
5 ก.พ.2566-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีบันทึกด่วนที่สุดส่งไปถึงตำรวจทั่วประเทศ กำชับการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด ระบุ ตามหนังสือ ตร. ด่วนที่สุดเมื่อวันที่ 31 พ.ค.64 เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และหนังสือลงวันที่ 3 มี.ค.64 เรื่อง มาตรการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งจุดตรวจเพื่อบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกและความผิดอื่นที่เกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง ซึ่งกำหนดแนวทางและมาตรการในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกและความผิดที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว นั้น
เพื่อให้การดำเนินการในกรณีดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ จึงกำหนดให้การตั้งด่านตรวจ จุดตรวจให้พิจารณาดำเนินการเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม หรือเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงบนถนน โดยจะต้องนำข้อมูลสถานภาพอาชญากรรม หรือสถิติการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละพื้นที่มาเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณากำหนดจุดสำหรับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ รวมทั้งต้องดำเนินการในลักษณะด่านตรวจ จุดตรวจสัมพันธ์ เพื่อลดการส่งผลกระทบต่อการเดินทางและปฏิบัติกิจธุระตามปกติของประชาชน และต้องดำเนินการตามหนังสือ ตร.
อย่างเคร่งครัดและกำหนดแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมไว้ดังนี้
1.ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดทุกนาย แต่งเครื่องแบบและติดกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบดิจิตอล (Police Body Camera) ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติ และเมื่อมีกรณีการเรียกตรวจบุคคลและยานพาหนะให้บันทึกภาพและเสียงขณะตรวจไว้ตลอดเวลาและให้นำภาพและเสียงที่บันทึกไว้ในกล้องไปจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของหน่วยในโอกาสแรกหลังเลิกการปฏิบัติ โดยให้เก็บภาพและเสียงไว้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 20 วัน และให้ หน.สน./สภ. ควบคุมกำกับ ดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด หากพบข้อบกพร่องในกรณีดังกล่าว ให้พิจารณาดำเนินการทางวินัย
หัวหน้าด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด จนถึง หน.สน/สภ.
2.ในการตั้งจุดสกัด ให้ปฏิบัติได้เฉพาะกรณีจำเป็นเร่งด่วน เพื่อระงับยับยั้ง สกัดกั้น หรือจับกุมผู้กระทำความผิดเท่านั้น โดยให้ดำเนินการและประสานการปฏิบัติกับศูนย์รับแจ้งเหตุ/ศูนย์วิทยุสื่อสารของหน่วยในทันที โดยไม่ต้องขออนุมัติผู้บังคับบัญชาระดับ หน.สน/สภ. ขึ้นไป
3.การตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และจุดตรวจเพื่อบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก ต้องได้รับอนุมัติจาก ผบก. ขึ้นไป ทุกครั้ง หากพบว่ามีการตั้งจุดตรวจโดยไม่ได้รับอนุมัติจาก ผบก. ขึ้นไป ให้ผู้บังคับบัญชาระดับ บก./ภ.จว. พิจารณาข้อบกพร่องเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องแล้วรายงานให้ ตร. ทราบทันที
4. กำชับในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ ให้ทุกหน่วยลงข้อมูลในสารสนเทศของ ตร.(Thai Police Checkpoint Control : TPCC ) ผ่านช่องทาง http://tpcc.police.go.th โดยให้ถือปฏิบัติตามหนังสือ ตร. ข้างต้นที่กำหนดแนวทางไว้แล้วอย่างเคร่งครัด และให้ หน.สน/สภ. ควบคุม กำกับ ดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด หากพบข้อบกพร่องในกรณีดังกล่าว ให้พิจารณาดำเนินการทางวินัย หัวหน้าด่านตรวจ จุดตรวจจนถึง หน.สน./สภ. ให้ผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. บช/ภ. และ บก/ภ.จว. สุ่มตรวจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด ในเขตพื้นที่รับผิดชอบให้เป็นไปตามแนวทางที่ ตร. กำหนด
6. ให้ รอง ผบช. และ รอง ผบก. ที่รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม งานจราจรและงานจเรตำรวจ ควบคุม กำกับ ดูแล และสุ่มตรวจการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ให้เป็นไปตามแนวทางที่ ตร. กำหนด ในกรณีที่ตรวจพบว่าการปฏิบัติไม่เป็นไปตามแนวทางดังกล่าว เช่น ป้ายข้อความตามที่กำหนด การจัดรูปแบบการตั้งด่านตรวจ/จุดตรวจ ป้ายไฟ การวางกรวยยาง กล้อง Body Camera กล้องวงจรปิด เป็นต้น ให้ผู้บังคับบัญชาที่ตรวจพบ แนะนำ ตักเตือน ให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็ว ทั้งนี้ให้ติดตามผลการปรับปรุงแก้ไขในกรณีดังกล่าวด้วย
7. ให้ จต. สุ่มตรวจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัดโดยรายงานผลการตรวจให้ ตร. (ผ่าน สยศ.ตร.) ทราบ ทุกวันที่ 5 ของเดือน ทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ [email protected] แล้วให้ สยศ.ตร. สรุปรายงานให้ ผบ.ตร. ทราบ และนำเข้าที่ประชุมบริหาร ตร.
8.หากมีกรณีผู้บังคับบัญชาตรวจพบ หรือมีกรณีร้องเรียน หรือปรากฎเป็นข่าว หรือปรากฎตามสื่อสังคมออนไลน์และผลการตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตหรือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบหรือเรียกรับสินบน ให้ผู้บังคับบัญชาระดับ บช./ภ. พิจารณาดำเนินการทางวินัย อาญาและปกครอง แล้วแต่กรณี กับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และพิจารณาข้อบกพร่องผู้บังคับบัญชาผู้ที่มีหน้าที่ควบคุมกำกับ ดูแล จนถึง หน.สน./สภ. แล้วรายงานให้ ตร. ทราบทันที
9.หากผลการตรวจสอบตามข้อ 8 พบว่า ผู้บังคับบัญชาระดับ บก/ภ.จว. ปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจในการควบคุม กำกับ ดูแล และกำชับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ให้พิจารณาข้อบกพร่อง รอง ผบก. ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ และ ผบก. ในกรณีดังกล่าวด้วย
10 ให้ ผบช.น. ภ.1 – 9 ก. ผบก.น.1 – 9 ภ.จว. ทล. จร. และ หน.สน./สภ. ประชุมชี้แจงและกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดให้ถือปฏิบัติตามหนังสือนี้อย่างเคร่งครัด โดยให้บันทึกการประชุมชี้แจง และกำชับไว้เป็นหลักฐานด้วย
11. ให้นำผลการดำเนินการติดตาม ควบคุม กำกับดูแลด่านตรวจ และจุดตรวจ พร้อมปัญหาข้อขัดข้องของหน่วยในสังกัดเข้าที่ประชุมบริหารของ บช.น. และ ภ1 – 9 เป็นประจำทุกเดือน โดยให้ ผบก.น/ภ.จว.เป็นผู้รายงานเพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด ทั้งนี้หนังสือสั่งการใดที่ขัดหรือแย้งกับหนังสือสั่งการนี้ให้ใช้หนังสือนี้แทน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผบ.ตร. ยกย่องหัวใจตำรวจภาคใต้ เสียสละช่วยเหลือประชาชน แม้ตนเองเป็นผู้ประสบภัย
ผบ.ตร. ยกย่องหัวใจตำรวจภาคใต้ "ผู้เสียสละ" เร่งช่วยเหลือประชาชน แม้ตนเองเป็นผู้ประสบภัย ย้ำ "ตำรวจคือครอบครัวเดียวกัน" พร้อมดูแลสวัสดิการเต็มที่
ผบ.ตร. หารืออธิบดีกรมบัญชีกลาง เพิ่มเงินค่าตอบแทนพนักงานสอบสวน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ ชอบเพื่อน ผู้บัญชาการสำนักงานงบประมาณและการเงิน และคณะ ได้เดินทางไปยังกรมบัญชีกลาง
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ 'นายพล' 17 ราย
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ
เปิดคำสั่งแต่งตั้ง บช.ภ.9 ย้าย 'ผกก.หาดใหญ่' นั่ง 'ผกก.สะท้อน' หลัง 'ผบ.ตร.' ฉุนไม่ใส่ใจลูกน้องน้ำท่วม
เว็บไซต์กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยแพร่คำสั่งแต่งตั้งตำรวจตำแหน่ง รองผู้บังคับการ(รองผบก.)-สารวัตร(สว.) วาระประจำปี 2568 ในส่วนกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9
ก.ตร. เห็นชอบแต่งตั้ง 'นายพล' นอกวาระ 'พล.ต.ท.กฤษฎา' ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร.
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร ครั้งที่ 11/2568 โดยมี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ พล.ต.อ ธัชชัย ปิตะนีละบุตร, พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง, พล.ต.อ. นิรันดร เหลื่อมศรี,
'บิ๊กต่าย' แจงแล้ว! เหตุสั่งเด้ง 'ผกก.หาดใหญ่'
'ผบ.ตร.' แจงเหตุสั่งเด้ง 'ผกก.หาดใหญ่' ขาดภาวะผู้นำ น้ำท่วมไม่อยู่ในพื้นที่ ผู้ใต้บังคับบัญชาติดบนแฟลตต้องอดข้าวอดน้ำ


