'จตุพร' ย้อน 'ภูมิธรรม' สังคมสงสัยเรื่องถูก-ผิด ไม่เกี่ยวเปิดใจกว้างแลกกับทำลายยุติธรรม

'จตุพร' ย้อน 'ภูมิธรรม' ช่างกล้าพูดให้เปิดใจกว้างรับ'ทักษิณ'กลับบ้าน ซัดท่องแต่คาถาอย่าโยงการเมือง ย้อนสังคมสงสัยเป็นเรื่องถูก-ผิด ไม่เกี่ยวกับเปิดใจกว้างแล้วแลกกับทำลายระบบยุติธรรมคุ้มค่ากันหรือ จี้ รพ.ตำรวจแถลงให้ชัด กล้องวงจรปิดเสียหรือไม่

22 ธ.ค.2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ระบุว่า ถ้ากล้องวงจรปิด รพ.ตำรวจเสียจริง ยิ่งจะทำให้อารมณ์สงสัยของประชาชนลุกลามบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งในสังคมขึ้น ดังนั้น ผอ.รพ.ตำรวจ ต้องรีบแถลงความจริงให้ปรากฎโดยเร็ว

นายจตุพร กล่าวว่า หากกล้องวงจรปิดที่ รพ.ตำรวจ เสียเท่ากับสอดคล้องกับการกระทำและข้อสงสัยที่ผ่านมาตลอดช่วงนักโทษทักษิณ ชินวัตร อ้างรักษาอาการป่วยที่ รพ.ตำรวจ มานานต่อเนื่องจนครบ 120 วัน (ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้) อีกทั้งอยากรู้ว่า กล้องวงจรปิดในวันที่ 21 ส.ค. 66 ของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ใช้การได้หรือไม่

"ถ้ากล้องเสียจริงยิ่งสร้างความสงสัย และจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวนำไปสู่ความขัดแย้งใหญ่ขึ้น เพราะความชะล่าใจคิดว่าตัวเองมีอำนาจ แล้วการกระทำหลายอย่างที่แสดงถึงการลุแก่อำนาจ บทเรียนล่าสุดคือเรื่องสุดซอย ซึ่งกระทำกับเรื่องไม่ถูกต้องเท่ากับเอาน้ำมันราดใส่กองเพลิง จะลามยิ่งกว่าไฟลามทุ่งจนเอาสถานารณ์ไม่อยู่" นายจตุพร กล่าวถึงนักโทษทักษิณ ตั้งแต่การกลับมาไทยเมื่อ 21 ส.ค. 66 แล้วไม่ยอมติดคุก แล้วยังปิดบังความจริงกับการนอนป่วยรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจจนถึงขณะนี้

อีกทั้งประเมินว่า มาถึงวันนี้ สถานการณ์อาจจะจบลงด้วยการยึดอำนาจแบบ 22 พ.ค. 57 อีกครั้งก็เป็นได้ เพราะความอยุติธรรมกรณีเดียวจะยิ่งทำให้เกิดการระบาดทางอารมณ์ทวีขึ้นเป็นลำดับ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่ผ่านมานั้น เมื่อได้โอกาสแล้วใช้อย่างสิ้นเปลือง อาจจุดชนวนความขัดแย้งขึ้นมาใหม่ ดังนั้น สถานการณ์เช่นนี้จึงน่ากังวล

"หากมีสถานการณ์เกิดเรื่องลุกลามขึ้นแล้ว ถามว่าจะมีโอกาสที่เฝ้ารอมาถึง 15 ปีอีกหรือไม่ สิ่งสำคัญจะยากอะไรที่จะเดินเข้าสู่เรือนจำ ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยจริง แพทย์รักษาก็แถลงออกมา และการกล่าวอ้างเป็นความลับผู้ป่วยมันอ้างไม่ได้"

พร้อมกล่าวว่า ภาพการเข็นเตียงผู้ป่วยนักโทษทักษิณ ที่ถูกนำมาเผยแพร่นั้น อยากรู้ว่า ผ่านมาหลายวันมีการดำเนินคดีแล้วหรือยัง อีกอย่างถ้าป่วยจริงคนไทยจะออกมาปกป้องแทนด้วย ดังนั้น หากจะมีการตรวจสอบให้ปรากฎชัดว่า ป่วยจริงย่อมเกิดประโยชน์กับทักษิณมากกว่าการเก็บไว้อึมครึม ซึ่งจะกลายเป็นโทษและอาจพาให้กระดานการเมืองล้มคลื่นไปอีกรอบหนึ่ง

นายจตุพร เสนอว่า หากให้แพทย์สภาขึ้นไปตรวจสอบห้องผู้ป่วยชั้น 14 แล้ว จะไม่มีความลับเกิดขึ้นเลย อีกทั้งถ้านำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเปิดเผยให้เห็นว่าป่วยจริง ยิ่งจะทำให้ความคลางแคลงใจสังคมให้หมดสิ้นความสงสัยไปได้ ดังนั้น ถ้าตั้งหลักได้คิดกันจะเกิดประโยชน์กับทักษิณและบริวารว่านเครือทั้งหลายเอง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สังคมยังไม่สิ้นสงสัยกับอาการป่วยของนักโทษทักษิณว่า ป่วยจริงหรือไม่และอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ หรือไม่ ได้ลุกลามออกไปเรื่อยๆ แล้วจะกลายเป็นชนวนขัดแย้งในสังคม แล้วยังเกิดการแทรกแซงสื่อ ยิ่งทำให้สะสมความไม่พอใจมากขึ้นตามลำดับ

อีกทั้งเชื่อว่า หลังปีใหม่ 67 แม้จะมีการแจกเงินดิจิทัลวอลเลตมากลบทับทักษิณป่วยก็ตาม แต่ไม่อาจหักล้างความคาใจในเรื่องความอยุติธรรมในสังคมไปได้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมา พวกปากกล้าทั้งหลายจะมีน้ำหน้ามาช่วยได้สักกี่คน

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้ากล้อง รพ.ตำรวจเสียจริง ยิ่งกว่าเป็นความจงใจ แล้วจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ แล้วสมมุติกล้องวงจรปิดเรือนจำเสียไปด้วย ถามว่าเราจะอยู่ภายใต้สังคมเป็นแบบนี้อีกเหรอ เพราะการรักษานักโทษที่ถูกควบคุมตัว โดยเรือนจำส่งคนไปประกบ 4 ราย แล้วกล้องวงจรปิดมาเสียด้วย ดังนั้น ถ้ายังประมาทอารมณ์ประชาชนแล้ว บทเรียนการกลับหลังหันแบบกรณีสุดซอย ก็ไม่สามารถรักษาทางการเมืองไว้ได้

“การมีบทเรียนสุดซอยนั้น มีไว้เพื่อไม่ให้กระทำซ้ำอีก ไม่ใช่มีไว้เพื่อให้ทำตัวเย่อหยิ่งจองหอง ทำตัวเหนือกว่าใคร เพราะมีการพิสูจน์มาแล้วว่า ไม่ได้เหนือกว่าใครจริง ไม่ได้ใหญ่จริง ดังนั้น ทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติทั้งสิ้น แล้วอำนาจกลับถูกทำลายด้วยความไม่ชอบธรรม ดังนั้น อย่าบีบจนคนไม่มีทางเลือกอีก”

นายจตุพร กล่าวโต้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ควบ รมว.พาณิชย์ ที่เรียกร้องให้ประชาชนใจกว้างกรณีทักษิณจะออกจาก รพ.ตำรวจกลับไปคุมขังที่บ้านว่า การวิจารณ์ทักษิณนั้น ไม่มีใครนำไปโยงเป็นเรื่องการเมือง เพราะกรณีเป็นเรื่องถูก-ผิดในกระบวนการยุติธรรม ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่บังเกิดก็มาบอกให้ใจกว้างหรือ? และถามว่า ทักษิณและพรรคเพื่อไทยเคยใจกว้างกับคนอื่นเขาหรือเปล่า

"ถ้าให้ใจกว้างแล้วแลกกับทำลายกระบวนการยุติธรรมมันคุ้มกับการแลกด้วยหรือ เพราะไม่มีอะไรมาแลกกับความถูกต้อง ความดีงามได้ และความถูก-ผิดไม่มีอะไรมาแลกได้ นอกจากความสำนึกในการกระทำแล้วเดินหน้าไปยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองได้เปล่งวาจาไปแล้ว ดังนั้น สิ่งนี้ในวันนี้เป็นหัวใจสำคัญของสถานการณ์ประเทศในอนาคต”นายจตุพร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จตุพร’ ซัดอำนาจเบื้องหลังปรับครม. ยังมีจิตปกติหรือไม่ แนะไปตรวจสุขภาพจิต

‘จตุพร’เย้ยอำนาจเบื้องหลังปรับ ครม.ยังมีจิตปกติหรือไม่ แนะรีบไปตรวจสุขภาพจิต อ้างเขี่ยทิ้งชลน่าน สะท้อนเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีมาตรฐานอารมณ์ ส่วน ‘ปานปรีย์’ลาออก รมต.ต่างประเทศ บอกความนัยคนจริง ยึดหลักการ สั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้

'ภูมิธรรม' ปัดวงกินข้าวเที่ยงมี 'ทักษิณ' ร่วมจัดโผครม. แจงถก 'นายกฯ-เลขาฯ' เรื่องงาน

'ภูมิธรรม' ยืนยันวงกินข้าวเที่ยงวานนี้ไร้เงา 'ทักษิณ' แจงถก ’นายกฯ-เลขาฯ’ คุยเรื่องงาน ไม่มีคุยปรับ ครม. - ส่อเค้า ปรับโฆษก หลังปรับ ครม.

จวก 'นักโทษ' โชว์กวนโอ๊ยสังคม นายกฯ ยังก้มไหว้ นัดหารือเคาะโผปรับ ครม.

'จตุพร' งง ปชช.ไม่รู้สึกรู้สาเลยเหรอ ที่เห็นภาพนักโทษโชว์กวนโอ๊ยสังคม นายกฯ ยังก้มไหว้ นัดหารือเคาะโผปรับ ครม. ซัดแสดงพฤติกรรมยิ่งใหญ่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ระวังสะสมอารมณ์เดือด ก่อแรงกระเพื่อม ประเทศจะเสียหายนาน 9 ปีโดยเปล่าประโยชน์อีก

”ภูมิธรรม“ ประกาศสุดยอดข้าวหอมมะลิ และข้าวสารไทยแห่งปี หนุนเกษตรกรและโรงสีรักษาคุณภาพขั้นสูง ขยายตลาดทั่วโลก

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 (ครั้งที่ 41) และรางวัลการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้ (24 เมษายน 2567)