ได้ใช้แน่ กม.ป้องกันทำผิดซ้ำทางเพศฯ เปิดขั้นตอนทำให้อวัยวะเพศชายฝ่อ

19 เม.ย. 2565 – นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เปิดร่างพ.ร.บ.ป้องกันทำผิดซ้ำทางเพศฯ อัยการยื่นศาลขอใช้ ‘มาตรการทางการแพทย์’ รวมใช้ ‘ยา’ พร้อมคำฟ้องได้เลย !

ช่วงท้าย ๆ ของอายุสภาผู้แทนราษฎรมีการพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับ หนึ่งในนั้นคือร่างพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. … ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในชั้นการพิจารณาของกรรมาธิการวุฒิสภา

ถ้ากฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่

ผู้กระทำผิดที่ทำผิดซ้ำ ๆ ในความผิดทางเพศ หรือความผิดที่ใช้ความรุนแรง จนติดเป็นนิสัยชนิดเป็นที่ประจักษ์ จะได้รับการปฏิบัติเพิ่มเติมด้วยมาตรการพิเศษนอกเหนือจากโทษจำคุก

โดยร่างกฎหมายฉบับนี้กำหนดให้มีมาตรการใหม่ที่เรียกว่า…

“มาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด”

โดยที่ระบุไว้ขัดเจนแล้วแน่นอนในมาตรา 19 วรรคสอง (1) คือ…

“มาตรการทางการแพทย์”

และยังมีมาตรการอื่น ๆ อีก แต่รายละเอียดจะมีอะไรและมีกระบวนการอย่างไรบ้างนั้น ร่างกฎหมายบัญญัติให้ไปอยู่ในกฎกระทรวง และข้อบังคับของประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา

โดยการทำให้อวัยวะเพศชายฝ่อ หรือการกดฮอร์โมนเพศชาย จะเป็นหนึ่งในมาตรการทางการแพทย์นี้

การใช้มาตรการทางการแพทย์นี้ต้องเป็นคำสั่งของศาล

อัยการเป็นผู้ยื่นคำร้องขอต่อศาล โดยยื่นไปพร้อม ๆ กับคำฟ้องได้เลย

หรือจะไปยื่นเฉพาะในช่วงที่ผู้กระทำความผิดอยู่ระหว่างการรับโทษตามคำพิพากษาก็ได้

ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะมีคำสั่งตามคำขอหรือไม่

ร่างกฎหมายมาตรา 19 วรรคสามกำหนดให้ศาลไต่สวนโดยคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งความรุนแรงของคดี สาเหตุแห่งการกระทำความผิด ประวัติการกระทำความผิด ภาวะแห่งจิต นิสัย และลักษณะส่วนตัวอื่นของผู้กระทำความผิด ความปลอดภัยของผู้เสียหายและสังคม โอกาสในการกระทำความผิดซ้ำ และการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด

ในการไต่สวน ศาลสามารถเรียกสำนวนการสอบสวนจากอัยการ รับฟังคำคัดค้านของผู้กระทำความผิด รวมทั้งสั่งให้เจ้าพนักงานคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม สืบเสาะและพินิจตามกฎหมายว่าด้วยการคุมประพฤติ

หากศาลเห็นควรออกคำสั่งใช้มาตรการทางการแพทย์หรือมาตรการแก้ไขฟื้นฟูอื่น ๆ ให้รวมไว้ในคำพิพากษา

รวมทั้งให้ระบุคำสั่งดังกล่าวไว้ในหมายจำคุกด้วย

กรมราชทัณฑ์จะเป็นหน่วยงานผู้ปฏิบัติตามคำสั่งศาล

และรายงานผลต่ออัยการอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

อัยการอาจยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงมาตรการ หรือยกเลิกมาตรการได้ ขึ้นอยู่กับผลการใช้มาตรการตีอผู้กระทำความที่กรมราชทัณฑ์รายงานมา

ทั้งนี้ มาตรการทางการแพทย์ทั้งหมดให้ดำเนินการโดยแพทย์อย่างน้อย 2 คนที่ต้องมีความเห็นพ้องกัน

หากมาตรการทางการแพทย์นั้นต้องมีการใช้ยา ไม่ว่ายารับประทาน หรือยาฉีด ผู้กระทำความผิดต้องให้ความยินยอม

ประเด็นสำคัญท้ายสุดที่น่าจะทำให้มีข้อถกเถียงในการพิจารณาตามสมควรได้รับการบัญญัติไว้ในมาตรา 21 วรรคสอง

“ให้กรมราชทัณฑ์นำผลของการใช้มาตรการทางการแพทย์ตามวรรคหนึ่งมาใช้ในการพิจารณาลดโทษ พักโทษ หรือให้ประโยชน์อื่นใดอันเป็นผลให้ผู้กระทำความผิดได้รับการปล่อยตัวก่อนกำหนดในคำพิพากษาตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ด้วย”

ร่างกฎหมายนี้ตามตารางเวลาทำงานของรัฐสภาน่าจะผ่านออกมาบังคับใช้ได้ภายในสมัยประชุมที่จะเปิดวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 นี้
ช้าเร็วขึ้นอยู่กับว่ากรรมาธิการของวุฒิสภาจะแก้ไขเพิ่มเติมมากน้อยแค่ไหนอย่างไรหรือไม่ และสภาผู้แทนราษฎรจะเห็นชอบกับการแก้ไขเพิ่มเติมของวุฒิสภาหรือไม่ จะต้องมีการตั้งกรรมาธิการร่วมระหว่าง 2 สภาหรือไม่

แต่ไม่ต้องห่วงสำหรับคดีที่เกิดขึ้นก่อนร่างกฎหมายมีผลใช้บังคับ

เพราะร่างกฎหมายป้องกันทำผิดซ้ำนี้บัญญัติให้มีผลย้อนหลังสำหรับคดีที่ยังอยู่ในการพิจารณาของศาล และกรณีที่จะมีการปล่อยตัวนักโทษที่กระทำความผิดทางเพศและความผิดที่ใช้ความรุนแรงตามที่กำหนดไว้ด้วย

เรียกว่าย้อนหลังกันนานทีเดียว
ซึ่งก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่จะก่อให้เกิดข้อถกเถียงในชั้นกรรมาธิการได้พอสมควร
หลักการที่ให้มีผลย้อนหลังนี้ เพราะผู้ร่างไม่ถือว่ามาตรการทางการแพทย์หรือมาตรการแก้ไขฟื้นฟูอื่น ๆ ไม่ถือเป็นโทษทางอาญา แต่ถือเป็นมาตรการที่เป็นคุณต่อผู้กระทำความผิดทางเพศหรือความผิดรุนแรงที่ระบุไว้จนติดเป็นนิสัย ควบคุมตัวเองไม่ได้ และถือเป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยของสังคมอีกด้วย

เป็น ‘การุณยมาตรการ’ ว่างั้นเถอะ !

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'คำนูณ' จ่อซักฟอกปมเจรจาพื้นที่ทับซ้อน ดักคอ 'อุ๊งอิ๊ง' บินกัมพูชา

'คำนูณ' เตรียมซักฟอกรัฐบาล ปมเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ขุมทรัพย์ใต้อ่าวไทย 20 ล้านล้าน ดักคอ 'อุ๊งอิ๊ง' บินกัมพูชา ไม่ใช่เรื่องมุบมิบทำอะไรได้ ชี้ต้องเป็นข้อตกลง รธน. ม.187 รัฐสภาเห็นชอบ

'คำนูณ' เตือน! ขุมทรัพย์ 20 ล้านล้านและสิทธิอธิปไตยไทยยับเยินแน่ หากแยกประเด็นเจรจา

นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา แสดงความคิดเห็นต่อกรณีเรื่องพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา ที่กำลังถูกจับตาในเวลานี้ว่า“เรื่องสำคัญที่สุด

'สว.คำนูณ' เผยได้วันเปิดอภิปรายรัฐบาลแล้ว เลื่อนให้ช้าลงไปอีก

นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เปิดเผยถึงการประชุมวิปวุฒิสภาว่า ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงห

'สว.คำนูณ' จี้รัฐบาลทบทวนวันซักฟอกให้เร็วขึ้น หากยื้อเวลาก็ไร้ประโยชน์

นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.กล่าวถึงญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่ลงมติตามมาตรา 153 ของวุฒิสภา ว่า โดยปกติการเสนอญัตติให้รัฐมนตรีมาชี้แจงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ

วุฒิสภาตั้ง 45 กมธ.ศึกษางบ 67

ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีการพิจารณาเรื่องด่วน