
“ศรีสุวรรณ” ไม่ปล่อย บุกร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรม “หมออ๋อง” ใช้งบเลี้ยงหมูกระทะแม่บ้านสภาฯ ฟาดระนาวแก๊งก้าวไกล ยังจำนโยบายตัวเองได้หรือไม่
21 ส.ค.2566 – เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องพร้อมเอกสารหลักฐานต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยว่า การที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 นำเงินค่ารับรองในตำแหน่ง ไปจัดเลี้ยงหมูกระทะให้แม่บ้านสภาฯ 370 คน ซึ่งถูกสังคมตำหนิว่าเป็นการนำเงินภาษีประชาชนไปใช้แสวงหาชื่อเสียงและสร้างภาพให้กับตนเองและพรรคก้าวไกลหรือไม่
นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ม.184-185 ซึ่งเป็นข้อห้ามมิให้ สส.หรือ สว. กระทำการใดหรือรับผลประโยชน์ใด ๆ จากหน่วยงานของรัฐ อันเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่เพราะจะเข้าข่ายเป็นผลประโยชน์ขัดกัน เพราะเงินที่นำมาใช้เลี้ยงกลุ่มแม่บ้านดังกล่าวเป็นเงินจากภาษีของประชาชน
“ นอกจากนั้น ยังอาจไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินค่ารับรองในตำแหน่งประธานสภา 2519 ที่ระบุว่า “ค่ารับรองในตำแหน่งให้จ่ายได้เท่าที่จ่ายจริง โดยอนุมัติของประธานรัฐสภา หรือผู้ที่ประธานสภามอบหมาย ภายในวงเงินงบประมาณรายจ่ายประเภทค่ารับรองของประธานรัฐสภาที่ได้รับอนุมัติ” ซึ่งคำว่า “ค่ารับรอง” ดังกล่าวในระเบียบดังกล่าวได้บัญญัติคำจำกัดความไว้ว่า “ค่ารับรอง หมายความว่า ค่าเลี้ยงรับรอง ค่าของขวัญค่าพิมพ์เอกสาร และค่าใช้จ่ายอื่นที่จำเป็นต้องจ่ายที่เกี่ยวกับการรับรองเพื่อประโยชน์ในทางการเมือง หรือเพื่อเกียรติแห่งประธานรัฐสภา” เท่านั้น “ นายศรีสุวรรณ ระบุ
นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ซึ่งการนำเงินดังกล่าวมาใช้เพื่อจัดเลี้ยงแม่บ้านจำนวนมากในสภาที่มาจากบริษัท Outsource ที่ทางสภาทำสัญญาจัดจ้างมา จึงไม่ใช่ใช้ในการรับรองบุคคลหรือใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับงานราชการแต่อย่างใด และอาจเข้าข่ายความผิดตาม ปอ.มาตรา 147, 151, 152 และ 157 อีกด้วย หากหมออ๋องอยากจะโชว์พาวเวอร์ก็ควรควักเงินในกระเป๋าตนเองมาเลี้ยงกลุ่มแม่บ้านเหล่านี้เสียเอง
“การกระทำดังกล่าวยังขัดหรือแย้งต่อ 1 ใน 300 นโยบายของพรรคก้าวไกลที่ใช้หาเสียงเลือกตั้ง สส.เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า “ห้ามใช้เงินหลวงโปรโมตตัวเอง งบประชาสัมพันธ์รัฐ มาจากภาษีประชาชน มีไว้เพื่อสนับสนุนส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อโปรโมตตัวเอง” ซึ่งไม่แน่ใจว่านายปดิพัทธ์ และนางอมรัตน์ จะจำโพสต์นโยบายของพรรคตัวเองดังกล่าวได้หรือไม่ หรือมีไว้เพื่อหลอกให้เอฟซีของตนเองที่ขี้เกียจอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ได้ใช้เป็นเครื่องมือในการแซะนักการเมือง หรือหัวหน้าส่วนข้าราชการต่าง ๆ เท่านั้น ด้วยเหตุดังกล่าวองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องนำความมาร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยตามหน้าที่และอำนาจ หากพบว่าเป็นความผิดก็ให้ดำเนินการตามครรลองของกฎหมายต่อไป” นายศรีสุวรรณ ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เรืองไกร ร้อง ป.ป.ช. ตรวจทรัพย์สินอิ๊งค์ พบหนี้ตั๋ว 4,434 ล้าน ได้รับประโยชน์
เรืองไกร ร้อง ป.ป.ช. ตรวจหนี้ตั๋ว 4,434 ล้านบาทเศษ ของนายกฯ โดยไม่มีดอกเบี้ย เข้าข่ายเป็นประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับซึ่งอาจคิดคำนวณได้เป็นเงิน หรือไม่ เข้าข่ายเป็นการรับประโยขน์เกินสามพัน หรือไม่
ผบ.ตร. ยันไม่ลอยตัว สั่งแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ทำตามกฎหมาย ปม ป.ป.ช. ขอเวชระเบียนทักษิณ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรรีพิสุทธ์ เตมียเวส ออกมามระบุหลังเข้าให้ข้อมูลกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร
เลขาฯป.ป.ช. เผยไต่สวน '44 สส.ก้าวไกล' ลงชื่อแก้ ม.112 รวมหลักฐานค่อนข้างครบถ้วน
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาเรื่องร้องเรียนจริยธรรมร้ายแรง 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
เลขาฯ ป.ป.ช. ยันไต่สวน 'คดีชั้น 14' ไม่ล่าช้า
นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้าให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช. กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
'หมอวรงค์' สรุป รอศาลฏีกาฯ รอป.ป.ช. รอแพทยสภา กรรมกำลังไล่ล่า 'ทักษิณ'!
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความหัวข้อ กรรมไล่ล่าทักษิณ ระบุรายละเอียดว่า ช่วงนี้เรื่องของนายทักษิณ มีหลายเรื่อ
คาดชะตากรรม 'ทักษิณ' พลิกเปลี่ยน ลุ้นผลสอบ 'แพทยสภา-ป.ป.ช.' เขย่าแรงสะเทือนรัฐบาล
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟศบุ๊คไลฟ์เมื่อ 27 ม.ค. 2568 ว่า สถานการณ์พลิกเปลี่ยนการเมืองไทยครั้งสำคัญอ