'วิโรจน์' โชว์กึ๋นขจัดโกง บอกมี 4 ธงสำคัญในการแก้ไข ชี้หากมุ่งแค่การปราบอย่างเดียวไม่ได้ไม่จบสุดท้ายกลับมาใหม่ ต้องแก้ที่โครงสร้างทั้งปรับปรุงกฎหมาย มีระบบคุณธรรมส่งเสริมคนดีให้ก้าวหน้า และใช้เทคโนโลยี
01 มิ.ย.2566 - นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และตัวเต็งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “4 ธงสำคัญแก้ปัญหาคอร์รัปชัน แค่ปราบอย่างเดียว ไม่จบ!” มีเนื้อหาว่า พอพูดถึงปัญหาการคอร์รัปชันในประเทศไทย ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าไม่มีการปราบปราม ก็มีการปราบกันเป็นระยะๆ แต่พอสักพักการคอร์รัปชันก็กลับมาใหม่ นั่นเป็นเพราะว่า เราเน้นแก้ปัญหาที่ตัวบุคคล แต่ไม่ได้แก้ปัญหาที่โครงสร้างเลย
ดังนั้นการที่จะแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันที่ดีที่สุดจะต้องไม่ใช่แค่ปราบ แต่ต้องแก้ไขที่โครงสร้างด้วย และต้องทำให้ประชาชนทุกภาคส่วน เล็งเห็นถึงผลประโยชน์ร่วมกันของระบบที่ปราศจากคอร์รัปชัน ทำให้การคอร์รัปชันมีกระบวนการที่วุ่นวายกว่าการทำงานตรงไปตรงมา ตราบใดก็ตาม ถ้ายังมีการสมประโยชน์กันของการให้และรับสินบน การทุจริตคอร์รัปชันก็จะผุดขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ ไม่มีวันหมดไป
จึงคิดว่า การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น ต้องมีธงสำคัญในการแก้ไขปัญหาอยู่ 4 ด้าน ด้วยกัน คือ
1.การสร้างระบบที่ข้าราชการที่ดีมีโอกาสที่จะเติบโตในหน้าที่การงาน ข้าราชการระดับปฏิบัติงานได้รับสวัสดิการที่ดี มีขวัญ และกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต ต้องไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง ไม่มีระบบตั๋ว เพราะถ้าได้ตำแหน่งมาด้วยการซื้อ ก็ไม่วายต้องใช้อำนาจจมาถอนทุนคืน หรือไม่ก็ต้องตอบแทนมาเฟียเจ้าของทุน
2.การปราบปรามวงจรส่วยอย่างครบวงจร ไม่ใช่แค่จับปลาซิวปลาสร้อย ดังนั้น การมี พ.ร.บ.ปกป้องผู้เปิดโปงเบาะแสการคอร์รัปชัน (Whistle Blower Protection Act) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากผู้เปิดโปงการทุจริต ได้รับการกันตัวไว้เป็นพยาน และได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างดี เมื่อไหร่ก็ตามที่เครือข่ายการทุจริตขยายวง จนผลประโยชน์ไม่ลงตัว เมื่อการเปิดโปงเกิดขึ้น ก็จะทำให้รัฐมีหลักฐานเพียงพอ ที่จะทลายเครือข่ายการทุจริตได้แบบยกรัง
3.การแก้ไขกฎหมายที่เวิ่นเว้อวุ่นวาย มีงานธุรการเต็มไปหมด ให้ดุลยพินิจกับเจ้าหน้าที่มากจนเกินไป เนื้อหา และหลักเกณฑ์ในกฎหมายไม่สมเหตุสมผลขัดกับมาตราฐานสากล ไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริง กฎหมายแบบนี้ จะทำให้คนที่ตั้งใจทำธุรกิจอย่างสุจริต ต้องมาผิดกฎหมายอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ทำให้ข้าราชการที่ไม่ดีบางคน เอากฎหมายแบบนี้มาใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้ง รังควาน เพื่อเรียกรับผลประโยชน์
อย่างกรณีส่วยทางหลวง ก็ต้องมาทบทวนว่า การกำหนดให้รถพ่วงไม่ว่าจะ 6 เพลา 20 ล้อ 6 เพลา 22 ล้อ หรือ 7 เพลา 24 ล้อ ที่แต่เดิมมีน้ำหนักจำกัดที่ 52 ตัน 53 ตัน และ 58 ตัน อยู่ดีๆ คสช. ก็เปลี่ยนมาให้มีน้ำหนักจำกัดดเท่ากันที่ 50.5 ตัน เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2557 นั้นสมเหตุสมผลตามหลักวิศวกรรมหรือไม่ หรือเป็นการปรับหลักเกณฑ์ เพื่อหมายให้คนที่ทำถูกกฎหมายอยู่ดีๆ กลายเป็นคนที่ผิดกฎหมายไปซะอย่างนั้น
โดยทั่วไปแล้ว การจำกัดน้ำหนักรถบรรทุก ต้องพิจารณาจากน้ำหนักเฉลี่ยต่อล้อ ไม่ใช่น้ำหนักรวม ถ้าน้ำหนักบรรทุกมาก แต่มีจำนวนล้อมากเพียงพอที่จะถ่ายน้ำหนักลงพื้นถนน ก็จะไม่เป็นปัญหา ซึ่งในเรื่องนี้หลักเกณฑ์การจำกัดน้ำหนักของรถบรรทุก สามารถปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไาย หรือสภาวิศวกร ให้ทบทวนตามหลักวิศวกรรม แล้วกำหนดเกณฑ์ใหม่ให้มีความสมเหตุสมผลได้เลย ถ้ากฎหมายมีความสมเหตุสมผล ไม่มีใครอยากจ่ายส่วยหรอกครับ
4.การนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยสร้างความโปร่งใสในระบบราชการ และลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ลง เช่น การทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ ลดงานธุรการ และขั้นตอนการขออนุญาตที่ซ้ำซ้อนลง, การเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างอย่างโปร่งใส และการใช้ AI จับพิรุธของการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง ฯลฯ
อย่างกรณีส่วยทางหลวง ถ้าเราเปลี่ยนระบบการชั่งน้ำหนัก จากการต่อคิวเข้าด่านชั่ง ให้กลายเป็นระบบการชั่งน้ำหนักขณะรถวิ่ง (Weigh In Motion หรือ WIM) ก็จะทำให้ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวชั่งน้ำหนัก คันไหนบรรทุกน้ำหนักเกิน ก็จะถูกออกใบสั่งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยทันที แล้วให้ไปจ่ายค่าปรับผ่านระบบธนาคาร
สรุปก็คือ การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน จะใช้แค่การปราบอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องแก้ที่โครงสร้างด้วย ถ้าปราบอย่างเดียว อีกสักพักก็จะกลับมาใหม่ ถ้าเราทำควบคู่กันไป ทั้งการปราบปราม การปรับปรุงกฎหมายให้สมเหตุสมผล การมีระบบคุณธรรมส่งเสริมคนดีให้เติบโตมีความก้าวหน้าในอาชีพ และการใช้เทคโนโลยีมาสนับสนุน ในที่สุด ปัญหาการคอร์รัปชันก็จะถูกจัดการให้หมดไปอย่างถาวร และยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยาวไป! ศาลรัฐธรรมนูญเรียกเอกสาร 'พิธา-ก้าวไกล' เพิ่มอีกชูรื้อมาตรา 112
ศาลรัฐธรรมนูญสั่งเรียกเอกสารเพิ่ม คดี พิธา - ก้าวไกล เสนอนโยบายแก้มาตรา 112 ล้มล้างการปกครอง
'คารม' ย้อนอดีตโหวตสวนมติพรรค 'ก้าวไกล' ยังไม่ขับออก
'คารม' ชี้ก้าวไกลขับ 'หมออ๋อง' อ้างเหตุเพื่อยึดตำแหน่งรองประธานสภาฟังไม่ขึ้นหวั่นลุกลาม ยกเคสโหวตสวนไม่แก้มาตรา 112 ยังไม่โดนขับ ขอโอกาสทำงานลบภาพงูเห่า
'ภูมิธรรม' ย้ำไม่แตะหมวด 1 และ 2 เพราะจะเป็นชนวนขัดแย้งใหม่!
ภูมิธรรมลั่นไม่แตะหมวดหนึ่งสองเพราะจะเป็นชนวนปัญหาใหม่ ย้ำก้าวไกลไม่ร่วมไร้ปัญหา มีเวทีอื่นรับฟัง
'คารม' มองต้นตอที่ก้าวไกลไม่ร่วมสังฆกรรมแก้รัฐธรรมนูญเพราะไม่ได้ทำตามใจ!
รองโฆษกรัฐบาลมองก้าวไกลไม่ร่วมสังฆกรรมแก้รัฐธรรมนูญ เพราะอยากทำอะไรคงไม่ได้ดั่งใจ รับทำให้ รธน.ใหม่ไม่สะดุดแต่ไม่สมบูรณ์
'ปดิพัทธ์' เผยเลือกคอกใหม่น่าจะจบภายใน 15 ต.ค.
'ปดิพัทธ์' คาดเข้าสังกัดพรรคใหม่ได้ภายใน 15 ต.ค.นี้ เผย 'สุพิศาล-อมรัตน์' แจ้งลาออกจากคณะทำงานแล้ว เหตุมีตําแหน่งทางการในก้าวไกล
'ภูมิธรรม' ไม่สนก้าวไกลเมินนั่ง กก.ศึกษาประชามติ
นายกฯ เรียก '2 รองนายกฯ-ธรรมนัส' ขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ภูมิธรรมเผยสั่งงานหลายเรื่อง ก่อนจูงมือ รมว.เกษตรฯถกพีมูฟ ไม่มีปัญหา 'ก้าวไกล' เมินนั่ง กก. ศึกษาประชามติ บอกใช้วิธีรับฟังได้