‘อัษฎางค์’ ร่ายยาวเปิดตาคนรุ่นใหม่ใจบอด ทั่วโลกยกย่อง'กษัตริย์นักพัฒนา'

‘เอ็ดดี้’ สอนคนรุ่นใหม่ใจบอดถูกนักการเมือง นักวิชาการ ผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์หลงยุค บิดเบือนข้อเท็จจริงมากมายเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ร่ายยาวเปิดให้เห็นทั่วโลกยกย่องกษัตริย์นักพัฒนา ละเอียดยิบ

28 มี.ค.2565-นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก “เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค” เรื่อง ทั่วโลกยกย่อง”กษัตริย์นักพัฒนา” ระบุว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับโครงการในพระราชดำริกว่า 4 พันโครงการ ซึ่งนำไทยจากประเทศด้อยพัฒนาก้าวขึ้นมาเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับต้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” แต่คนรุ่นใหม่ใจบอดจึงมองไม่เห็นคุณงามความดีนั้น

โครงการในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 หรือในหลวงรัชกาลที่ 10 มิใช่สิ่งที่จะทำให้ประเทศพัฒนาหรือไม่พัฒนาโดยตรง แต่เป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการทำงานเพื่อพัฒนาประเทศของนักการเมืองและรัฐบาล น้องๆ หนูๆ คงต้องกลับไปเรียนหนังสือกันใหม่เพราะคำพูดเหล่านี้เช่น “ถ้าโครงการ 4000 โครงการดี ทำไมผ่านมา 70 ปีจึงได้แค่ประเทศด้อยพัฒนา” เป็นคำพูดของคนที่เหมือนไร้การศึกษา จึงไม่เข้าใจการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ซึ่งมีความหมายว่า “พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศ แต่ผู้ที่มีอำนาจอธิปไตยซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดตัวจริงคือ ตัวน้องๆ หนูๆ พ่อแม่ญาติพี่น้องของน้องๆ หนูๆ และคนไทยทั้งชาติ ที่มอบอำนาจการปกครองที่เรามีอยู่ให้กับนักการเมือง ผ่านการเลือกตั้ง”

ขยายความอีกหน่อยได้ว่า ประเทศจะพัฒนาหรือด้อยพัฒนาขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถของประชาชนว่าเลือกนักการเมืองคนใดพรรคไหนเข้ามาบริหารประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศจะพัฒนาหรือไม่ขึ้นอยู่กับนักการเมืองเป็นหลัก

คนไทยรุ่นใหม่ถูกนักการเมือง นักวิชาการและผู้นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์หลงยุคบิดเบือนข้อเท็จจริงมากมายเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ในขณะที่ในระดับนานาชาติต่างรับรู้ในพระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทย ประเทศไทยและประชาคมโลก จนเป็นที่มาของรางวัลระดับโลกมากมาย ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เคยได้รับรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ UN Development Programme (UNDP) Human Development Lifetime Achievement Award เมื่อปี 2549

และมีการกำหนดให้วันคล้ายวันพระราชสมภพ 5 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันดินโลก เพื่อน้อมรำลึกถึงพระราชกรณียกิจในการสร้างความตระหนักรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความสำคัญของดินต่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

และทางยูเนสโก ได้อัญเชิญแนวปรัชญา”เศรษฐกิจพอเพียง”ของในหลวงรัชกาลที่ 9 บรรจุภายใต้แผนการพัฒนาขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น โดยจะให้ชาติสมาชิกนำศาสตร์พระราชาไปประยุกต์ใช้เพื่อทำแผนพัฒนาอย่างยั่งยืนภายใต้บริบทของประเทศตัวเองอีกด้วย

ย้อนไปเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2559  ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly – UNGA) จัดประชุมสมัชชาสหประชาชาติโดยมีวาระพิเศษเพื่อแสดงความอาลัยและสดุดีแด่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยมี 9 ผู้แทนทั่วโลก กล่าวคำถวายสดุดี ในหลวงรัชกาลที่ 9 ผมจะขอยกตัวอย่างที่สำคัญดังนี้

นางซามานธา เพาเวอร์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐอเมริกาประจำสหประชาชาติ กล่าวสดุดีมีใจความตอนหนึ่งว่า

“พระองค์แสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มคนที่อ่อนแอ และคนชายขอบ ดั่งพระราชดำริที่ว่า หนทางเดียวที่จะทำให้รู้ได้ว่าสิ่งใดมีประโยชน์ และหนทางเดียวที่จะเข้าใจถึงปัญหาที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่นั้น คือ การออกไปลงพื้นที่จริง ไปยังพื้นที่ที่ประชาชนอยู่อาศัย

พระองค์ทรงพยายามพบกับผู้คนในท้องถิ่นโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นชาวประมง ชาวสวนยาง ชาวนา หรือนักเรียนชั้นประถม

ด้วยเหตุนื้ จึงเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ต่างๆ ในประเทศอยู่เป็นนิจ โดยเฉพาะพื้นที่ชนบทยากไร้ห่างไกลความเจริญ โดยตลอดช่วงแห่งการครองราชย์ พระองค์มีพระราชดำริก่อตั้งโครงการพัฒนาหลายพันโครงการ”

นาย Kaha Imnadze เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรจอร์เจียประจำสหประชาชาติ ผู้แทนกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กล่าวสดุดีว่า “พระองค์จะเป็นที่จดจำในฐานะทรงเป็นผู้นำที่โดดเด่น เสียสละทุ่มเทเพื่อประเทศ ทรงเป็น “กษัตริย์นักพัฒนา”

นาย Mansour Ayyad Alotaibi เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรคูเวตประจำสหประชาชาติ ผู้แทนกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวสดุดีว่า

“ทรงมีบทบาทในการสร้างสันติภาพและแก้ไขความขัดแย้ง และการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งทำให้ไทยก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับต้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ปิดท้ายนายวีระชัย พลาศัย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ กล่าวสดุดีว่า “พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนามนุษย์โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง จึงเป็นที่มาของโครงการพระราชดำริกว่า 4 พันโครงการ นำไทยจากประเทศด้อยพัฒนาขึ้นสู่ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง”

จะเห็นหรือไม่ว่าในระดับนานาชาติยังรู้ว่าตลอดรัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงมีบทบาทสำคัญ”ที่นำประเทศไทยจากประเทศด้อยพัฒนาก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับต้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

แล้วยังไปหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือนว่า “ถ้าโครงการ 4000 โครงการดี ทำไมผ่านมา 70 ปี จึงได้แค่ประเทศด้อยพัฒนา”

ไม่รู้ว่าคนที่พูดว่าไทยเป็นประเทศด้วยพัฒนานั้นโผล่มาจากกะลาหรือหลังเขาลูกไหน เพราะประเทศไทยหลุดพ้นสถานะของประเทศด้อยพัฒนามานานหลายสิบปีแล้ว และถ้าใช้คำจำกัดความตามหลักเกณฑ์เก่าๆ ประเทศไทยเราจัดอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

มาลองดูกันหน่อยไหมว่ามีประเทศใดบ้างที่อยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา? ก่อนปี 2004 กลุ่มประเทศทั้งหมดในยุโรปตะวันออก รวมถึงประเทศที่แยกออกมาจากสหภาพโซเวียตในอดีต กลุ่มประเทศที่อยู่ในเอเชียตอนกลาง แม้กระทั่งจีน ถูกจัดเป็น”ประเทศกำลังพัฒนา” ไทยเราอยู่ในระดับเดียวกับรัสเซีย จีน และประเทศในยุโรปตะวันออก คุณคิดว่า เรากระจอก หรือ?

แต่ปัจจุบันกลุ่มประเทศดังกล่าว รวมทั้งประเทศไทยถูกจัดเป็นกลุ่ม”ประเทศอุตสาหกรรมใหม่” ไทยเราไม่ใช่ประเทศด้อยพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนา แต่เป็น”ประเทศอุตสาหกรรมใหม่” ทำความเข้าใจกันใหม่และจำกันไว้ให้ดีๆ เด็กสมัยนี้เรียนหนังสือกันสูงๆ แต่เรียนหนังสือมาโดยที่ไม่มีความรอบรู้ในข้อเท็จจริง จึงโดนผู้ประสงค์ร้ายต่อบ้านเมืองใช้เป็นเครื่องมือทางเมือง ด้วยชักจูงให้หลงผิดได้อย่างง่ายดาย

คำว่าประเทศกำลังพัฒนา หรือประเทศพัฒนาน้อย หรือประเทศด้อยพัฒนา เป็นคำที่ใช้เรียกประเทศที่มีมาตรฐานการดำรงชีวิตปานกลาง-ต่ำ พื้นฐานอุตสาหกรรมยังไม่พัฒนา และมีดัชนีการพัฒนามนุษย์ (Human Development Index) อยู่ในระดับปานกลาง-ต่ำ แต่ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่มีมาตรฐานการดำรงชีวิตอยู่ในระดับสูงและมีพื้นฐานอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจที่จัดอยู่ในระดับก้าวหน้า ทำให้ในปัจจุบัน กลุ่มประเทศที่ถูกเรียกประเทศกำลังพัฒนา แต่มีมาตรฐานการดำรงชีวิตอยู่ในระดับสูงและมีพื้นฐานอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจที่จัดอยู่ในระดับก้าวหน้า แต่ยังไม่ถึงขั้นประเทศที่พัฒนาแล้ว จะถูกจัดให้อยู่กลุ่มที่ใช้คำจำกัดความว่า “ประเทศอุตสาหกรรมใหม่”ซึ่งไทยอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับประเทศจีนและรัสเซีย

เดิมธนาคารโลกจัดคุณลักษณะของประเทศกำลังพัฒนาตามประเภทเศรษฐกิจของโลกออกเป็น 4 กลุ่มโดยพิจารณาจากรายได้มวลรวมประชาชาติต่อหัว ได้แก่ 1. ประเทศที่มีรายได้สูงกลางบน กลางล่างและรายได้ต่ำ 2. ประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด

3. ประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล 4. รัฐกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะเล็ก ๆ ซึ่งปัจจุบันมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการกำหนดคุณลักษณะแบบนี้ว่าเป็นแนวคิดที่ล้าสมัย และในปี 2015 ธนาคารโลกประกาศว่า จะให้ความสำคัญของ”การจัดหมวดหมู่โลกที่กำลังพัฒนาหรือพัฒนาแล้ว”น้อยลง คุณลักษณะของประเทศกำลังพัฒนามักจะมีลักษณะบางอย่างที่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น  ประชาชนมีความเสี่ยงสูงในเรื่องสุขภาพและอนามัย เช่น การสุขาภิบาลและสุขอนามัย ความปลอดภัยในน้ำดื่ม  ความขาดแคลนพลังงาน  เกิดอาชญากรรมสูง มีระดับการเข้าถึงการศึกษาของประชากรต่ำ และอัตราของผู้ได้รับการศึกษาต่ำ มีมลพิษทางอากาศ, มลพิษทางอากาศในร่ม, มลพิษทางน้ำ อยู่ในระดับสูง  มีจำนวนของประชากรที่เป็นโรคติดเชื้อในสัดส่วนที่สูง  มีความไม่แน่นอนทางการเมืองสูง

คำถามคือ ประเทศไทยของเราอยู่ในสภาวะหรือมีลักษณะอย่างนั้นหรือ? คำตอบคือ ไม่ ส่วนคุณลักษณะของประเทศกำลังพัฒนาที่ไทยยังมีอยู่ ได้แก่ มีจำนวนการเกิดอุบัติเหตุทางจราจรบนถนนสูง  มีการทุจริตคอรัปชั่นของรัฐบาล

ถ้าให้อธิบายการแบ่งประเทศพัฒนาแล้ว กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนา แบบง่ายๆ ตามความหมายเดิมนั้น คือเป็นการแบ่งตามรายได้ของประชากรในประเทศเป็นหลัก แต่ในปัจจุบันเขาดูถึงค่าเฉลี่ยของมาตรฐานการดำรงชีวิตและสภาพความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมประกอบด้วย โคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ให้คำจำกัดความกับประเทศพัฒนาแล้วว่า “ประเทศพัฒนาแล้ว คือ ประเทศที่ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนทุกคนให้มีอิสระเสรีและมีสุขอนามัยดี อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย” ถ้ายึดตามคำนิยามนี้ ไทยเราก็อาจจะอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วด้วยซ้ำ

สรุปว่า ไทยเราหลุดพ้นความเป็นประเทศด้อยพัฒนามาหลายสิบปีแล้ว และปัจจุบันเราหลุดพ้นความเป็นประเทศกำลังพัฒนา ไปเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่แล้ว แบบนี้คุณคนไทยยังไม่ภูมิใจในความเป็นชาติไทยอีกหรือ นอกจากนี้ หนึ่งในความสำเร็จนี้มาจากแรงสนับสนุนที่สำคัญจากโครงการในพระราชดำริ 4 พันกว่าโครงการของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งได้รับการสืบสานต่อยอดมาถึงในรัชกาลที่ 10 ในปัจจุบันอีกด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ถาม ‘ธนาธร’ ฮั้วกระบวนการเลือกตั้ง คือการสร้างประชาธิปไตยจริงหรือ?

ที่ประกาศว่าจะมาสร้างประชาธิปไตยให้กับประเทศไทย และประกาศว่าประเทศไทยต้องมีผู้นำที่ชื่อ ธนาธร เท่านั้นถึงจะเป็นประชาธิปไตย

'เอ็ดดี้' กางรธน. คุณสมบัติรัฐมนตรี ‘พิชิต’ กรณี 'ถุงขนม' ต้องห้ามหรือไม่

อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค หัวข้อ ขาดคุณสมบัติของการเป็น รมต.หรือไม่ มีรายละเ

'เอ็ดดี้' ข้องใจ! 'โชกุน' ทำตามออร์เดอร์ 'พญาอินทรีย์'

อัษฎางค์ ยมนาค โพสต์เฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ระบุข้อความว่า น่าแปลใจไหมครับ ญี่ปุ่นให้รางวัลนี้กับ อ.ธงชัย ทั้งที่ญี่ปุ่นนี้ โค-ตะ-ร

ต่างชาติยังรู้ แก๊งบีบแตรไล่ขบวนเสด็จฯ โดนชาติตะวันตกล้างสมอง!

อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ ชาวต่างชาติทราบข่าวตะวันบีบแตรไล่ขบวนเสด็จ โดยระบุรายละเอียดว่า เมื่อสั

'อัษฎางค์' เปิดกะลาด้อมส้ม เป็นอาณานิคมอย่างฟิลิปปินส์ ดีกว่าเป็นเอกราชอย่างไทย จริงมั้ย!

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ฟิลิปปินส์ เป็นเมืองขึ้น-พูดอังกฤษ ต้องก้าวไกล" ผมอยู่ที่ซิดนีย์ ก็มีเพื่อนฟิลิปปินส์หลายคนเหมือนกัน เพื่อนสนิทของลูกก็เป็นฟิลิปปินส์ จริงๆ

'อัษฎางค์' ชำแหละ รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมจากเจ้าอาณานิคมยุคใหม่ ไม่เคารพธงชาติ ไม่สวดมนต์

นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก "เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค" ระบุข้อความว่า รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมจากเจ้าอาณานิคมยุคใหม่