสู่ราชบุรี เปิดมิติใหม่ Active Learning ด้วยกระบวนการคิดขั้นสูงเชิงระบบ GPAS 5 Steps จุดประกายการปฏิรูปการศึกษาไทย
เซียนการศึกษา “วิษณุ เครืองาม” เสนอตั้งกรรมการนวัตกรรมทางการศึกษา Active Learning พร้อมภาครัฐสานต่อเพื่อการศึกษาในอนาคต
ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านของรัฐบาล แนวทางการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนในประเทศไทยยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องได้รับความต่อเนื่อง หลักสูตร Active Learning จึงถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอย่างจริงจัง

