
11 ก.ย. 2565 - ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม นักกฎหมาย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียด ดังนี้
บทบาทศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปมนายกฯ 8 ปี ต้องเป็นไปตามหลักสากล
หลักทางวิชาการเกี่ยวกับการใช้และการตีความกฎหมาย รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ต้องตีความตามลายลักษณ์อักษร
ทั้งนี้รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 264 นั้น ไม่ได้ระบุว่าให้รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) ปี 2557 มาใช้ด้วย นั้น
ปัจจุบันใช้การปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ อำนาจอธิปไตย ซึ่งเป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศเป็นของปวงชนชาวไทย และบัญญัติให้ พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นอำนาจในการออกกฎหมาย
โดยความเห็นชอบของรัฐสภา ส่วนในสถานการณ์ที่มีการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองประเทศ หัวหน้าคณะปฏิวัติก็มีอำนาจออกกฎหมายได้ เพราะเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในขณะนั้น จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ยังมีประกาศคณะปฏิวัติหลายฉบับที่ยังบังคับใช้ เป็นกฎหมายอยู่
แท้จริงแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวในปี 2557 ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวนี้ ยังไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย ไปถึงรัฐธรรมนูญปี 2560 ขณะนั้น
ด้วยเหตุดังกล่าว การประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ผู้รับสนองพระราชโองการ คือนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ประกาศว่าที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาให้ลงมติ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 และประกาศใช้ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 นั้น ต้องตีความไปตามลายลักษณ์อักษร
แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคําร้องปมนายกรัฐมนตรี 8 ปี ไว้พิจารณาตามมาตรา 210 (2) กระบวนการพิจารณาของศาลก็ต้องดำเนินการไปตามรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้ หากจะให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจครอบจักวาลต้องแก้ไขกฎหมาย
ทั้งนี้ใจความสำคัญของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256 (9)ให้อํานาจศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบในทางเนื้อหาของรัฐธรรมนูญมาตรา 264 “ขัดต่อกฎหมาย” หรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอํานาจพิจารณากระบวนการในการแก้ไข รัฐธรรมนูญในลักษณะเดียวกันกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 148 วรรคสามแต่อย่างใด ต้องพิจารณาใจความสำคัญและเนื้อหาแห่งรัฐธรรมนูญปี 2560 แล้ววินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีสามารถอยู่ต่อได้ตามรัฐธรรมนูญ ถึงปีไหน หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นับตั้งแต่ปี 2560 นายกรัฐมนตรีก็จะสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2568
กฎหมาย เป็นกฎเกณฑ์ ข้อบังคับที่ใช้ควบคุมความประพฤติของมนุษย์ในสังคม กฎหมาย มีลักษณะ เป็นคำสั่ง ข้อห้าม ที่มาจากผู้มีอำนาจสูงสุดในสังคมใช้บังคับได้ทั่วไป ใครฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ แม้บ่อเกิด แห่งรัฐธรรมนูญจะบัญญัติในปี 2560 ก็ต้องพิจารณาว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อใด และประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อใด
เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ประกาศว่าที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาให้ลงมติ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 และประกาศใช้ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 ย่อมมีความหมายว่าก่อนหน้านั้น ตราบใดที่คณะรัฐมนตรียังไม่เห็นชอบ ย่อมไม่มีผลเป็นกฎหมาย นั้น
เป็นไปตามบรรทัดฐาน ของคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะ10 ว่ากฎหมายมีผลบังคับเมื่อประกาศใช้ และศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยในปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย นับตั้งแต่ประกาศใช้
เป็นบรรทัดฐานแล้วกฎหมายย่อมไม่มีผลย้อนหลัง
ดังนั้นการสิ้นสุดการเป็นนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 9 มิถุนายน 2570.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'วันนอร์' นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. และ ครั้งที่2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันที่ 11 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ... ในวาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)
มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง 'เรืองไกร' กล่าวหารัฐสภาแก้ รธน.ล้มล้างการปกครอง
‘ศาลรธน.’ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ‘เรืองไกร’ ปมกล่าวหาประธานรัฐสภา–สมาชิกรัฐสภาใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง ชี้การประชุมร่วมแก้รัฐธรรมนูญยังไม่ปรากฏพฤติการณ์เข้าข่ายมาตรา 49 แม้อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการแต่ผู้ร้องมีสิทธิเข้าศาลโดยตรงก็ตาม
'ชลน่าน' คาดถกแก้ รธน. วาระสอง ใช้เวลา 2 วันพอ แม้มีประเด็นให้เถียงกันหนัก
“ชลน่าน” ประเมิน ถกแก้รธน.วาระสอง 2 วันเพียงพอ แม้มีรายละเอียดมาก- ถกกันหนัก แต่ยุติด้วยเสียงข้างมาก เผยสงวนความเห็นไปสู้ในรัฐสภา ทวงคืน “สสร.- โละสูตร20 หยิบ1
ครม. เห็นชอบ พ.ร.ฎ.เรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ 10-11 ธ.ค. ลุยแก้ รธน. ให้เสร็จทันสิ้นปี
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกสมัยประชุมวิสามัญ รัฐสภา ในวันที่ 10-11 ธ.ค. เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 และวาระ 3
คนเสื้อแดงกินแห้ว! ศาล รธน. ไม่รับวินิจฉัย ปม MOA 'ภูมิใจไทย-ปชน.'
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องในคดีที่นายนิยม นพรัตน์ (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 1) และนายณัฐพงษ์


