23 ธ.ค.2565 - เพจเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความว่า กรณีครูพูดถึง พล.อ.เปรมในชั้นเรียน ต้องทำความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ ไม่ใช่ล่าแม่มดเพื่อกำจัดคนคิดต่าง
จากกรณีที่มีครูท่านหนึ่งพูดถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในชั้นเรียนในฐานะตัวอย่างเมื่อพูดถึงการปกครองในระบอบอำนาจนิยมและมีการพาดพิงถึงประเด็นเพศวิถี พรรคก้าวไกลเห็นว่าสิ่งที่ครูท่านนั้นตั้งข้อสังเกตทั้งเรื่องเพศและเรื่องข้อเท็จจริง ต้องพูดด้วยท่าทีที่ระมัดระวังและตระหนักถึงการเคารพความหลากหลายทางเพศมากกว่านี้ แต่เราไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของนายกรัฐมนตรี การกระทำของผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และการล่าแม่มดโดยขบวนการจัดตั้งของสื่อฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่กดดันให้มีการลงโทษครูท่านนั้นอย่างไม่เป็นธรรม
จริงอยู่ว่าการพูดถึง พล.อ.เปรม ในลักษณะมีอคติทางเพศเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่การแก้ปัญหาของกรณีนี้ควรเป็นการตักเตือน และอบรมทัศนคติครูเรื่องการเข้าใจความหลากหลายทางเพศ ไม่ใช่ดำเนินการทางนิติสงคราม ทั้งทางกฎหมายและทางวินัย รวมทั้งใช้การกดดันทางสังคมอย่างการล่าแม่มด
การที่มวลชนและสื่ออนุรักษ์นิยม หยิบยกกรณีนี้ขึ้นมาล่าแม่มดครูท่านนี้ เป็นเพราะต้องการให้ชั้นเรียนตระหนักถึงความเข้าใจความหลากหลายทางเพศ และตระหนักถึงปัญหาการบูลลี่ หรือเป็นไปเพื่อปิดปากทุกคนที่เห็นต่างจากตนเองด้วยการกดดันให้ใช้กลไกอำนาจรัฐเข้าเล่นงานกันแน่
ถ้าผู้ที่ออกมาโจมตีครูท่านนี้เห็นความสำคัญของการพิสูจน์ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ สิ่งที่เราควรส่งเสริมคือการเปิดให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย มีการถกเถียงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันทุกด้านและหักล้างกันด้วยเหตุผล ไม่ใช่การใช้อำนาจปิดปาก สร้างความกลัว และสถาปนาความจริงเพียงด้านเดียวในแบบที่ผู้มีอำนาจต้องการให้เชื่อ
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้มีการดำเนินคดีด้วยเหตุผลปลุกปั่นสร้างความแตกแยก เราอยากถามกลับไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ว่าใครกันแน่ที่กำลังสร้างความแตกแยก ระหว่างครูคนหนึ่งที่สอนในชั้นเรียนกับสื่อและมวลชนที่ทำการล่าแม่มด เคลื่อนไหวกดดันให้ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นทางการเมือง
เราเชื่อว่าการทำให้การศึกษาไทยมีอนาคต ต้องทำความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ ควบคู่กับการสอนประวัติศาสตร์ที่สร้างการถกเถียงไม่ใช่รับข้อมูลข้างเดียว แต่การล่าแม่มด กำจัดผู้เห็นต่างที่มีความเชื่อต่างจากตัวเอง และใช้อำนาจเข้าข่มขู่คุกคามมากกว่าความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้จะยิ่งปลูกฝังวัฒนธรรมอำนาจนิยมในโรงเรียน และจะยิ่งทำให้การศึกษาของชาติล้าหลัง ไม่ทันโลก
ถ้านายกรัฐมนตรีและผู้ที่มีอำนาจในประเทศนี้ ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการศึกษาด้านอื่นๆ ในระดับเดียวกันกับการล่าแม่มดครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น
- สิทธิเสรีภาพในสถานศึกษา
- การต่อต้านการบูลลี่รังแกกัน
- ทำความเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ
- ทำความเข้าใจเรื่องการเคารพสิทธิเหนือชีวิตและร่างกายของนักเรียน
- ปฏิรูปชั้นเรียนและหลักสูตรให้ก้าวหน้าสร้างสรรค์ มีเสรีภาพในการพูดและปลอดภัย
- ลดภาระงานที่ไม่จำเป็นของครูผู้สอน
- คิดหาวิธีการเพิ่มทรัพยากรสนับสนุนเด็กระดับประถมศึกษาและปฐมวัย
- เปลี่ยนวิธีการประเมินวัดผลการศึกษา
.
เราเชื่อว่าการศึกษาไทยจะต้องพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้อย่างแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘พิธา’ ชี้ 5 ปี สิ่งที่ไม่เปลี่ยน คือพยายามทำลายทางเลือก ปชช. มั่นใจพลังประชาธิปไตยไม่ถูกยุบตามพรรค
พิธา ระบุ5 ปีผ่านไป สิ่งที่เปลี่ยนคือบริบท สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือความพยายามทำลายทางเลือกของประชาชน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อมั่นเสมอ—พลังของประชาธิปไตยไม่ได้ถูกยุบไปพร้อมกับพรรค
ขีดเส้น 15 วัน! ป.ป.ช. เรียก 44 สส. ชี้แจงข้อกล่าวหาคดีฝ่าฝืนจริยธรรม ปมแก้ ม.112
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งหนังสือถึง 44 สส.ก้าวไกล แจ้งข้อกล่าวหา และเชิญผู้ถูกกล่าวหามารับชี้แจง คดีฝ่าฝืนจริยธรรม จากการร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
'คารม' ไม่ซ้ำเติมอดีตเพื่อนร่วมพรรค โดนข้อกล่าวหาร้ายแรง บอกตัดสินใจอะไรต้องรอบคอบ
'คารม พลพรกลาง' อดีต สส. พรรคก้าวไกล ปัจจุบันพรรคภูมิใจไทย เห็นใจอดีตเพื่อนร่วมพรรค 44 สส. ถูก ป.ป.ช. เรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีแก้ไขมาตรา 112 ย้ำไม่ขอซ้ำเติม
ป.ป.ช. ยันมีพยานหลักฐานเพียงพอ 'เจี๊ยบ อมรัตน์' ผิดจริยธรรมร้ายแรง!
ป.ป.ช. ร่อนข้อกล่าวหาผิดจริยธรรมร้ายแรง มีพยานหลักฐานเพียงพอว่ามีมูลความผิด ถึงมือ ‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ เจ้าตัวเดือดจัดฟาดกลับเห็นคำขวัญของ ป.ป.ช. แล้วอยากจะอาเจียน
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ปมกล่าวหา 'กกต.' ชงยุบก้าวไกล
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณีที่ กรณี นายธรณิศ มั่นศรี (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 2