'สป.ยธ.' รุก! ทุกพรรค ให้กำหนดนโยบาย 'ปฏิรูปตำรวจและการสอบสวน' เต็มรูปแบบ

สป.ยธ.รุก! ทุกพรรค ให้กำหนดนโยบาย ปฏิรูปตำรวจและการสอบสวน- เลิก-ลด ยศแบบทหารในงานไม่จำเป็น, ผู้ว่า กทม.และ จว.ควบคุมได้ ยุบตร.ภาค ลดนายพล 530 คน, โอน ตร.เฉพาะทางให้กระทรวงรับผิดชอบ, อัยการมีอำนาจสอบสวนคดีสำคัญ

3 พ.ค.2566 - ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ร.ต.อ.ผศ.ดร. วิเชียร ตันศิริคงคล คณบดีคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา ประธานสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม(สป.ยธ.) และ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสป.ยธ.ได้ยื่นหนังสือต่อ ผอ.พรรคปชป. ให้นำเรียนหัวหน้าพรรค ปชป.รวมทั้งส่งหนังสือถึง "หัวหน้าพรรคทุกพรรค" ให้กำหนดนโยบายปฏิรูปตำรวจและการสอบสวนโดยเร็ว ในเรื่องสำคัญอันการปฏิรูปแท้จริง ดังนี้

ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาตำรวจได้ก่อความเดือดร้อนต่อประชาชนอย่างแสนสาหัส ทั้งเรื่องที่ไม่สามารถป้องกันอาชญากรรมทำให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้ เมื่อไปแจ้งความ พนักงานสอบสวนก็ไม่รับคำร้องทุกข์เข้าสารบบคดีเพื่อไม่ให้มีสถิติอาชญากรรมปรากฏตามที่ผู้บังคับบัญชาตามชั้นยศสั่งไว้ รวมทั้งจะได้ไม่ต้องสอบสวนตามกฎหมายส่งให้อัยการตรวจสอบ ซ้ำหลายกรณีตำรวจผู้ใหญ่ชั้นนายพลยังเป็นคนกระทำผิดเสียเอง เป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง จำเป็นต้องได้รับการปฏิรูปโดยเร็ว

สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) เห็นว่า ทุกพรรคการเมืองที่ตระหนักถึงปัญหาตำรวจ ควรกำหนดให้ปรากฏเป็นนโยบายในการปฏิรูปเชิงระบบและโครงสร้างองค์กรในเรื่องต่างๆ อันเป็นการแก้ปัญหาตำรวจที่แท้เจริง เพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ทราบและสนับสนุนดังนี้

๑. เลิก-ลด การใช้ยศและระบบการปกครองแบบทหารในหน่วยและสายงานที่ไม่จำเป็น เช่น สายงานสอบสวน ซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานกระบวนการยุติธรรม สายการแพทย์ พยาบาล พิสูจน์หลักฐาน งานนิติเวช การศึกษา และงานอำนวยการต่างๆ ลดความวุ่นวายและขั้นตอนในการบังคับบัญชารวมทั้งประหยัดงบประมาณกว่าข้าราชการมียศ

อีกทั้งเป็นการ “ลดนายพล” ซึ่งมีอยู่ทั้งประเทศจำนวน ๕๓๐ คน ให้มีเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เลิกแบ่งแยกตำรวจที่เรียกกันว่า “ชั้นประทวน” ทำให้ประชาชนไม่เชื่อถือและดูถูกเหยียดหยาม โดยเรียกเป็นเจ้าพนักงานระดับต่างๆ แทน

๒.เลิกการอบรมและปลูกฝังความคิดแบบทหารในโรงเรียนตำรวจที่ก่อให้เกิดปัญหาเรื่อง “บ้ารุ่น” หรือ“บ้าสถาบัน” สร้างความแตกแยกและความสามัคคีในองค์กรกระทบต่อการปฏิบัติงานในฐานะเจ้าพนักงานยุติธรรม โดยรับสมัครผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีแต่ละสาขาจากมหาวิทยาลัยตามสายงานมาอบรมความรู้ที่จำเป็น ใช้ระยะเวลาเพียงหกเดือนหรือไม่ถึงหนึ่งปีก็จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดีกว่าผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจซึ่งใช้เวลาถึง ๖ ปีทำให้สิ้นเปลืองเงินภาษีประชาชนอย่างมาก

๓.กระจายอำนาจตำรวจให้อยู่ในปกครองทั้งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ เพื่อให้หน่วยการปกครองหลักทุกระดับของประเทศมีเอกภาพในการบังคับบัญชาสอดคล้องกับบทบาทการรักษาความสงบเรียบร้อยตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติไว้

ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอต้องสามารถให้คุณให้โทษตำรวจทุกระดับในพื้นที่ได้ ทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายโดยใช้หลักอาวุโสในสายงาน โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกิจการตำรวจจังหวัดและอำเภอ

ยุบเลิกตำรวจภูธรภาค ๑ - ๙ ลง เนื่องจากไม่มีความจำเป็น ซึ่งจะทำให้รัฐประหยัดงบประมาณได้ปีละไม่ต่ำกว่า ๗,๐๐๐– ๘,๐๐๐ ล้านบาท รวมทั้งทำให้งานตำรวจตรวจป้องกันอาชญากรรมและการสอบสวนมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

๔.โอนตำรวจเฉพาะทาง ๑๐ หน่วยไปให้กระทรวงทบวงกรมที่รับผิดชอบตามกฎหมาย ให้มีอำนาจสอบสวนคู่ขนานกับตำรวจ ตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติได้มีมติและรายงานให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการไปแต่เดือนตุลาคมปี ๒๕๕๘ ดังนี้

๔.๑ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไปสังกัดกระทรวงมหาดไทย
๔.๒ ตำรวจจราจรสังกัดกรุงเทพมหานคร
๔.๓ ตำรวจทางหลวงสังกัดกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม
๔.๔ ตำรวจน้ำสังกัดกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม
๔.๕ ตำรวจเศรษฐกิจสังกัดกระทรวงการคลัง
๔.๖ ตำรวจป้องกันการค้ามนุษย์สังกัดกระทรวงพัฒนาสังคม
๔.๘ ตำรวจป้องกันอาชญากรรมคอมพิวเตอร์สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
๔.๙ ตำรวจคุ้มครองผู้บริโภคสังกัดสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
๔.๑๐ ตำรวจป้องกันปราบปรามการทุจริตสังกัด ปปช.

๕. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้อัยการมีอำนาจเข้าตรวจสอบการสอบสวนคดีสำคัญหรือคดีที่มีปัญหาประชาชนร้องเรียนว่าไม่ได้กระทำตามกฎหมายหรือไม่ยุติธรรมได้

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา ผลเป็นประการใดขอได้โปรดแจ้งให้ทราบด้วยเพื่อจะได้แจ้งให้ประชาชนและสื่อมวลชนทราบต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีดปาก 'สมศักดิ์' สุดมั่ว! มท.ปราบยาเสพติด ชี้ผวจ.ไม่มีอำนาจสั่งตร.-สอบสวนคดีอาญาได้

'วิรุตม์' ดีดปาก 'สมศักดิ์' สุดมั่ว! มท.ปราบยาเสพติด ชี้ ผวจ. ไม่มีอำนาจสั่งงานตร.และสอบสวนคดีอาญา ให้คุณให้โทษตร.ไม่ได้ ผบก.จว.ก็ไม่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการจว. ไม่สามารถบำบัดทุกข์บำรุงสุข แนะปฏิรูปตร. ยุบ บช.ภ.ให้ผวจ.สั่งงานแต่งตั้งโยกย้ายตร.ในจว.ได้

'วิรุตม์' ชี้ 'เชาวน์' เข้าใจผิด ผู้ว่าฯ ไม่มีอำนาจคุมงานสอบสวน แฉตร.ไม่ออก'เลขคดีอาญา'

พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คุณเชาวน์ คงไม่ทราบว่าปัจจุบันผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอประเทศไทย

'วิรุตม์' ซัดตร.ผู้ใหญ่รับส่วยพนันออนไลน์แล้วทำตัวเป็นพระเอก 'จับพระ' นายกฯสั่งปราบปรามก็ไม่สนใจ

'วิรุตม์'ซัดตำรวจปล่อยให้มีบ่อนพนันออนไลน์จนผู้คนรวมทั้งพระติดงอมแงม แล้วมาทำตัวเป็นพระเอก 'จับพระ' ทั้งที่ปัญหาเกิดจากการทุจริตรับส่วยของตร.ผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้านายตัวเอง ชี้นายกฯนั่งในตำแหน่ง1ปียังพูดให้สั่งปราบปรามแสดงว่าที่ผ่านมาตร.ไม่ได้สนใจ

'วิรุตม์' ไม่เห็นด้วย เหตุผลยกฟ้อง 'สมยศ' กับพวก ชี้ 'อัยการเนตร' แค่จิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย

'วิรุตม์'บอก' ไม่เห็นด้วย' เหตุผลยกฟ้อง'สมยศ'กับพวก เพราะไม่ได้โน้มน้าวกดดันให้เปลี่ยนความเร็วบอส ยันระบบตำรวจทหารที่มีการปกครองตามชั้นยศการกดดันไม่จำเป็นใช้คำพูดข่มขู่ ชี้ ตำรวจทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุมีเจตนาในการเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐานโดยมิชอบ โดยมี 'อัยการเนตร' เป็นจิ๊กซอตัวสุดท้าย

'วิรุตม์' ตีแสกหน้า! ประเทศไทยมีคนทำตัวนักเลงอันธพาลอยู่มากมาย เพราะมั่นใจ 'เคลียร์ได้'

พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม(สป.ยธ.) กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นประเด็นไม่ได้อยู่ที่ใครขับรถประมาททั้งก่อนและขณะเกิดเหตุซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุจราจรตามที่ตำรวจบางคนชี้แจงแต่แรก

'วิรุตม์' กังขา ค้นบ้านนักข่าวในฐานะ 'พยาน' แฝงเจตนา ทำให้สื่อหวาดกลัว

พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) กล่าวว่า การตรวจค้นบ้านพักผู้ประกาศข่าวสาวเพจ 'สถาบันทิศทางไทย' (The critics)