ยุทธการ Shell Game ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตุ๋นคนแก่มะกันเสียหายกว่า 3 พันล้านบาท!

คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกแม้แต่การเป็นโจรออนไลน์ ตำรวจไซเบอร์เปิดยุทธการshell game จับผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้าง FBI หลอกเหยื่อชาวอเมริกันกว่า 300 คน เสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท

22 มี.ค.2566 - พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.,พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. ,พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท. 1, พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง., นายคริสโตเฟอร์ โรดี (Mr.Christopher Rohde) ผู้ช่วยฑูต US Secret Service, นายคริสโตเฟอร์ แคนเทล(Mr.Christopher Cantrell ) ผู้ช่วยทูตเอฟบีไอ ร่วมกันแถลงข่าวสรุปผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามยุทธการ Shell game ปิดล้อมค้น 9 จุด จับกุมเป้าหมาย 36 ราย ในพื้นที่ จ.ชลบุรี,ระยอง, ร้อยเอ็ด และสุราษฎร์ธานี

โดยระบุว่า เมื่อปลายปี 2565 ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการประสานข้อมูลสืบสวนจากตำรวจลับสหรัฐ(US Secret Service),สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกา (FBI) และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา กรณีมีกลุ่มองค์กรอาชญากรรมทางไซเบอร์ชาวอินเดียร่วมกับชาวไทยตั้งตัวเป็นกลุ่มคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงผู้สูงอายุในประเทศสหรัฐอมริกา โดยออกอุบายข่มขู่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทำให้เกิดความกลัวโดยให้เหยื่อโอนเงินไปตรวจสอบ รวมทั้งใช้วิธีการส่งไวรัสไปยังคอมพิวเตอร์ของเหยื่อและหลอกให้โอนเงิน ซึ่งในปี 2563-2564 พบสถิติ 72,000 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท

จากการสืบสวนพบว่าขบวนการมีลักษณะเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายแบ่งหน้าที่กันทำงาน เพื่อยักย้ายถ่ายเทปกปิดซ่อนเร้นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด โดยใช้ประเทศไทย กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเชีย ฮ่องกง สหรัฐอาหรับเอมิเรต เปรูและโปแลนด์ เป็นแหล่งรับเงินที่ได้จากการหลอกลวง มีมูลค่าความเสียหาย 3 พันล้านบาท ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นคนสูงวัย มีทั้งอาชีพหมอ อาจารย์มหาวิทยาลัย ทันตแพทย์ ทหารและเจ้าของธุรกิจ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่ามีเงินหมุนเวียนในเครือข่ายกว่า 1 พันล้านบาท โดยพบบัญชีธนาคาร นิติบุคคลในเครือข่าย ร้านทองและกิจการร้านอาหาร สถานบันเทิงในพื้นที่ จ.ชลบุรีหลายแห่งที่ใช้ในการฟอกเงินให้กับเครือข่ายขบวนการ โดยใช้ในการโอน รับโอน ผลประโยชน์ที่ได้จากการหลอกลวงเหยื่อ ซึ่งพบว่ามียอดเงินหมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาททุกเดือนในแต่ละบัญชี จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหา และขอหมายค้นเพื่อทำการตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จนนำไปสู่การเปิด ปฏิบัติการ SHELL GAME

ทั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาเป็นชาวอินเดีย 5 ราย คือ นายเทวันชู นันดากิชอร์ โจชิ อายุ 42 ปี, นายอวตาร์ ชิงห์ อายุ 36 ปี, นายโยเกช กุมาร อายุ 34 ปี, นายการุณัลกุมาร์ กอทเช็กไพ โทปิวาลา อายุ 40 ปี, และนายคีตาน ตรีภูวันเดช ปานจัล อายุ 53 ปี นอกจากนี้มีผู้ต้องหาชาวไทย 15 ราย คือ น.ส.ดรัณย์นภัทธ์ หินจันทร์ อายุ 33 ปี,น.ส.ปรีญาพร หินจันทร์ อายุ 27 ปี ,นางอารียาภรณ์ ศรีดงกลาง อายุ 41 ปี, น.ส.สาคนินท์ แสนประดิษฐ์ อายุ 38 ปี, นางทัศนีย์ โภคินเนาวพันธ์ อายุ 50 ปี, น.ส.สุกัญญา ผ่านคง อายุ 24 ปี, นายณัฐวุฒิ ใจตรงกล้า อายุ 25 ปี, น.ส.ญาดา โรจนซาลี อายุ 19 ปี, นายนันทวัฒน์ มุมอภัย อายุ 23 ปี, นางจิตร โพธิ์จันทร์ อายุ 61 ปี, นายอาทิตยา บุญหล้า อายุ 36 ปี ,น.ส.ขวัญจิรา ศิริธรรมจักร อายุ 32 ปี ,น.ส.มยุรี นาแพงสอน อายุ 20 ปี, นายย่วน หยูนุ้ย อายุ 64 ปี และ น.ส.อรุณรัตน์ เกิดโมลี อายุ 23 ปี พร้อมด้วยของกลาง สมุดบัญชีธนาคาร 162 บัญชี,โทรศัพท์มือถือ 61 เครื่อง ,รถยนต์ 2 คัน,อาวุธปืน 1 กระบอก รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆอาทิโฉนดที่ดิน อสังหาริมทรัพย์หลายรายการ

ขณะที่ด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์กล่าวว่า สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเจ้าหน้าที่ US Secret Service ทำหนังสือขอความร่วมมือมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังมีผู้เสียหายเป็นชาวอเมริกันถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก โดยมีการส่งหนังสือให้เจ้าหน้าที่ทางการไทย 2 ครั้ง โดยครั้งแรก ตั้งแต่ปี 2564 เพื่อขอหลักฐานเอาไปออกหมายจับที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นจะให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน จึงได้ส่งหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน และการตรวจค้นเป้าหมายให้ จนกระทั่งมีการส่งหนังสือฉบับที่สองมาให้เนื่องจากพบว่าเป็นเครือข่ายใหญ่มีผู้เกี่ยวข้องหลายราย และต้องการให้ดำเนินคดีในประเทศไทย อีกทั้งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของชาวอเมริกันพบเกี่ยวพันถึง 41 ราย ความเสียหายจากเงินหมุนเวียนในประเทศไทย 1,000 ล้านบาท ในนี้มีเหยื่อที่เป็นคนไทย 1 คน มูลค่าความเสียหาย 1.8 ล้านบาท

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า แผนประทุษกรรมในครั้งนี้คล้ายกับแก๊งคลอเซ็นเตอร์ในประเทศไทย คือการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ และบอกเหยื่อว่ามีความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยคนร้ายชาวอินเดียที่ถูกจับได้จะมีการใช้ชื่อคนไทยในการเปิดบัญชีม้า และใช้สำหรับร่วมกันเปิดบริษัท โดยเงินจะผ่านเข้าทั้งในส่วนบุคคลธรรมดา และ ในนามบริษัทจากนั้นให้คนไทยกดเงินสดออกมาให้ผู้ต้องหาชาวอินเดียรวบรวมไว้ ก่อนที่จะมีเพื่อนชาวอินเดียมารับเงินอีกทอดหนึ่ง ซึ่งตำรวจจะต้องสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม

“ข้อมูลเหยื่อที่คนร้ายได้ไปนั้น มาจากการที่มีคนอเมริกันขายข้อมูลให้คนร้าย และคนต่างชาติที่เข้าไปทำงานและขโมยข้อมูลออกมาขายให้แก๊งดังกล่าว ซึ่งทราบข้อมูลส่วนตัวนี้มีความละเอียดเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม คนร้ายกลุ่มนี้จะนำเงินที่ได้มาส่วนหนึ่งไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และอีกส่วนหนึ่งส่งกลับไปประเทศของผู้ก่อเหตุเอง”

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่มีกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการเปิดบัญชีม้า และประชาชนได้เดินทางไปที่ธนาคารเพื่อปิดบัญชี พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้กำชับให้ตำรวจทุกพื้นที่ ประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนที่หลงผิด ทั้งการเปิดบัญชีม้า และ ซิมโทรศัพท์ให้ไประงับ รวมถึงปิดบัญชี เพราะผิดตามข้อกฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยเบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง,ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน.สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘บิ๊กโจ๊ก’ดิ้นสู้หัวชนฝา ยื้อแผน‘ฆ่าให้ตาย’

ความเคลื่อนไหวของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เที่ยวล่าสุด ถือเป็นการเขย่าวงการการเมือง ตำรวจ และองค์กรอิสระ

‘โจ๊ก’ ลั่นคนใต้เลือดนักสู้! ยื่นป.ป.ช.สอบ ‘เศรษฐา’ ปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ตั้ง ‘บิ๊กต่อ’ ผบ.ตร.

‘บิ๊กโจ๊ก’ สู้หมดหน้าตัก ยื่นสอบ 'เศรษฐา' ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้ง 'บิ๊กต่อ' เป็นผบ.ตร. เตือนนายกฯ ให้ทำตามกม. เชื่อโดนรุมกินโต๊ะสกัดนั่งผบ.ตร.

นายกฯ ยัน ฟัน 'สุรเชษฐ์' เป็นเรื่องภายในตร. 'กิตติ์รัฐ' ย้ำดำเนินการตามกม.

นายกฯ เผยสั่ง 'สุรเชษฐ์' ออกจากราชการ เป็นเรื่องภายในตร. ส่วนสอบ 2 บิ๊กสีกากี มั่นใจ 3 คกก.มืออาชีพ ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 คน ด้าน 'กิตติ์รัฐ' ลั่นไม่หนักใจ มั่นใจดำเนินการตามกม.

ห่วงปชช. 7 จ. ริมน้ำโขง หลังสารเคมีรั่ว สั่ง สทนช. เฝ้าระวังถึง 12 เม.ย.

'สมศักดิ์' ห่วงชาวไทย-ลาว หลังสารเคมีรั่วลงแม่น้ำโขง สั่ง สทนช. เกาะติดใกล้ชิด แจงตรวจคุณภาพน้ำ จ.เลย ใช้ได้ปกติ แต่ยังเฝ้าระวังถึง 12 เม.ย.