
‘อดีตรองอธิการ มธ.’ ประณาม ส.ส. – ส.ว. รุมปู้ยี่ปู้ยำสภา ใช้ ‘วิชามารวิธี’ ลากให้พ้น 180 วัน กลับไปใช้สูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 เอื้อประโยชน์พรรคใหญ่
12 ส.ค. 2565 – รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า แม้ว่าจะมีสมาชิกลาประชุมไปจำนวนหนึ่ง แต่การประชุมรัฐสภาวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำท่าว่าจะผิดความคาดหมาย เนื่องจากในช่วงเช้ามีสมาชิกเข้าประชุมครบองค์ประชุม สามารถทำการประชุมได้ ช่วงบ่ายเริ่มมีความพยายามให้นับองค์ประชุมโดยผู้นำฝ่ายค้าน แต่ท่านประธานรัฐสภาสมารถแก้เกมได้อย่างสวยงาม ต่อมาเมื่อท่านประธานวุฒิสภาทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม กำลังพิจารณากฎหมายลูกที่ว่าด้วยการเลือกตั้ง ก็มีความพยายามถ่วงเวลาด้วยการเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ ใช้เวลาไปร่วม 2 ชั่วโมง ปรากฎว่ายังครบองค์ประชุม ประชุมต่อได้ แต่หลังจากลงมติมาตราหนึ่งของกฎหมายลูก และหลังจากท่านประธานที่ประชุมขอพักการประชุมชั่วคราว จากนั้นท่านก็แจ้งว่าผลการลงมติไม่ครบองค์ จึงต้องขอปิดประชุมไปดื้อๆ ก็คงหมายความว่าตอนนับองค์ประชุมน่ะครบองค์ แต่ตอนจะลงมติน่าจะมีคำสั่งจากผู้มีอำนาจสั่งไม่ให้ลงมติ ทำให้จำนวนคนที่ลงมติจึงไม่ครบ
ด้วยเหตุดังกล่าว การประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งก็ถูกทำให้ล่มจนได้ เหลือเวลาจนถึงเวลา 24.00 น วันอาทิตย์ที่ 14 นี้ ก็จะครบ 180 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องพิจารณากฎหมายลูกให้เสร็จสิ้น มิฉะนั้นให้กลับไปใช้ร่างเดิมที่นำเข้าพิจารณาในวาระ 2 นั่นหมายความว่า มีโอกาสสูงมากที่จะต้องกลับไปใช้วิธีการคำนวณหาจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคจะได้ ด้วยการใช้จำนวนผู้ที่ลงคะแนนบัตรเลือกตั้งใบที่ 2 ทั้งหมด หารด้วย 100 และไม่มี ส.ส.พึงมี แทนที่จะหารด้วย 500 และมี ส.ส.พีงมีตามที่ลงมติไปแล้วในวาระที่ 2
รัฐสภาที่ควรจะเป็นสถาบันที่มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ ได้ถูกปู้ยี่ปู้ยำโดย ส.ส. และ ส.ว. ผู้ทรงเกียรติจำนวนหนึ่ง ไปอย่างน่าละอาย ไม่ต้องอธิบายให้เปลืองน้ำลายดีกว่าว่าเป็นวิธีการตามปกติ ไม่ขัดต่อหลักจริยธรรมแต่อย่างใด ก็เมื่อได้มีการลงมติไปแล้วในประเด็นสำคัญคือให้ใช้วิธีหารด้วย 500 กลับเปลี่ยนใจจะกลับมาใช้วิธีหารด้วย 100 ด้วยการใช้วิธีถ่วงเวลาด้วยวิธีการทุกรูปแบบไม่ให้ผ่านกฎหมายฉบับนี้ได้ทันตามกำหนด 180 วัน ประหนึ่งว่ารัฐสภาอันทรงเกียรติเป็นสภาของเล่นหรือสภาโจ๊กกระนั้น ไม่ต้องเรียกว่าเป็นการใช้ “นิติวิธี” ดีกว่า ที่ถูกควรเรียกว่า “วิชามารวิธี” จะเหมาะสมกว่า
ไม่ทราบว่าบรรดาผู้ที่สนับสนุนให้ใช้วิธีหารด้วย 500 จะสามารถพลิกเกมโดยผลักดันให้มีการประชุมรัฐสภาในเวลาที่เหลือซึ่งเป็นวันหยุดได้หรือไม่ หากไม่ได้ก็คงสมใจสมประโยชน์พรรคใหญ่ โปรดสังเกตว่าพรรคนี้พร้อมเพรียงกันมาก ทั้งยังพูดอย่างเปิดเผยว่า นี่คือสิ่งที่ต้องทำ
ที่ยังเป็นปัญหาสำหรับพวกเขามีอยู่เพียงหนึ่งเดียวก็คือวุฒิสมาชิก 250 คน วิธีเดียวก็คือต้องจับมือกับผู้ที่คุมเสียงส่วนใหญ่ของวุฒิสมาชิกได้ ตรรกะนี้ทำให้น่าเชื่อได้ว่า ข่าวลือที่ลือกันขณะนี้ แต่ได้รับการปฏิเสธ อาจจะเป็นจริงก็ได้
การเมืองไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘อดีตรองอธิการฯมธ.’ ฟังธง! ‘ลูกชายเนวิน’ ส่งสัญญาณ รัฐบาลจะถึงจุดจบในอีกไม่นาน ‘อิ๊งค์-แม้ว’ ไม่ได้อยู่ในไทย
รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความว่า คงไม่ต้องถกเถียงกันแล้วว่า การประกาศกลาง
‘หมอเชิด’ ย้ำอภิปรายนายกฯวันเดียวควรจบแล้ว อัดฝ่ายค้านจ้องอภิปรายคนนอก
"หมอเชิด" ระบุ อภิปรายไม่ไว้วางใจ แค่ 24 ชม.ก็พอแล้วเพราะ นายกฯทำงานได้เพียง 6 เดือน และจะจ้องอภิปรายคนนอก ในชั้น 14 มากกว่าเรื่องของประเทศ แบบนี้ถูกหรือ
'เพื่อไทยวิธี'ตลบตะแลงแก้'รธน.' แอบหลังสว.-ทำสภาล่ม-ยื่นศาล
ก่อนหน้านี้ไม่เพียงแค่พรรคประชาชน (ปชน.) จะมุ่งมั่นแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับเท่านั้น ยังมีพรรคเพื่อไทยที่มีความขึงขังไม่แพ้กัน โดยยื่นร่างแก้ไขประกบเว้นการแก้หมวด 1 และหมวด 2
โฆษก รทสช. แจงเหตุ สส.ไม่แสดงตนนับองค์ประชุม ปมแก้รัฐธรรมนูญ
โฆษกรวมไทยสร้างชาติ แจงเหตุ สส.ของพรรค ไม่แสดงตนนับองค์ประชุม เกรงแก้รัฐธรรมนูญเปิดช่องยกร่างรธน. ทั้งฉบับ ขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมเรียกร้องทุกฝ่ายเคารพคำตัดสินของศาล
'นิกร' ผ่าทางตัน แนะถอน 2 ร่างแก้รธน. ทำประชามติก่อนเดินหน้าครั้งใหม่
ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ยอมรับสภาล่มต่อเนื่องส่งผลเสียหายหนัก ชี้หากยังดึงดันเดินหน้าชนกันไปก็ไม่มีใครชนะ เสนอผ่าทางตันถอนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับ แล้วรอประชามติถามประชาชนก่อนเดินหน้าครั้งใหม่
'หมอเปรม' ยันไม่ถอนญัตติส่งศาลฯวินิจฉัย ชี้การเมืองสามก๊ก แก้รธน.ไม่มีทางสำเร็จ
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.ผู้เสนอญัตติต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาให้ส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมล่มเป็นวันที่ 2 ว่า สะท้อนให้เห็นว่าเป็นการเมืองแบบสามก๊กได้ชัดเจนมาก