นครพนมร้อนฉ่า!  ทนายเพื่อชาวบ้าน ลงสนามล้างการเมืองเก่า

จับตานักการเมืองไฟแรง พรรคไทยสร้างไทย  ทนายความนักสู้เพื่อชาวบ้านไม่เป็นธรรม ลงสนามล้างการเมืองเก่า หวังยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน

12 มี.ค.2566 – สนามเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนครพนม ที่จะระเบิดศึกชิงตั๋วเข้าสภาในปี 2566 นี้ มีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ โดยภาพรวมในขณะนี้  การเลือกตั้ง ส.ส.นครพนมทั้ง 4 เขต จึงเป็นเสมือนการต่อสู้ของกลุ่มที่มาจากพ่อแม่คนเดียวกัน  อาทิ เขตเลือกตั้งที่ 4 ประกอบด้วย  อำเภอนาแก อำเภอวังยาง อำเภอปลาปาก และอำเภอเมืองนครพนม (เฉพาะตำบลวังตามัว ตำบลกุรุคุ และตำบลบ้านผึ้ง) ถึงวันนี้ก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ

 ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 2 และ 3 แต่ละพรรคเคาะชื่อว่าที่ผู้สมัครลงตัวเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสองเขตจึงไม่มีปัญหาในการแย่งกันลงสมัครผู้แทน

ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วย อำเภอบ้านแพง อำเภอนาทม อำเภอศรีสงคราม และอำเภอนาหว้า เริ่มมีความตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน หลังจากนายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว หรือสหายแสง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง เป็นเจ้าของพื้นที่ ประกาศย้ายข้ามเขตไปลงเขต 2 ชนกับแชมป์เก่า ดร.มนพร เจริญศรี พรรคเพื่อไทย

 ส่วนพื้นที่ตรงนี้ครูแก้วส่งภรรยาสุดที่รักนางพูนสุข โพธิ์สุ หรือครูตุ่น ลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย ด้านพรรคเพื่อไทยจัด ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์  ทวงคืนบัลลังก์หลังอดีตผู้สมัครคนเดิม พ่ายให้ครูแก้วแบบฉิวเฉียด

 อย่างไรก็ตาม  เขตเลือกตั้งนี้ดูเผินๆเหมือนไม่หวือหวา หลายคนมองว่าต่อสู้เฉพาะพรรคใหญ่สองพรรคนี้ ตรงกันข้ามกลับมีว่าที่ผู้สมัครพรรคการเมืองหนึ่ง ที่ออกหาเสียงกับพี่น้องประชาชนแบบเดินเท้า ไม่มีรถยนต์วิ่งตามเป็นขบวนหรือบอดี้การ์ดติดตาม มีรถยนต์เก่าเพียงคันเดียวที่ออกไปพบปะชาวบ้าน จนรองเท้าขาดไปหลายคู่ นั้นคือ  ดร.มานพ เหมพลชม ว่าที่ผู้สมัครพรรคไทยสร้างไทย โดยมีคุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยูราพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรค

หากไล่เลียงสู่เส้นทางถนนการเมือง นายมานพ เหมพลชม เป็นคนในพื้นที่ขนานแท้ ปัจจุบันอายุ 55 ปี เป็นลูกชาวนาเกิดที่บ้านดอนแดง ต.นาทม อ.บ้านแพง (ในขณะนั้น) จ.นครพนม เป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนลูก 16 คน ฐานะทางบ้านไม่ดีนักแม้แต่รองเท้านักเรียนก็ยังไม่มีใส่ โดยเรียนชั้นประถม 1-6 รร.บ้านดอนแดง ระดับชั้น ม.1-ม.2 รร.เซกา อ.เซกา จ.หนองคาย(ในขณะนั้น) เรียนอยู่ชั้น ม.3 รร.ปิยะมหาราชาลัย จงนครพนม และเรียนจบ ม.4-ม.6 รร.พะเยาพิทยาคม จ.พะเยา

ต่อมาได้เรียนระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ม.รามคำแหง ประกาศนียบัตร วิชาว่าความ สภาทนายความ ปริญญาโท คณะรัฐประศาสนศาสตร์ BTU และปริญญาเอก คณะรัฐประศาสนศาสตร์ BTU ถือเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่เรียนจบระดับปริญญาเอก แม้ทางบ้านจะมีฐานะยากจนก็ตาม

ปัจจุบันเปิดสำนักงานกฎหมาย ดร.มานพ เหมพลชม อยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยรับว่าความช่วยเหลือประชาชนที่โดนรังแก หรือถูกกลั่นแกล้งเป็นหลัก ประกอบกับ ดร.มานพ เหมพลชม มีความอ่อนน้อม ถ่อมตน มีสัมมาคารวะ จึงกลายเป็นที่รักของชาวบ้าน

โดยที่ผ่านมาได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) เขตอำเภอบ้านแพง และอำเภอนาทม ในวาระปี 2538-2542 ซึ่งถือว่า ในช่วงการแจ้งเกิดของนักการเมือง ที่ต่อมากลายเป็นนักการเมืองระดับชาติ ที่มีคนรู้จักอย่างกว้างขวาง  เช่น นายศุภชัย โพธิ์สุ ปัจจุบันเป็น ส.ส.นครพนมเขต 1 และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง นางมนพร เจริญศรี หรือเดือน ส.ส.นครพนมเขต 2 และ ดร.สมชอบ นิติพจน์ อดีตนายก อบจ.นครพนม ในปีเดียวกันนั้น ดร.มานพ เหมพลชม ได้รับการโหวดจากสมาชิกสภาจังหวัดฯ ให้เป็นรองนายก อบจ.นครพนม คนที่ 1 อีกด้วย

หลังครบวาระ ดร.มานพ เหมพลชม หันมาทำงานอยู่เบื้องหลังให้นักการเมืองหลายคน และเข้าได้กับนักการเมืองทุกคนทุกพรรค โดยไม่ได้วางมือทางการเมืองแต่อย่างใด เพียงเปลี่ยนบทบาทหน้าที่เท่านั้น

กระทั่ง คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยูราพันธุ์ ตั้งพรรคไทยสร้างไทย จึงชักชวนให้มาร่วมงานด้วย และไว้วางใจให้เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนมเขต 1

 ในขณะที่พรรคใหญ่ยังแย่งกันเป็นประธานวางผ้าบังสุกุลในงานศพ เพื่อชิงความได้เปรียบ ดร.มานพ เหมพลชม คงเดินเคาะประตูบ้านถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยมีรถยนต์คันเก่าๆเป็นเพื่อนร่วมทาง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สงกรานต์นครพนม แห่ขอพรพญานาค

นครพนมสุดคึกคัก สงกรานต์แห่ขอพรพญานาค ถนนข้าวปุ้นอุโมงค์น้ำคึกคัก อากาศร้อนแตะ 40 องศาฯ ในเมืองเล่นสงกรานต์เที่ยงคืน

'แม้ว' หักหลังเสื้อแดง ฟันธงเลือกตั้ง 'เพื่อไทย' แพ้ 'ก้าวไกล'

ความพยายามของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาปฏิเสธภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยว่า ไม่ใช่พรรคอนุรักษ์นิยมใหม่ แต่เป็นพรรครีฟอร์มมาจากพรรคไทยรักไทย และพรรคพลัง

วุฒิสภา นัดถกรายงานเสนอ กกต. แก้กฎหมายเลือกตั้ง-พรรค ใช้โซเชียลหาเสียง

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมในวันที่ 9 เม.ย. โดยมีวาระพิจารณาที่น่าสนใจ คือ การพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.

‘เศรษฐา’ โอ่ 3 ปีครึ่ง นำความเป็นอยู่ที่ดีให้ ปชช. ฉุด ‘พท.’ ชนะเลือกตั้งครั้งหน้า

นายกฯ โอ่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น และหวังว่าผลที่จะตามมาคือ ทำให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง