จาก 'ชิน' ไป 'อิน' และจาก 'โทนี่' ไป 'ทิมสกี้' เขามาเพื่อกวาดล้างตัวเอง

17 มิ.ย.2566 - นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กมีเนื้อหาดังนี้

จาก "ชิน" ไป "อิน" และจาก "โทนี่" ไป "ทิมสกี้" “เขา….มาเพื่อกวาดล้างตัวเอง”

จุดเริ่มต้นแห่งความวุ่นวายทางการเมืองเริ่มต้นเมื่ออดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร หรือโทนี่ วู้ดซัม นามแฝงของเขา ขายหุ้นบริษัทชินคอร์ป ให้สิงคโปร์ในราคาราว 7 หมื่นล้าน โดยไม่ต้องเสียภาษีสักบาท ไปเมื่อราวๆ 16 ปีที่แล้ว

และเมื่อสิงคโปร์ซื้อไปแล้วก็เปลี่ยนชื่อ ชินคอร์ป เป็น อินทัช

ซึ่งเป็นด้วยความบังเอิญ หรือโชคชะตา หรือสถานการณ์ที่เรียกว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวก็ไม่รู้

เพราะจาก ชินคอร์ป ของทักษิณที่ทำให้ทักษิณกลับไทยไม่ได้มาตลอดชีวิตที่เหลือ ถูกสิงคโปร์เปลี่ยนชื่อเป็น อินทัช ในปัจจุบันหลังจากเปลี่ยนไปอยู่ในมือสิงคโปร์ และในที่สุดเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่จากสิงคโปร์กลับมาสู่คนไทยอีกครั้ง ภายใต้ชายคา บริษัทกัลฟ์ ของ สารัชถ์ รัตนาวะดี

ทักษิณ ขายชินคอร์ปไป 7 หมื่นล้าน กัลฟ์ ซื้ออินทัช กลับมาในราคาราว 8 หมื่นล้าน

แล้วเรื่องซื้อขายหุ้น ซื้อขายบริษัทจากอดีตนายกฯ มันมาเกี่ยวอะไรกับว่าที่นายกฯ

พรรคก้าวไกลของว่าที่นายกฯทิมสกี้ ประกาศว่านโยบายพระเอกขี่ม้าขาวด้วยการกวาดล้างทุนผูกขาด

ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายหรือผู้ที่จะถูกผลกระทบจากนโยบายพระเอกขี่ม้าขาวด้วยการกวาดล้างทุนผูกขาดก็คือ สารัชถ์ รัตนาวะดี มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของไทยและบริษัทกัลฟ์ของเขา

แต่เรื่องราวมันน่าติดตามไม่แพ้ละครหลังข่าวตรงที่ เรื่องราวยืดเยื้อ ยืดยาวที่เล่ามาแต่ต้นของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณมาบรรจบลงกับว่าที่นายกรัฐมนตรีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ในตอนท้าย

เพราะไม่รู้ใครลิขิตให้ชีวิตทิมสกี้ได้รับมรดกหุ้นไอทีวีมาจากพ่อ ซึ่งกฎหมายบัญญัติเอาไว้ตั้งแต่ทิมน้อยยังเป็นวัยรุ่นละอ่อน ว่าห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้งถือหุ้นสื่อ

ซึ่งทิมน้อยก็ถือหุ้นสื่อมาตั้งแต่ยังเรียนหนังสือไม่จบ จนเติบโตมาสมัครเป็น สส.พร้อมพวงหุ้นสื่อมาตลอดสมัยสภาที่ผ่านมาโดยไม่รู้ตัว หรือไม่สนใจ หรือเก็บไว้วางยาใครก็ไม่รู้ละ แต่มันกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตัวทิมสกี้เองและสังคมไทยอย่างรุนแรง

เรื่องพิธาถือหุ้นสื่อมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และซ้อนสับเข้าไปอีก เพราะชินคอร์ปของทักษิณไปซื้อหุ้นไอทีวีเอาไว้ เพราะต้องการครอบครองและควบสื่อ เพื่อเอื้อผลประโยชน์ทางการเมืองของตน จนเมื่อถูกจบได้และต้องลี้ภัย รัฐสภาไทยก็สร้างกฎห้ามนักการเมืองถือหุ้นสื่อ เพื่อป้องกันการครอบงำสื่อโดยนักการเมือง ซึ่งเป็นเจตนาที่ดีงามของรัฐธรรมนูญ

แต่พิธา ทิมสกี้ ดันถือหุ้นสื่อติดมือมาสมัครเป็นผู้แทนฯ

ผ่านสมัยสภาไป 1 สมัย พิธากลับมาสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 โดยประกาศนโยบายพระเอกขี่ม้าขาวด้วยการกวาดล้างทุนผูกขาด

แล้วหนึ่งในเป้าหมายที่ถูกตราหน้าว่าเป็นทุนผู้ขาด ก็คือ สารัชถ์ รัตนาวะดี และบริษัทกัลฟ์ ซึ่งก็ไม่รู้ใครลิขิตให้เขาบังเอิญเพิ่งซื้อหุ้นอินทัชมาครอบครอง

และไอ้เจ้า อินทัช ซึ่งเป็นบริษัทที่เปลี่ยนชื่อมาจาก ชินคอรัปชั่น ที่ทักษิณเอาไปซื้อหุ้นไอทีวีเอาไว้ อันหมายความว่า ชินคอรัปชั่นในอดีตหรืออินทัชในปัจจุบัน เป็นบริษัทเดียวกัน นั้นเป็นบริษัทแม่ของ ไอทีวี อีกที

เห็นภาพละครโลง(ไม่ใช่โรง)ใหญ่แล้วหรือยังว่า พิธาสกี้ จะมากวาดล้างใคร หรือจะโดนใครกวาดล้าง

ไปว่าเขาว่า เป็นกลุ่มทุนผูกขาด แต่ตัวเองก็ถือหุ้นบริษัททุนผูกข้อมือ อุ้ย!!!

หรือนี่จะเป็นจุดจบของเด็กในบ้านที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา

โทนี่อยากกลับบ้าน โทนี่อยากเห็นลูกสาวได้เป็นนายก ลูกสาวอยากให้พ่อกลับบ้าน อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จอยู่แล้ว ถ้าไม่โดนทิมสกี้ตัดหน้า

จาก "ชิน" ไป "อิน" และจาก "โทนี่" ไป "ทิมสกี้"

“เขา….มาเพื่อกวาดล้างตัวเอง”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รองปธ.กมธ.ต่างประเทศสภาฯ ชี้น่ากังวล ‘บัวแก้ว’ สุญญากาศ หนุน ‘นพดล’ เหมาะ

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร  ลาออกจาก รมว.ต่างประเทศว่า เป็นเรื่องน่ากังวลมาก เพราะสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาเวลานี้ กระทบกับประเทศไทยอย่างมาก

ก้าวไกล เดือดแทน ‘หมอชลน่าน’ ทุ่มเทเหนื่อยสุด โดนคนทิ้งพรรคเสียบเก้าอี้

‘ณัฐชา’ มอง ปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 ‘เพื่อไทย’ ยังรักษาคาแรคเตอร์ ‘สมบัติผลัดกันชม’ เก้าอี้ รมต. เหมือนเดิม สงสัย ทำไมเอาคนทิ้งพรรคอย่าง ’สมศักดิ์‘ แทน ’หมอชลน่าน‘ เหตุเหนื่อยสุดแบกรับสถานการณ์ช่วงเลือกตั้ง-จัดตั้งรัฐบาล

งบ68ทร.ซื้อเครื่องบินลำเลียง “เรือดำน้ำ-ฟริเกต”ไปถึงไหน?

ฟันธงกันว่าปิดจ๊อบปรับคณะรัฐมนตรี “เศรษฐา 2” ที่โรงแรมหรูกลางกรุงไปแล้ว โดยมี ทักษิณ ชินวัตร นั่งหัวโต๊ะคุยรอบสุดท้ายโดยไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยน ว่ากันว่า โผนี้ชื่อของ เกรียง กัลป์ตินันท์ กับ สุทิน คลังแสง ยังเหนียว

'รังสิมันต์'แนะ 3แนวทางแก้ปัญหาเมียนมา!

กมธ.ความมั่นคงเชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องถกสถานการณ์เมียนมา 'โรม' ชี้ปัญหาในเมียนมาก็เป็นปัญหาของไทย เหตุคนหนีอพยพข้ามแดน ลั่นไทยอยู่ในฐานะที่น่าไว้วางใจที่สุด ควรเป็นตัวกลางในการเจรจา