ศาลอาญาใต้ยกคำร้อง “รวิสรา” จำเลยคดี 112 เเปลเเถลงการณ์ม็อบหน้าสถานทูตเยอรมนี ยื่นขอออกนอกประเทศครั้งที่ 6 อ้างได้ทุนเรียนต่อ ป.โท ที่เยอรมัน ศาลไต่สวนผู้กำกับดูเเลเเล้ว ชี้คุณสมบัติยังไม่เป็นไปตามระเบียบศาลยุติธรรม
30 มี.ค.2565 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2565 เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 705 ศาลได้นั่งบัลลังก์นัดไต่สวนคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ประเทศเยอรมนี ของน.ส. รวิสรา เอกสกุล บัณฑิตจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในจำเลยคดีชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2563 ซึ่งถูกสั่งฟ้องในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116
โดยระบุว่า น.ส.รวิสราได้รับทุนไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโทของรัฐบาลเยอรมนี The German Academic Exchange Service (DAAD) แต่ด้วยเงื่อนไขการประกันตัวของศาลทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ โดยที่ผ่านมาเธอได้ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรต่อศาลแล้ว 6 ครั้ง
ตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 2565 โดยสองครั้งแรก ศาลไม่อนุญาต 5 ครั้ง ถัดมา ศาลให้ยื่นเอกสารต่างๆ เพิ่มเติม โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มี.ค.2565 รวิสราได้นำหนังสือจากมหาวิทยาลัยออสนาบรึค ประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่รวิสราได้รับทุนให้เข้าศึกษาต่อ พร้อมผ่านการรับรองเอกสารจากสถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยแล้ว เข้ายื่นต่อศาล
และศาลนัดไต่สวนคำร้องวันนี้ ซึ่งตามกำหนดของ น.ส.รวิสราหลังได้รับทุนการศึกษา จะต้องเดินทางไปศึกษาในหลักสูตรเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. -30 ก.ย. 2565 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ก่อน
โดยก่อนมีคำสั่งศาลได้นัดไต่สวนรายละเอียดเกี่ยวกับผู้กำกับดูแลของ น.ส.รวิสราทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและประเทศเยอรมนี ทั้งสองคนถึงการติดต่อสื่อสารกันได้ รวมทั้งประเด็นให้ผู้ปกครองช่วยติดต่อกับผู้กำกับดูแลทั้งสองอีกทางหนึ่งโดยวันนี้ศาลไต่สวน ผู้กำกับดูเเลทั้ง2คนคนเเรกเป็นอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คนที่สองเป็นนักวิจัยระดับศึกษาปริญญาเอกที่สถาบันกฎหมายระหว่างประเทศวัลเธอร์ชึคกิ้ง ที่ประเทศเยอรมนี เเละไต่สวนบิดาของ น.ส.รวิสรา
ภายหลังไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลอ่านคำสั่งโดยพิเคราะห์คำร้องของจำเลยที่ 11 แล้ว เห็นว่า ตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การแต่งตั้ง และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราว…พ.ศ. 2561 ข้อ 4 ผู้กํากับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวที่มิใช่บุคคลตามข้อ 5 ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(1) เป็นผู้ที่รู้จักผู้ถูกปล่อยชั่วคราวเป็นอย่างดีและผู้ถูกปล่อยชั่วคราวให้ความเคารพเชื่อฟัง หรือเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจจากชุมชนที่ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวมีที่อยู่อาศัยให้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และ (2) เป็นผู้สมัครใจ มีความพร้อมและเหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ศาลมอบหมาย
ข้อ 5 ผู้กํากับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราวที่มีหน้าที่ในการให้คําปรึกษาเพื่อป้องกันการหลบหนี หรือภัยอันตรายหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว ต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(1) เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการให้คําปรึกษา หรือผ่านการอบรม การให้คําปรึกษาทางจิตสังคมตามหลักสูตรที่สํานักงานศาลยุติธรรมจัดหรือรับรอง และ (2) เป็นผู้สมัครใจ มีความพร้อมและเหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ศาลมอบหมาย
ข้อ 6 บุคคลต่อไปนี้ต้องห้ามเป็นผู้กํากับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว…(2) ผู้ประกัน บุคคลซึ่งเป็นหลักประกัน หรือบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของหลักประกันในการขอปล่อยชั่วคราว
ดังนั้นเมื่อบุคคลที่จำเลยที่ 11 ได้แสดงต่อศาล เพื่อขอให้เป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราว คือรองศาสตราจารย์ดร.แพร จิตติพลังศรี เป็นผู้ประกันจำเลยที่ 11 ในคดีนี้ จึงเป็นบุคคลต้องห้ามตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมดังกล่าว
ส่วนนายชัช ขำเพชร ซึ่งจำเลยที่ 11 ประสงค์ให้เป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวขณะไปศึกษาและพักอาศัยที่ประเทศเยอรมนี จำเลยที่ 11 เบิกความตอบศาลว่าตนเองมิได้รู้จักนายชัช เพียงแต่อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเป็นเพื่อนกับพี่สาวจำเลยที่ 11 แนะนำให้ทราบถึงบุคคลที่คิดว่าจะเป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวได้ในระหว่างที่พักอาศัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี จำเลยที่ 11 จึงติดต่อนายชัชเพื่อขอให้เป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกกปล่อยชั่วคราว จึงน่าเชื่อว่านายชัชเองก็ไม่ได้รู้จักจำเลยที่ 11 เป็นอย่างดีเช่นกัน เท่ากับว่านายชัชมิได้มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยที่ 11 ตามข้อ 4 ของระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมดังกล่าว
ในชั้นนีจึงยังไม่มีบุคคลที่เหมาะสมมีคุณสมบัติตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การแต่งตั้ง และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราว…พ.ศ. 2561 ในอันที่จะกำกับดูแล หรือให้คำปรึกษา หรือคอยกำชับ หรือตักเตือนให้ผู้ถูกปล่อยตัวชั่วคราวปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลอย่างเคร่งครัด และป้องกันการหลบหนีของจำเลยที่ 11 ในระหว่างที่จำเลยที่ 11 จะเดินทางไปศึกษาและพักอาศัยอยู่ที่ประเทศเยอรมนี จึงยังไม่มีเหตุสมควรเพียงพอที่จะอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ตามที่จำเลยที่ 11 ร้องขอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แก๊ง 112 ยึดสกายวอล์ก อบรมผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่เลือกตั้ง
กลุ่มทะลุฟ้า จัดเวทีสาธารณะ “Power of New Voter คนรุ่นใหม่กับการเลือกตั้ง66” เพื่อปลุกให้คนรุ่นใหม่แสดงพลังปกป้องสิทธิ์ ไม่ให้เหมือนการเลือกตั้งปี 62 ที่ถูก คชส.กำหนดกติกาและกลโกง เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง
'พี่คนดี' จัดหนัก! ร่ายกลอน 'ศิลปะ 3 กีบ' ป่าเถื่อน ไร้รากเหง้า
กรณีนายศุทธวีร์ สร้อยคำ หรือ บังเอิญ อายุ 25 ปี พ่นสีสเปรย์ใส่กำแพงรั้วพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ถูกเจ้าหน้าตำรวจจับกุมพร้อมแจ้งข้อหากระทำความผิดฐาน
'บิ๊กตู่' ประณาม 3 นิ้วพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว พวกมนุษย์ขาดสติไร้สำนึก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์เหตุการณ์พ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว เพื่อแสดงออกถึงการยกเลิกมาตรา 112 ว่า “ผมได้ย้ำและสั่งการไปแล้วกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
เดือด! 'แป้ง' กราฟฟิตี้ 3 นิ้ว ท้าเจี๊ยบก้าวไกล อย่าเสี้ยมลูกคนอื่น แน่จริงให้ไปพ่นสีที่กำแพงบ้านตัวเอง
นายสมรนนท์ แย้มอุทัย หรือ แป้ง ศิลปินกราฟฟิตี้ชื่อดัง แนวร่วมม็อบราษฎร ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ว่า คนพ่นกราฟฟิตี้ เจตนาต้องการสื่อสารและส่งข้อความสู่สาธารณะครับ เมื่อวานดูคลิปก็ชัดเจนละครับ ว่าเจตนาให้โดนจับเพื่อเป็นประเด็น แล้วใครได้ประโยชน์นะเจ๊? อย่าอ้างศิลปะหรือกราฟฟิตี้เลยครับเคสนี้ เห็นๆครับว่าหวังผลทางการเมือง
ศาลให้ประกัน 3 นิ้วพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว หลังพนง.สอบสวนค้าน ชี้โทษสูงอาจหลบหนี
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกพนักงานสอบสวน สน.พระราชวังนำตัว นายศุทธวีร์ สร้อยคำ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหามพ่นสีสเปรย์ใส่กำแพงรั้วพระบรมมหาราชวัง ว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งและขูดขีด
จำคุก 'ม็อบ 3 นิ้ว' ป่วนหน้าศาล ดูหมิ่นผู้พิพากษา กดดันปล่อยผู้ต้องหา ม.112
ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบ REDEM หมายเลขดำอ.1423/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายร่อซีกิน นิยมเดชา ,นายชาติชาย แกดำ (จำเลยที่15) กับพวกรวม 15 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ฯ