'อดีตทูตนริศโรจน์' ย้อนวันวานพร้อมบอกคนเราถ้ามีบุญญาก็จะได้อยู่ในตำแหน่งหรือสถานที่ๆ คู่ควร

อดีตทูตนริศโรจน์ย้อนเรื่องเก่าเล่าอดีตสมัยหนุ่มๆ เมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว ยอมรับเป็นคนเชื่อในเรื่องชาติภพ ก่อนทิ้งท้ายให้คิดคนเราถ้ามีบุญญาก็จะได้อยู่ในตำแหน่งหรือสถานที่ๆ คู่ควร

20 ก.ค.2566 - นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินาโพสต์เนื้อหาพร้อมรูปสมัยหนุ่มๆ ระบุว่า ไปค้นเจอรูปถ่ายสมัยประจำการที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน ช่วงระหว่างปี 2529-2533 ในตำแหน่งเลขานุการตรี (Third Secretary) ต่อมาในช่วงปี 34-35 สอบได้ทุนรัฐบาลสเปนเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาโทสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่สถาบันการทูตสเปน ( La Escuela Diplomatica)

เวลาผ่านมา 30 กว่าปีแล้ว เร็วมากเหมือนเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปไม่กี่ปีนี้เอง มีเรื่องประหลาด จะว่าลี้ลับก็ไม่เชิง คือ ตอนที่ผมจบจาก มธ.ใหม่ๆ ปี 2523 รอสอบเข้าทำงานที่ กต. แม่ได้เชิญ “หมอดู” คนนึงเป็นนายทหารเรือ ซึ่งตอนนั้นมีชื่อเสียงมากเพราะดูดวง/ลายมือ และคล้ายตั้งจิตนั่งทางในด้วยเวลาจับมือเรา

หมอดูคนนี้ยศประมาณเรือเอก ไม่ได้ดูเป็นอาชีพ เป็นแค่หมอดูสมัครเล่น แต่เหมือนแกมี “องค์ลง” เลยทำให้แกเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าและทำนายได้ค่อนข้างแม่นยำ จนตอนนั้นผู้ใหญ่ในแผ่นดินหลายคนได้ใช้บริการของแก หมอดูรายนั้นเอาดวงผมไปดู และขอจับมือผมทั้งสองข้างแล้วแกก็หลับตานิ่งสักพัก แล้วแกก็บอกว่า ผมจะสอบเข้า กต.ได้ในปี 2524 ต้องปีนี้เท่านั้น ถ้าสอบปี 25 จะไม่ติด แล้วก็จริง ผมสอบเข้า กต.ได้ในปี 2524 ซึ่งแปลกมากที่ข้อสอบออกค่อนข้างตรงกับสิ่งที่ผมเตรียมมา ทำให้ผมทำข้อสอบทั้งไทยและอังกฤษได้ค่อนข้างราบรื่น ผลสอบปรากฏว่าผมสอบติดในลำดับที่ 20 จากจำนวนที่ กต.รับทั้งหมด 50 คน โดยมีผู้สมัครสอบจำนวนนับเป็นพันคน

ต่อมาหมอก็ได้ทำนายว่าผมจะได้ออกประจำการในต่างประเทศประมาณปี 2529 ซึ่งก็ถูกอีก แต่ที่น่าแปลกคือ ตอนนั้นหมอดูบอกว่า ผมจะต้องออกไปประจำการในประเทศแถบยุโรป ในที่ๆ ชาติที่แล้วผมเคยใช้ชีวิตแถวนั้น !!! หมอถามแม่ว่าผมเกิดที่ไหน แม่บอกว่าไปตั้งท้องผมตอนที่พ่อประจำการที่ปารีส ฝรั่งเศส ในตำแหน่งรองผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือ คือ แม่บอกว่าผมเป็นลูกหลง เพราะห่างจากพี่ชายทั้งสองคนร่วม 10 ปี

จนกระทั่งปี 2529 ผมก็มีชื่อต้องออกไปประจำการต่างประเทศ ตอนนั้นผมทำหน้าที่เป็นเลขาหน้าห้องของอธิบดีกรมพิธีการทูต (ท่านทวีพันธ์ สิงหะ) ก่อนหน้านั้นผมเคยเป็นเลขาให้กับรองอธิบดีกรมพิธีการทูตมาก่อน 2 ท่านคือ ม.ร.ว.สุทธิสวาท กฤดากร กับ ท่านธงฉาน โชติกเสถียร แล้วก็เลื่อนขึ้นมาเป็นเลขาอธิบดีกรมพิธีการทูต 2 คนคือ ท่านนิกร พลายแสงเพ็ชร และท่านสุโข สุวรรณศิริ ก่อนหน้าเป็นเลขาให้ท่านทวีพันธ์ สิงหะ

ผมเป็นคนโชคดีมาก เพราะดวงผมมีเจ้านายที่ดีมากๆ เจ้านายผมทุกคนสอนงาน เล่าประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ฯลฯ คือบรรยากาศของ กต.สมัยที่ยังอยู่ที่วังสราญรมย์ เราทำงานกันด้วยความรัก ความผูกพัน และสนุกกับงานมาก บรรยากาศเหมือนได้ทำงานกับญาติผู้ใหญ่ที่เมตตาและสอนงาน เป็นกันเอง ที่สำคัญทุกท่านสุภาพ เรียบร้อย เป็นผู้ดีมาก

ขอกลับมาที่เรื่องผม ท่านอธิบดีทวีพันธ์ เล่าให้ผมฟังว่า ตอนที่มีประชุมส่ง จนท.ไปประจำการต่างประเทศ เดิมชื่อผมต้องไปทำงานที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ แต่เผอิญมีการเปลี่ยนโผในนาทีสุดท้าย เนื่องจาก สอท.มาดริดต้องการ ขรก.ชาย ทาง กต.เลยโยกผมจากซิดนีย์ไปมาดริดแทน โดยซิดนีย์ให้ ขรก.หญิงไปแทน ผมก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะตอนนั้นจะให้ออกที่ไหนก็ได้ เพราะคิดว่าเราปรับตัวได้หมด

ก็ตรงกับที่หมอดูคนเดิมบอกว่าผมจะได้ออกประจำการยุโรปใกล้เคียงกับที่ผมเคยใช้ชีวิตในชาติที่แล้ว ! และที่ประเทศนี้ผมจะได้ศึกษาเล่าเรียนต่อด้วย ซึ่งก็ตรงอีกเพราะผมได้รับทุนจากรัฐบาลสเปนให้ศึกษาต่อ เรื่องประหลาดคือในวันแรกที่ผมเดินทางถึงกรุงมาดริด (ผมไม่เคยมาสเปนเลย) ทาง สอท.ส่ง จนท.มารับ

วันแรก จนท.ก็พาชมกรุงมาดริด ที่แรกที่พาไปคือ Puerta del Sol และ Plaza España ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน
ตอนไปถึงผมขนลุกทันที เพราะมันเหมือนเหตุการณ์ Deja Vu คือเหมือนกับว่าผมได้เคยเห็นและรู้จักสถานที่นี้มาก่อน

ตอนที่ จนท.สอท.พาเดินไป ผมเหมือนรู้ล่วงหน้าเลยว่า เลี้ยวขวาไปจะเจออะไร เลี้ยวซ้ายไปจะเจออะไร ลงบันไดไปจะเจออะไร !!! ภาพทุกอย่างมันพรั่งพรูเข้ามาเหมือน Deja Vu เพียงแค่เราบอกไม่ได้ว่าเราเคยเห็นที่ไหน และเมื่อไหร่ !!?? แต่รู้ว่าเคยเห็นและจำได้แน่นอน

ที่แปลกอีกอย่างคือ ตอนนั้นที่ สอท.มี จนท.มาประจำการใหม่ 3 คน สองคนเป็นพี่ผู้หญิงมาถึงก่อนหน้า ผมตามมาทีหลัง พวกเราก็ไปเข้าคอร์สเรียนภาษาสเปนกัน ปรากฏว่าพี่ผู้หญิง 2 คน เรียนไปได้สักพักก็เลิกบอกเหนื่อย เลยพอพูดได้งูๆปลาๆ แต่กลายเป็นผมที่ชอบภาษาสเปนมาก และเหมือนผมมี พันธะสัญญาจากอดีตชาติ ทำให้ผมสามารถเรียนรู้ภาษาสเปนได้ค่อนข้างเร็ว และสามารถสื่อสารใช้งานได้ เขียนได้ ในขณะที่พี่ผู้หญิงอีก 2 คน แทบพูดไม่ได้เลยจนครบวาระประจำการ

และการที่ผมพูดภาษาสเปนได้นี่เอง ทำให้ผมได้พบกับเพื่อนๆ ชาวสเปน ซึ่งก็เป็นความรู้สึกแบบ Deja Vu อีกเหมือนกันว่าผมเคยรู้จักพวกเขามาก่อน รวมทั้ง ยายเจ้าของบ้านที่แบ่งห้องให้ผมเช่าตอนเรียนที่สถาบันการทูตสเปนด้วย ผมมีความรู้สึกรักและผูกพันกับยายเหมือนท่านเป็นญาติของผมจริงๆในชาติที่แล้ว ซึ่งเรื่องของยายผมได้เคยเล่าให้เพื่อนๆฟังไปก่อนหน้านี้แล้ว

สรุปจากสิ่งที่เล่ามาก็แค่อยากบอกว่าผมเชื่อในเรื่องอดีตชาติ หรือ ชาติที่แล้วว่าถึงแม้เราเกิดเป็นคนต่างถิ่นชาติใดก็ตาม แต่ถ้าหากดวงจิตของเรายังมีพันธสัญญาจากชาติที่แล้ว ผลบุญผลกรรมจะดลบันดาลให้เราได้กลับไปที่นั้นอีกด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งจนได้ และเมื่อเรากลับไปที่นั่นแล้วก็จะเกิดเหตุการณ์ Deja Vu ช่วยทำให้ภาพจากอดีตชาติมาให้เราสัมผัสได้อีกครั้งหนึ่ง

ปล.ก่อนจบ ตอนผมเกิดใหม่ๆ ยายผมเห็นว่าผมมีปานเป็นวงกลมประมาณฝ่ามือตรงต้นขาขวาด้านหลัง ยายบอกกับแม่ว่าสงสัยคนในชาติที่แล้วเขาสีมาแต้มไว้ ซึ่งแม่ชอบเล่าให้ผมฟังบ่อยๆตอนผมยังเล็ก ต่อมาครั้งนึงตอนประจำการที่ลาว ผมเข้ามาธุระที่อุดร และไปนวดแผนโบราณที่ร้านในตัวเมือง ซึ่งนวดคลายเส้นดีมาก ผมได้นวดกับหมอผู้ชายอายุมากแล้วท่านนึง ระหว่างนวด หมอนวดถามผมว่า ผมมีอาชีพที่ทำงานเกี่ยวกับต่างประเทศหรือเปล่า (ผมไม่เคยพบหมอคนนี้มาก่อน) แกบอกผมว่าแกเรียนดูลักษณะคนจากไฝและปานตามจุดต่างๆ และตอนที่แกนวดผม ตอนนั้นผมใส่กางเกงบอลขาสั้น แกเห็นปานที่ต้นขาขวาด้านหลังแกเลยถาม และมีประโยคที่ผมยังจำได้แม่นถึงทุกวันนี้คือ หมอนวดบอกผมว่า จากลักษณะปานของผม จะทำให้ผมต้องใช้ชีวิตในต่างประเทศมาก และจะได้ไปในสถานที่/ประเทศต่างๆ ที่คนอื่นไม่เคยไป ซึ่งก็จริงเพราะจากหน้าที่การงานทำให้ผมต้องเดินทางไปประเทศต่างๆในลาตินอเมริกาจนเกือบครบ ตอนอยู่สเปนก็ต้องไปโมร็อคโค ตูนีเซียด้วย

เล่าสู่กันฟังครับ จะได้เพลินๆหายเครียดและปล่อยวางจากเรื่องการเมืองไปบ้าง คนเราถ้ามีบุญญา ก็จะได้อยู่ในตำแหน่งหรือสถานที่ๆคู่ควรเองครับ เรียกว่า ธรรมะหรือบุญกรรมจัดสรรให้เราเอง แต่ถ้าไม่มีบุญ หรือ บุญไม่ถึง ต่อให้พยายามฝืนดวงอย่างไรก็ไม่ได้ดังหวังครับ ถึงแม้จะดึงดันไขว่คว้ามาได้ แต่ถ้าดวงและบุญบารมีไม่ถึงก็จะมีเหตุให้มีอันเป็นไปในที่สุดครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไทยมอบความช่วยเหลือเมียนมา หวังนำร่องทุกกลุ่มกลับสู่โต๊ะเจรจา

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับกองทัพบก สภากาชาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ครม.อนุมัติใช้งบปี 66 ไปพลางก่อน วงเงิน 352 ล้าน ช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติงบฯ ปี 2566 ไปพลางก่อน งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายฯ วงเงิน 352.16 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือและอพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล

กต. ไม่ยืนยัน 'ฮามาส' ปล่อยตัวประกัน 50 คน มีคนไทยด้วยหรือไม่

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 50 คน ว่า ทางกระทรวงรับทราบข่าวว่าจะมีการปล่อยตัวประกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก

คนไทยสังเวยเหยื่อสงคราม เพิ่มเป็น 28 ราย ยอดตัวประกันขยับเป็น 17

กต.เผยคนไทยตายในอิสราเอลเพิ่มเป็น 28 ราย ยอดคนถูกจับขยับเป็น 17 ราย ไขข้อสงสัยทำไมเครื่องบินทอ.บินอ้อมและนาน เหตุบางชาติในตะวันออกกลางไม่มีสายสัมพันธ์การทูตกับอิสราเอล