'บิ๊กตู่' ส่งเสริมปลูกไม้มีค่า 58 ชนิดทางเลือกใหม่การออมพร้อมสร้างรายได้

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ส่งเสริมการปลูกไม้มีค่า 58 ชนิด ทางเลือกใหม่ในการสร้างรายได้ ให้ผลตอบแทนสูงถึงปีละ 18%

29 มิ.ย.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชูมาตรการการออมทางเลือกใหม่ที่ไม่ใช่ตัวเงิน ด้วยการออมในรูปแบบของการปลูกไม้ยืนต้น เช่น ไม้มีค่า 58 ชนิด โดยให้ปลูกบนที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ สามารถปลูกได้ทั้งในบริเวณที่อยู่อาศัยหรือในพื้นที่เหลือที่ไม่ได้ทำการเกษตร และการออมในรูปแบบการเลี้ยงสัตว์ เช่น โค กระบือ สุกร ไก่ และปลา ฯลฯ ซึ่งถือเป็นวิถีชีวิตของเกษตรกรและประชาชนในชนบทที่เปรียบเสมือนการเก็บออมทรัพย์ของชาวบ้าน โดยย้ำให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ได้มีการประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้เกษตรกรเห็นถึงประโยชน์ของการออมที่ไม่ใช่ตัวเงิน พร้อมส่งเสริมการดำเนินการโดยอาศัยกลไกความร่วมมือของคนในชุมชน และหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ในการให้ความรู้ และให้คำปรึกษากับเกษตรกรเพื่อให้เกิดการขยายผลในการออมที่ไม่ใช่ตัวเงินให้มากขึ้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสร้างรายได้ในอนาคตให้กับประชาชนและเกษตรได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งการปลูกต้นไม้ยืนต้นยังช่วยในการลดโลกร้อนตามนโยบายรัฐบาลด้วย

นายอนุชา กล่าวย้ำว่า การออมเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลให้การส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลปี 2564 พบว่า มีครัวเรือนไทย 72% มีการออมเงินแต่มูลค่าการออมไม่สูงและมีแนวโน้มลดลง ทำให้ครัวเรือนไทยกว่า 86% มีเงินออมในจำนวนที่ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในระยะเวลา 1 ปี หากต้องหยุดทำงาน ตลอดจนไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้จ่ายภายหลังเกษียณ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมซึ่งมีรายได้ไม่แน่นอน รัฐบาลจึงได้ส่งเสริมมาตรการการออมทางเลือกใหม่ที่ไม่ใช้ตัวเงิน แต่ใช้วิธีการออมทรัพย์ในรูปแบบของการปลูกไม้ยืนต้น โดยรัฐบาลได้ทำการปลดล็อคกฎหมายไม้หวงห้ามและไม้หายาก 171 ชนิด ให้สามารถปลูกและตัดขายเพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ปลูกได้อย่างเสรี และได้มีมาตรการกำหนดให้ไม้มีค่า 58 ชนิด สามารถใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจและค้ำประกันสินเชื่อได้ตามกฎหมาย ซึ่งการปลูกไม้มีค่าให้ผลตอบแทนสูงถึงร้อยละ 17.90 ต่อปี และการออมอีกรูปแบบหนึ่ง คือ การออมทรัพย์ในรูปแบบของการเลี้ยงสัตว์ต้น เช่น โค กระบือ สุกร ไก่ ปลา ซึ่งมีต้นทุนการเลี้ยงไม่สูงมาก โดยเฉพาะการเลี้ยงโค/กระบือ สามารถที่จะปล่อยให้หากินตามธรรมชาติได้ และได้ประโยชน์ในด้านอื่นด้วย อาทิ ช่วยในการเตรียมพื้นที่สำหรับเพาะปลูก ช่วยกำจัดวัชพืช ใช้มูลเป็นปุ๋ย หรือเก็บมูลไปขาย เป็นต้น

“การเลี้ยงสัตว์เพื่อการออมยังไม่ได้รับการยอมรับมากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นเพื่อการขายและการบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก จึงควรมีการส่งเสริมและขยายผลการออมที่ไม่ใช่ตัวเงินให้มากขึ้น โดยการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและเกษตรกรเห็นถึงประโยชน์ การใช้กลไกความร่วมมือของคนในชุมชน และการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนการปรับปรุงกฎระเบียบให้สอดคล้องและไม่เป็นอุปสรรคต่อการออมรูปแบบนี้” นายอนุชากล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลดี๊ด๊า! เปิดทำเนียบฯ รับม็อบเชียร์ 'กิตติรัตน์' นั่งปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ

เครือข่ายภาคประชาสังคมฯ ยื่น 1.5 หมื่นรายชื่อ หนุน 'กิตติรัตน์' นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ 'รองเลขาฯนายกฯ' รีบหอบส่ง ธปท.ทันที แย้มวันนี้ไม่เลื่อนแล้ว

เพื่อไทยเย้ย 'ไพบูลย์' แค่สร้างข่าวเอาสะใจ

'สมคิด' ตลก 'ไพบูลย์' ปูดข่าวจุดจบ พท. เย้ยไม่มีอะไร พรุ่งนี้ 7 โมงตื่นมาจิบกาแฟ แล้วทำงานเหมือนเดิม จวกเป็นถึงเลขาฯพรรค สร้างข่าวเอาสะใจ ลั่นถ้าอยากเป็นนายกฯหาเสียงเลือกตั้งให้ได้เกินครึ่ง แล้วมาสู้กันในสภาฯ

'พีระพันธุ์' ยัน รทสช.หนุนแคนดิเดตจากเพื่อไทยแต่ต้องไม่มีเรื่อง 112

'รทสช.' ยันจุดยืนหนุนแคนดิเดตเพื่อไทยเป็นนายกฯต่อ แต่ต้องไม่แก้ ม.112 ยังไม่เคาะชื่อ 'ชัยเกษม นิติสิริ' หลังถามเรื่องสุขภาพ ลั่นไม่มีข้อตกลงบ้านจันทร์ส่องหล้า ด้านนโยบายเงินหมื่นรอ 'พท.' ชี้แจง

ประมวลภาพ 'พล.อ.ประยุทธ์-ทักษิณ' ร่วมงานพระราชทานเพลิงศพมารดาเศรษฐา

บรรยากาศงานพระราชทานเพลิงศพนางชดช้อย ทวีสิน มารดาของนายกรัฐมนตรี นายทักษิณได้เดินไปทักทาย พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ทั้งคู่ได้ยกมือไหว้ทักทาย และพูดคุยกันเล็กน้อย