จัดกิจกรรม 30ปีพฤษภาประชาธรรม หยุดวงจรอุบาทว์ คิดต่างกันได้ แต่ไม่แตกแยก

16 พ.ค.2565-นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’ 35 เปิดเผยการจัดกิจกรรม 30ปีพฤษภาประชาธรรม หยุดวงจรอุบาทว์ คิดต่างกันได้ แต่ไม่แตกแยก ร่วมกันพัฒนาประชาธิปไตย สร้างความความปรองดอง เพื่อสังคมสันติสุขว่า เหตุการณ์พฤษภา’ 35   เป็นเหตุการณ์ความรุนแรงนำมาซึ่งความสูญเสียมีทั้งคนตายและคนหาย และก็นำมาซึ่งความเป็นประชาธิปไตย ที่ใกล้เคียงกับความสมบูรณ์ที่สุด  แต่ตลอดระยะเวลา  30 ปี ที่ผ่านมา ระบอบประชาธิปไตยก็ล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด สาเหตุจากนักการเมืองที่ฉ้อฉลและทหารที่ทำการรัฐประหาร กลายเป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมืองไทยที่ยังหาทางออกไม่ได้   

การจัดงาน รำลึก 30 ปีพฤษภาประชาธรรม โดย “คณะกรรมการจัดงาน 30 ปีพฤษภาประชาธรรม” ปี 2565 นี้  จึงเน้นสืบสานภารกิจ 30 ปีวีรชนพฤษภา’ 35  หยุดวงจรการรัฐประหาร เพื่อสร้าง “ประชารัฐธรรมนูญ” ยุติบทบาททหารกับการแทรกแซงการเมืองไทย โดยมีการจัดอภิปรายวิชาการสาธารณะ ถอดบทเรียนการรัฐประหาร และบทบาททหารกับการเมืองไทย มาอย่างต่อเนื่อง

คณะกรรมการจัดงานฯ ได้มีการประสานงานกับองค์กรต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมทั้งเยาวชนคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมและเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่ว่าจะมีจุดยืนทางการเมืองแตกต่างกัน มาแลกเปลี่ยนความเห็นถอดบทเรียนร่วมกัน มีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาประชาธิปไตย ยุติบทบาททหารกับการเมืองไทย ยุติความขัดแย้งทางการเมือง และสร้างความปรองดองสมานฉันท์ทางสังคม  และที่สำคัญคือการหยุดยั้งการรัฐประหารมิให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกต่อไป

 ในการจัดงานทุกปี คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’ 35 ได้เชิญทุกฝ่ายมาร่วมกิจกรรม รวมทั้งประชาชนที่เคยผ่านเหตุการณ์พฤษภา’35 มาร่วมกิจกรรมเหมือนเช่นทุกปีโดยไม่มีการแบ่งแยก และเชิญตัวแทนรัฐบาลมาร่วมงานด้วย “เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนามรัฐ” ซึ่งรัฐบาลก็ส่งตัวแทนมาร่วมงานเป็นประจำทุกปี

สังคมไทยมีประเพณีและวัฒนธรรมอันงดงาม คนไทยทุกเชื้อชาติอยู่ร่วมกันมาอย่างสันติสุข แม้จะมีความแตกต่างทางความคิด จุดยืนทางการเมืองต่างกัน จนเกิดความขัดแย้ง บางครั้งนำไปสู่ความรุนแรงเกิดความสูญเสียทั้งสองฝ่าย แต่คนไทยก็ให้อภัยและอโหสิกันได้เสมอ เช่นเดียวกับ ญาติวีรชนพฤษภา’35 ที่ได้อโหสิให้กับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เพื่อให้เกิดความปรองดองและสันติสุขขึ้นในสังคมไทย

แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร 2 ครั้งล่าสุด คือ 19 ก.ย.2549 และ 22พ.ค.2557 ทำให้สังคมไทยเกิดความแตกแยกร้าวลึกถึงระดับเด็กเยาวชน และยังส่งผลกระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน หากทุกฝ่ายไม่ถอดบทเรียนและหาทางออกร่วมกัน เพื่อขจัดเงื่อนไขความรุนแรง ก็อาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำซอยประวัติศาสตร์ขึ้นอีก และจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง

ในฐานะประธานคณะกรรมญาติวีรชนพฤษภา’35 ได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสานต่อเจตนารมณ์และเชิดชูเกียรติเหล่าวีรชนฯที่สละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อประชาธิปไตย ได้ประสานงานและร่วมกิจกรรมกับองค์กรต่างๆ มาโดยตลอด  เพื่อให้สังคมไทยเกิดความสามัคคีปรองดอง ยุติความขัดแย้ง ร่วมกันพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้เข็มแข็ง สร้างรัฐธรรมนูญของประชาชนให้เป็นจริง

การทำงานท่ามกลางสังคมที่แตกแยกทางความคิดเช่นนี้ต้องเปิดใจให้กว้าง พร้อมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างจากทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งคิดต่างกันได้ แต่ไม่ควรแตกแยก ไม่สร้างความเกลียดชัง และกล้าแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์และปรารถนาดีต่อทุกฝ่าย เพื่อให้สังคมไทยเดินหน้าไปได้โดยปราศจากความรุนแรง

 งานรำลึก 30 ปีพฤษภาประชาธรรม คงจะได้ถอดบทเรียนร่วมกัน เพื่อร่วมกันการพัฒนาประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง หยุดวงจรอุบาทว์ ทั้งนักการเมืองที่ฉ้อฉล และทหารที่รัฐประหาร  และหวังว่ารัฐบาลจะตระหนักและขจัดเงื่อนไขความรุนแรง  ทำให้สังคมไทยเกิดความสามัคคีปรองดอง ด้วยการนิรโทษกรรม ตามแนวทางที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เคยเสนอไว้ เพื่อสังคมไทยจะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขตลอดไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดกิจกรรม รำลึก 30 ปีพฤษภาประชาธรรม ในวันที่ 17 พ.ค. จะมีกิจกรรมพิธีรำลึก ณ สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม ถ.ราชดำเนิน กรุงเทพฯ พิธีวางมาลา และพิธีรำลึก 30 ปี สดุดีวีรชนพฤษภาประชาธรรม ดร.โคทม อารียา ประธานมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม กล่าวรายงาน ประธานในพิธี ฯพณฯ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา วางมาลา และกล่าวเปิดงาน ผู้แทนรัฐบาล วางมาลา และกล่าวรำลึกวีรชน ผู้นำฝ่ายค้าน วางมาลา และกล่าวรำลึกวีรชน

ประธานวุฒิสภา ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ผู้แทนกองทัพบก ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมวางมาลา ผู้แทนพรรคการเมือง ภาคเอกชนและภาคประชาชน ร่วมวางมาลารำลึกวีรชน ดนตรีบรรเลงพฤษภาประชาธรรม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อดุลย์' ร่อนจดหมายเปิดผนึกเฉ่ง 'เพื่อไทย' เตะถ่วงนิรโทษกรรมคดีการเมือง

“อดุลย์”ร่อนจดหมายเปิดผนึกเฉ่ง”พรรคเพื่อไทย”เตะถ่วงนิรโทษกรรมคดีการเมืองเอาประชาชนทุกเสื้อสีเป็นตัวประกันกระตุก”ทักษิณ” ต้องมีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณช่วยทำให้บ้านเมืองเกิดสันติสุข อย่าเอาแต่ประโยชน์ของตัวเอง แล้วทิ้งประชาชนที่เคยช่วยเรียกร้องต่อสู้ให้กับตัวเอง จี้นายกฯเร่งออกพรก.นิรโทษกรรม เพื่อให้สังคมเกิดความปรองดองโดยเร็ว

ปธ.ญาติวีรชนฯ ยื่น 'วันนอร์' เร่งดันพรบ.นิรโทษกรรม จี้กมธ.ทำให้เร็วที่สุดอย่ายื้อเวลา

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนฯ เดินทางเข้าพบ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นหนังสือผลักดันการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม

ประธานญาติวีรชนหนุนการจัดตั้งรัฐบาลสลายขั้ว

“อดุลย์”หนุนการจัดตั้งรัฐบาล สลายขั้วสร้างความสามัคคีปรองดอง วอนพวกสุดโต่งทั้ง 2 ฝ่ายรู้จักปล่อยวาง ยอมรับความจริง ชี้การจัดตั้งรัฐบาลกลัดกระดุมเม็ดแรกผิดและตั้งโจทย์ผิดตั้งแต่แรก ย้ำต้องมีรัฐบาลช่วยชาติโดยเร็ว เพื่อเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทุกฝ่ายต้องได้ประโยชน์ ประเทศชาติจึงจะเดินหน้าไปได้

'อดุลย์' หนุนสลายขั้ว สลายเสื้อสี จัดตั้งรัฐบาลช่วยชาติ

“อดุลย์”หนุนสลายขั้ว สลายเสื้อสี จัดตั้งรัฐบาลช่วยชาติตามข้อเสนอ 5 ข้อ หวั่นยังแบ่ง2ขั้วเหมือนเดิมความขัดแย้งไม่ยุติ “ทักษิณ”กลับบ้านเป็นสิทธิของคนไทยทุกคน แต่ต้องเคารพกฎหมายไทยและเสียสละก่อน แนะรัฐบาลชุดใหม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมืองให้เกิดความปรองดอง จึงขอพระราชทานภัยโทษ เตือนอย่ามีวาระซ่อนเร้น จะเกิดวิกฤตอีก

'อดุลย์' หวั่นนองเลือดเสนอไอเดียตั้ง 'รัฐบาลช่วยชาติ' ดัน 'ประวิตร' เป็นนายกฯ

“อดุลย์”หวั่นการจัดตั้งรัฐบาลนำไปสู่ความขัดแย้งนองเลือด แนะทุกฝ่ายมองโลกบนความเป็นจริงพรรคอันดับหนึ่งตั้งไม่ได้ก็ต้องให้พรรคอันสองเป็นแกนนำ ถึงเวลารอมชอมสามัคคี นำนโยบายที่เหมาะสมและบุคคลทีมีความสามารถจากทุกพรรคร่วมกันจัดตั้ง “รัฐบาลช่วยชาติ” ดัน “ประวิตร”เป็นนายกฯ แล้วออกกฎหมายเพื่อความสมานฉันท์ นิรโทษกรรมคดีการเมือง ปฏิรูปประเทศทุกด้าน 2ปี ยุบสภา เตือน “ก้าวไกล” อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า”กลุ่มอนุรักษ์นิยม”ต้องปรับตัว