
24 ต.ค. 2566 – น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า คุณกิตติรัตน์กล่าวว่าเงินดิจิทัลจะเป็นจุดเริ่มต้นของการหลุดพ้น “กับดักแห่งความเขลา” นั้น จะเป็น white lie ครั้งที่2 ไหมคะ!?
ดิฉันขอขอบคุณคุณกิตติรัตน์ที่ให้เกียรติและกรุณาให้ความสำคัญต่อบทความ และมาตอบโต้บทความที่ดิฉันเปรียบเงินดิจิทัลเป็น”เงินเลว” โดยดิฉันต้องการแสดงความเห็นในประเด็นหลักที่ว่า
“รัฐบาลจะเอาเงินดีๆจากประชาชนไปปนเงินเลวที่เสกจากในอากาศ หรือจากกล่องมายากลหรือไม่ และจะก่อปัญหากับเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศ หรือไม่ และถามว่าโครงการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาลจะดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 140 โดยรัฐบาลต้องเสนอในกระบวนการงบประมาณต่อรัฐสภาหรือไม่ หรือจะหลีกเลี่ยงหาช่องลอดไปใช้พระราชกำหนดที่เป็นกฎหมายฝ่ายบริหารกู้เงินมาใช้ในโครงการนี้หรือไม่ ฯลฯ “
คุณกิตติรัตน์ยกคำว่า”เงินเลว (Bad Money)” เป็นคำที่ผู้บริหารการคลังของอังกฤษ คือ Sir Thomas Gresham ใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1558 (พ.ศ.2101) แต่ความหมาย”เงินเลว” ของดิฉันน่าจะแตกต่างจากกฎของเกรแฮม Gresham’Law ที่ว่า “เงินเลวขับเงินดี” ในกฎของเกรแฮม มุ่งหมายให้รัฐบาลเอาเหรียญโลหะที่ผสมโลหะมูลค่าต่ำ แต่มีมูลค่าซื้อสินค้าในมูลค่าเท่ากันกับเหรียญโลหะสูงแบบทองคำ หรือเงินตามมูลค่าสินค้า การผสมเหรียญโลหะราคาต่ำ แต่ใช้ได้ตามกฎหมายในมูลค่าเดียวกันนั้นเพื่อให้เงินเลวขับเงินดี เพราะประชาชนจะเลือกใช้เหรียญโลหะผสม แต่จะเก็บเหรียญทองคำ เหรียญเงินเอาไว้ เมื่อประชาชนยอมใช้เงินจากเหรียญโลหะผสมมากขึ้นในตลาดทำให้เงินหมุนเวียน ย่อมลดการใช้เหรียญจากโลหะดีๆเช่น ทองคำ ได้ด้วย และรัฐบาลก็ไม่จำเป็นต้องเอาโลหะมีค่ามาทำเหรียญกษาปณ์เพื่อมาหมุนเวียนในตลาด
แต่ในกรณีเงินดิจิทัล ที่ดิฉันเรียกว่าเป็น”เงินเลว”นั้น เพราะเป็นคูปอง หรือเงินในอากาศ ที่ต้องเอาเงินบาทที่มีมูลค่าใช้ได้ตามกฎหมาย 560,000 ล้านบาท ไปหนุนหลัง”เงินเลว”ที่ใช้ได้ในเวลา 6 เดือน มีข้อจำกัดการใช้มากมาย ใช้หนี้ไม่ได้ ใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันรถไม่ได้ ฯลฯและใช้ได้ในระยะทาง 4 กิโลเมตรโดยผูกกับรหัสไปรษณีย์ ยกต้วอย่างเช่นย่านปทุมวัน คนที่ได้รับเงินดิจิทัลจะเอาไปจับจ่ายในห้างใหญ่ๆได้ แต่ถ้าคนอยู่ในอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ระยะทางห่างตัวเมือง 247 กิโลเมตร หรืออำเภอปลายอ้อ ปลายแขม อื่นๆ จะซื้ออะไรได้บ้าง!? และที่ฟังว่าคนรับเงินดิจิทัลจะเอาไปแลกเงินบาทได้ใน6เดือนนั้น จะทำให้กระตุ้นการผลิตอย่างมากมายนั้น จะเป็นไปได้จริงหรือ !?
ที่สำคัญคือการคิดโครงการใหญ่ๆที่ใช้เงินแผ่นดินต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 140 โดยรัฐบาลต้องเสนอในกระบวนการงบประมาณต่อรัฐสภา รัฐบาลจะทำหรือไม่? ยังมีหลายประเด็นที่ประชาชนเจ้าของภาษีสงสัย ทั้งเรื่องการขัดต่อวินัยการเงินการคลัง เรื่องที่ต้องไม่เอาเงินแผ่นดินไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างความนิยมทางการเมือง หรือความสงสัยว่าเงินที่แจกเป็นคูปอง หรือเงินตราแบบคริปโทเคอร์เรนซี !?
ข้ออ้างของคุณกิตติรัตน์ที่ว่าคนที่ค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัลเป็นพวกไดโนเสาร์ทางการเงิน และยกตัวอย่างของฮ่องกงมากล่าวอ้างนั้น ดิฉันเห็นว่าเคสของฮ่องกงน่าจะมีความแตกต่างกับประเทศไทย และต่างจากนโยบายแจกเงินของคุณเศรษฐาอยู่นะคะ
ฮ่องกงแจกเงินโดยออกเป็นคูปองการใช้จ่าย (consumption voucher) แจกเป็นอิเลคทรอนิคส์ wallet แบบเป๋าตังค์ธรรมดาไม่ใช่เงินดิจิทัลที่ต้องไปลงทุนใช้ blockchain technology แบบพวกเงินคริปโทเคอเรนซี่ และคูปองที่ฮ่องกงแจกก็จะไปอยู่ในงบประมาณของประเทศไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับกฎหมายเงินตราหรือเงินดอลล่าร์ฮ่องกงแต่อย่างไร
ฮ่องกงแจกคูปองเพื่อการใช้จ่าย (consumption voucher) ให้ประชาชนด้วยเหตุผลหลักตั้งแต่ตอนที่มีการประท้วงกับประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ มีการจับพวกคนเห็นต่างทางการเมืองมากมาย จนประเทศอเมริกา ยุโรป อังกฤษบอยคอต เป็นเรื่องวิกฤตทางการเมืองที่ทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงตกต่ำ คนฮ่องกงจำนวนมากโดยเฉพาะคนรวยย้ายหนีออกนอกประเทศ เพราะไม่อยากอยู่ในประเทศคอมมิวนิสต์และคนจีนแผ่นดินใหญ่ก็เข้ามาตั้งรกรากกันเต็มเมือง
คนฮ่องกงจนลง ฮ่องกงไม่น่าอยู่อีกต่อไป คนต่างชาติในฮ่องกงย้ายฐานการเงินมาอยู่สิงคโปร์หมด ฮ่องกงเลยเดือดร้อนเรื่องนี้เป็นหลัก และในปี 2563 เกิดวิกฤตโควิด ฮ่องกงเลยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้คูปองใช้จ่ายกับประชาชน 10,000 เหรียญฮ่องกง จนล่าสุดปีนี้ผู้บริหารฮ่องกงบอกจะแจกอีก 5,000 เหรียญฮ่องกงเพราะเศรษฐกิจฮ่องกงยังอ่อนแอมากแต่เทียบแล้วคนฮ่องกงมีแค่ 7 ล้านคนและแจกให้คนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใช้เงินเทียบเคียงกับประเทศไทยแล้วเหมือนใช้เงินประมาณ 80,000 ล้านบาทในขณะที่ฮ่องกงมีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับประเทศไทย จีดีพีต่อหัวประชากรสูงกว่าไทยเกือบ 10 เท่าและใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจก็เป็นจำนวนเงินน้อยกว่าไทยถึง 6 เท่า
ดิฉันยินดีรับฟังความคิดเห็นโดยสุจริตของคุณกิตติรัตน์แต่ก็ควรจะเปิดโอกาสให้นักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์
100 กว่าคนที่ทำจดหมายหางว่าวแสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายดิจิทัลรวมทั้งอดีตผู้ว่าแบงค์ชาติด้วย อย่าไปด้อยค่าคนเหล่านั้นว่าเป็นไดโนเสาร์ทางการเงินการคลัง หรือกล่าวหาพวกเขาว่าเป็นแค่เสียงเดียว รัฐบาลจึงปิดหูไม่ฟัง ดิฉันเห็นว่าคำคัดค้านที่มีเหตุมีผลเหมือนเป็นการชี้ขุมทรัพย์แม้เพียงเสียงเดียวก็สมควรรับฟัง
การที่คุณกิตติรัตน์กล่าวอ้างในกระทู้ที่เขียนในเฟซบุ๊คว่า “นโยบายนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการหลุดพ้น กับดักแห่งความเขลา ที่มักอ้างวินัยการเงิน เอาใจผู้ปล่อยกู้ให้โขกดอกเบี้ยสูงๆ (และยิ่งสูงขึ้น) ในภาวะ หนี้สาธารณะของรัฐบาล ต่ำกว่า หนี้ครัวเรือนท่วมประชาชน กำลังซื้อรอบแรกในรูป ดิจิทัล บาท จะสามารถส่งผลต่อเนื่องไปอีกหลายระลอก ธุรกิจจะเริ่มรอด; NPLจะเริ่มลด; คนจบใหม่จะเริ่มมีงานทำ ผู้คนจะมีความหวัง”
ดิฉันก็เกรงว่าคำพูดของคุณกิตติรัตน์จะเป็นการให้ความหวังที่สูงเกินจริงไปหรือเปล่า เพราะเงินแจกนั้นเอาไปจ่ายหนี้ไม่ได้ เอาไปจ่าย ค่าน้ำค่าไฟ ค่าน้ำมันรถก็ไม่ได้ มีข้อห้ามอีกหลายประการ การหวังสูงถึงกับจะเป็นการทำให้ธุรกิจรอด NPL ลด คนจบใหม่มีงานทำนั้น ดิฉันกริ่งเกรงว่าจะกลายเป็น white lie รอบ2 หรือเปล่า ?? เป็นการให้ความหวังทางบวกที่เกินจริง หรือไม่??
แต่รอบนี้ต่างจาก white lie ครั้งแรกที่แค่ตั้งเป้าการส่งออก15% ที่สูงเกินจริงมากโดยไม่มีแผนปฏิบัติที่ดีรองรับ แต่สำหรับรอบนี้ ถ้าหวังสูงเกินจริง ประเทศไทยและคนไทยอาจจะสูญเงินถึง 560,000 ล้านบาทเลยทีเดียว ใช่หรือไม่
รสนา โตสิตระกูล
23 ตุลาคม 2566
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'รสนา' สะกิด 'เจ้ากรมแผนที่ทหาร' ควรยึดสันปันน้ำ เป็นพื้นที่ไม่ต้องแบ่งเขต
รสนา โตสิตระกูล อดีตสว.กรุงเทพมหานคร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง เจ้ากรมแผนที่ทหารควรยึดสันปันน้ำ เป็นพื้นที่ไม่ต้องแบ่งเขต
'รสนา' จับตารัฐบาลอนุทิน จ่อปรับโครงสร้าง 'พูลก๊าซ' ลดค่าครองชีพจริงหรือ
นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีต สว.กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จับตารัฐบาลอนุทิน จ่อปรับโครงสร้างพูลก๊าซใหม่ ลดค่าครองชีพประชาชนจริงหรือ?!? โครงสร้างพูลก๊าซ คือการนำเอาราคาก๊าซจาก 3 แหล่งมารวมกันและเฉลี่ยต้นทุนกัน
นักวิชาการ มธ. ชี้ ‘TouristDigiPay’ ไร้ต่างชาติแลกเงินดิจิทัลเป็นบาท
“นักวิชาการธรรมศาสตร์” เชื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สนใจแลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท ตาม “โครงการ TouristDigiPay”
'รสนา' เสนอ 4 ข้อ รัฐบาลแสดงความจริงใจ ไม่ได้อยู่ฝ่ายตรงข้าม 'แม่ทัพภาคที่ 2'
นางสาวรสนา โตสิตระกูล อดีต สว.กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จากกรณี สส.เพื่อไทย ได้เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญเลื่อน 6 เดือนพิจารณาคดีคลิปฮุนเซนอ้างเหตุการณ์ประเทศไม่ปกติ แต่ไม่คิดต่ออายุแม่ทัพภาคที่ 2 !?!!
พลเรือนไทยต้องไม่ตายฟรี! 'รสนา' เตือนเจรจากัมพูชา จะสร้างความชอบธรรมให้อาชญากรสงคราม
การไปเจรจากับฮุน มาเนตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาที่มาเลเซีย จะเป็นการรับรองความชอบธรรมให้กับอาชญากรสงครามมือเปื้อนเลือด พ่อลูกตระกูลฮุนหรือไม่
‘รสนา’ ตั้งคำถาม ทักษิณร้ายกว่าสีกา ‘กอลฟ์’ หรือไม่ ?!
น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “รสนา โตสิตระกูล” ในหัวข้อ ทักษิณร้ายกว่าสีกา“กอลฟ์”หรือไม่ ?!


