'เอ็ดดี้' ฟาดนางงาม! เป็นหงส์หรือนกยูงอวดสวยได้ แต่อย่าอวดฉลาด จะกลายเป็นอวดโง่เสียมากกว่า

21 ก.พ.2566- นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ “สมาชิกวุฒิสภาเป็นตัวแทนของประชาชนเหมือนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร” มีรายละเอียดดังนี้

น้องนางงามใหญ่ พูดเอาใจหรือขอคะแนนจากคณะกรรมการหรือเจ้าของเวทีนางงานใหญ่ว่า “ทุกคนทราบไหมว่าที่ๆ ไร้การพัฒนามากที่สุดในประเทศไทยคือที่ใด คำตอบคือรัฐสภา ส.ว.ที่ถูกเลือกโดยทหาร ทำให้องค์กรนี้ถ่วงความเจริญของประเทศไทย”

คนสวยไม่ได้หมายความว่าเป็นคนฉลาดทุกคน คนที่พูดเรื่องการเมืองก็ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเมืองการปกครองทุกคน มิหน่ำซ้ำหลายคนเป็นผู้ที่ด้อยความรู้และไม่รู้ตัวว่ากำลังอวดความไม่รู้ของตน และตัวถ่วงความเจริญของชาติที่แท้จริงคือหนึ่งกลุ่มก็คือคนดังกล่าวเหล่านี้นั้นเอง

ผู้ที่มีการศึกษาน้อย หรือเป็นผู้ที่มีปริญญาแต่ด้วยปัญญา เนื่องจากไม่มีความรู้หรือด้อยความรู้ความเข้าใจทางด้านการเมืองการปกครอง ย่อมตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มคนที่หวังผลประโยชน์ทางการเมืองเพื่อตนเองและพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์เพื่อชาติและประชาชนส่วนรวมอย่างแท้จริง

**สมาชิกวุฒิสภาเป็นตัวแทนของประชาชนเหมือนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังมีข้อที่แตกต่างกันเช่น จํานวน ที่มา การสังกัดพรรคการเมือง

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ได้กําหนดให้จํานวนและที่มาของวุฒิสภาไว้สองช่วงเวลา คือ ช่วงที่ 1 ซึ่งเป็นไปตามบทเฉพาะกาลที่กําหนดให้วุฒิสภามีจํานวน 250 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามที่คณะ รักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถวายคําแนะนํา

เมื่อกลุ่มคนสามนิ้วที่นิยมเชื่อผู้นำที่มักจะให้ข้อเท็จจริงเพียงบางส่วน เห็นหรือได้ยินคำว่า

“วุฒิสมาชิกจํานวน 250 คน มากจากแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ ตามที่คณะ รักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถวายคําแนะนํา”

ก็จะชักจูงโดยง่ายว่า วุฒิสมาชิก ถูกแต่งตั้งตามที่พระมหากษัตริย์สั่งลงมา เพื่อบั่นทอนพระมหากษัตริย์

หรือวุฒิสมาชิก ถูกแต่งตั้งโดย คสช. อันเป็นที่มาของคำครหาว่า เผด็จการแต่งตัว สว.

ดังนั้นจึงหลงเชื่อกันไปว่า สว.รับใช้เผด็จการหรือรับใช้พระมหากษัตริย์

ความจริงคือ สมาชิกวุฒิสภาเป็นตัวแทนของประชาชนเหมือนกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพียงแต่มีข้อที่แตกต่างในเรื่องที่มาเท่านั้น

ผมจะแจกแจ้งให้เข้าใจง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ภาษากฎหมาย ซึ่งอาจจะทำให้ชาวบ้านสับสน หรือแม้แต่บัณฑิตผู้ที่มีปริญญาแต่ไม่มีปัญญา ยังไม่เคยเข้าใจและหลงเชื่อผู้ไม่หวังดีต่อชาติบิดเบือนข้อเท็จจริง

สว.ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยตําแหน่งมีเพียง 6 คนเท่านั้น ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหาร อากาศ และผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ ที่เหลือมาจากการสรรหา

ส่วนที่เหลือจะได้มีคณะกรรมการการเลือกตั้งดําเนินการจัดให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภาโดยมาจาก”การเลือกกันเอง”ของบุคคลซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะ หรือประโยชน์ร่วมกัน หรือทํางานหรือเคย ทํางานด้านต่าง ๆ ที่หลากหลายของสังคม

โดยการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภามาจากคณะกรรมการสรรหาฯ ที่แต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จากผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ และมีความเป็นกลางทางการเมือง

ซึ่งถ้าเห็นตรงนี้ก็จะพูดว่า นั้นไง คสช.เป็นคนตั้งคณะกรรมการสรรหาฯ แต่ต้องดูต่อไปว่า คณะกรรมการสรรหาฯ นั้นมาจากผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ และมีความเป็นกลางทางการเมือง

**คำว่า”มีความเป็นกลางทางการเมือง” ย่อมหมายความว่า ต้องเป็นกลางทางการเมือง ซึ่งรวมถึงการไม่ได้เข้าข้าง คสช.หรือการเห็นประโยชน์ของ คสช.มากกว่าชาติและประชาชน

ดังนั้นจะกล่าวหาว่า สว.ชุดนี้มาจากเผด็จการ อันหมายถึง สว.ปฏิบัติราชการภายใต้คำสั่งของคณะรัฐประหารคงไม่ถูกต้อง

**แต่ สว.ชุดนี้มาจากคณะกรรมการสรรหาฯ ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ และมีความ”เป็นกลางทางการเมือง” อันหมายความว่าไม่ได้ทำงานตามใบสั่งของ คสช.หรือแม้แต่พระมหากษัตริย์

ข้อดีของคำถามว่าทำไม สว.ต้องมาจากการสรรหาและแต่งตั้ง (โดยสังเขป)

1. สว.มีวุฒิการศึกษาหรือประสบการณ์สูงกว่า สส.บางคนหรือหลายคน

ลองกลับไปดูเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน พรรคก้าวไกลเคยเสนอเด็กอายุ 20 ต้นๆ ที่จบการศึกษามัธยม 6 เป็นผู้แทนราษฎร ลองคิดดูว่าถ้าเขาได้รับเลือกตั้ง เราจะมี สส.อายุน้อย ที่แปลว่าเขายังมีอ่อนด้วยทั้งประสบการณ์การทำงานและประสบการณ์ชีวิต มาเป็นตัวแทนของคุณเข้าไปตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและพิจารณาออกกฎหมายมาบังคับใช้กับชีวิตคุณ เขาจะเอาความรู้หรือประสบการณ์อะไรไปทำงานเหล่านั้น ที่สำคัญเขาจะถูกครอบงำได้โดยง่ายโดยพรรคต้นสังกัดของเขา

2. สส.มักทำงานราชการตามมติพรรค ซึ่งพูดกันตรงๆ ตามความจริง สส.(จำนวนหนึ่ง)ย่อมคำนึงถึงฐานเสียงหรือคะแนนเสียงของประชาชนที่สนับสนุนตนหรือพรรคของตนมากกว่าผลประโยชน์ของชาติและประชาชนทั้งประเทศ ในขณะที่ สว.ไม่สังกัดพรรคการเมือง จึงไม่ต้องคำนึงถึงมติพรรคและผลประโยชน์ของพรรคพวกเพื่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
3. มันคือการถ่วงดุลระหว่าง สส.ผู้ที่มาจากพรรคการเมืองซึ่งล้วนแต่มีผลประโยชน์ทางการเมืองแอบแฝง กับ สว.ที่ถูกสรรหาจากกลุ่มบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์สูงยิ่งในหลากหลายสาขาอาชีพ

อย่าได้หลงเชื่อว่าการเลือกตั้งคือสิ่งวิเศษสุด อย่าได้หลงเชื่อว่าผู้ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถที่จะทำงานเพื่อชาติและจะทำให้ชาติเจริญก้าวหน้าอย่างแท้จริง เพราะผู้ที่มาจากการเลือกตั้งอาจจะได้มาเพราะการซื้อเสียง หรือเป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น หรือเป็นประเภทที่มีพวกมากทั้งที่ที่ไม่ได้มีความรู้ความสามารถและคุณธรรมเลย

การเป็นผู้มีความรู้หรือการศึกษา ไม่ได้หมายความถึงการมีปริญญาเสมอไป เพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า คนไทยมีปริญญาแต่ไม่มีปัญญากันไม่น้อย

แต่การการเป็นผู้มีความรู้หรือการศึกษา หมายถึง การเป็นผู้ใฝ่รู้และรู้จักแยกแยะว่า เรื่องใดคือข้อเท็จจริง เรื่องใดเป็นเพียงความคิดเห็น หรือรื่องใดคือการบิดเบือน

คนมีปริญญาไม่ได้หมายความว่าได้มีใบประกาศนียบัตรว่าไม่โง่

และคนไม่มีปริญญาก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนโง่

แต่คนโง่คือคนที่มักตกเป็นเหยื่อของคนฉลาด

เหยื่อก็คือเครื่องมือทำมาหากินของคนที่ฉลาดกว่า

นางงามคนสวยไม่ได้มีมงกุฏเป็นเครื่องแสดงความฉลาด

ดูอย่างหงส์หรือนกยูง สวยงามขนาดไหน แต่ฉลาดหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง

เป็นหงส์หรือนกยูงอวดสวยได้ แต่อย่าอวดฉลาด เพราะจะกลายเป็นอวดโง่เสียมากกว่า.