‘อดีตรองอธิการ มธ.’ หดหู่ รมช.กระทรวงใหญ่ ด้อยคุณภาพ ถามหมาตอบแมว

พรรคการเมืองที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ปากบอกว่าต้องการให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่แท้ที่จริงล้วนต้องการแก้เพื่อให้พรรคตัวเองได้เปรียบพรรคคู่แข่งทั้งสิ้น

29 ม.ค.2567-รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า ได้ดูและฟังรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใหญ่กระทรวงหนึ่งออกรายการสนทนาทางโทรทัศน์รายการหนึ่ง ฟังแล้วหดหู่ใจ ยิ่งเห็นประวัติว่าท่านมาจาก ส.ส.เขตและจบถึงปริญญาเอกด้วย ยิ่งหดหู่ใจหนักขึ้นไปอีก

รัฐมนตรีท่านนี้ ตอบคำถามทุกข้อที่พิธีกรและผู้ร่วมรายการถาม แต่ท่านตอบตรงอยู่คำถามเดียวคือ ท่านได้รับมอบหมายงานในกระทรวงในด้านใดบ้าง นอกนั้นท่านตอบไม่ตรงแม้แต่คำถามเดียว อย่างที่โบราณเรียกว่า “ไปไหนมาสามวาสองศอก” หรือเดี๋ยวนี้อาจจะเรียกว่า “ถามหมาตอบแมว” นั่นทีเดียว มิใยที่ผู้ถามจะพยายามเรียบเรียงคำถามใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่ท่านก็ยังตอบแบบดำน้ำออกทะเลอยู่นั่นเอง

การตอบคำถามของรัฐมนตรีท่านนี้ แสดงให้เห็นว่า ท่านทั้งไม่เข้าใจคำถามแต่ทำเหมือนเข้าใจ และท่านไม่มีความรู้พอที่จะตอบคำถามได้แต่ก็ยังตอบ ไม่น่าเชื่อว่าจบถึงปริญญาเอก พิธีกรและผู้ร่วมรายการคงจะปวดหัวกับการตอบของท่าน และต้องใช้ความอดทนสูงมากเพราะรายการยาวเกือบ 1 ชั่วโมง

นี่คือผลพวงของระบอบประชาธิปไตยของไทย ทั้งที่มีการเลือกตั้งกันมานานกว่า 90 ปี แต่คนไทยเราก็คงยังเลือกคนที่ด้อยคุณภาพเข้ามาอยู่ในสภาเต็มไปหมด คำว่าด้อยคุณภาพในที่นี้หมายถึงทั้งคนที่ไม่มีความรู้แต่เป็นคนดี และคนที่มีความรู้แต่ก็เป็นคนเลว ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า ส.ส. ทุกคนในสภาจะด้อยคุณภาพ แต่หมายความว่าในสภามีส.ส.ด้อยคุณภาพมากเกินไป

ที่น่าหดหู่อีกประการก็คือ การที่มหาวิทยาลัยบางแห่ง ซึ่งก็มีหลายแห่ง สร้างหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก ออกมารองรับนักการเมืองที่ต้องการยกสถานภาพทางการศึกษาของตัวเอง ซึ่งก็มีนักการเมืองจำนวนมากไปสมัครเข้าเรียนและก็จบปริญญาโท ปริญญาเอกมาหลายต่อหลายคน เราจึงเห็นนักการเมืองใช้คำนำหน้าว่าดอกเตอร์กันเกลื่อนไปหมด ไม่ทราบว่าเขาเรียนกันอย่างไร มีการรับจ้างทำวิทยานิพนธ์กันหรือไม่ แต่มหาวิทยาลัยเหล่านี้น่าจะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากหลักสูตรเหล่านี้

ผู้ที่กำลังจะทำการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งจะทำประชามติถึง 3 ครั้ง เฉพาะค่าทำประชามติก็ต้องใช้เงินกว่าหมื่นล้าน ยังไม่รวมค่าจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ค่าตอบแทน ส.ส.ร. ค่าจัดประชุม ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย รวมแล้วอาจจะถึง 2 หมื่นล้าน อยากถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะทำให้เราได้ส.ส.ที่มีคุณภาพสูงเป็นส่วนใหญ่เข้าสภาได้หรือไม่ ถ้าได้ แม้จะเสียเงินสักแสนล้านก็น่าจะต้องยอมเสีย หากไม่ได้ อย่าว่าแต่หมื่นล้าน ล้านเดียวก็ไม่ควรเสีย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับเดิมก็ไม่มีอะไรเสียหาย สว.ที่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีก็กำลังจะหมดไปในเดือนพฤษภาคมและก็จะไม่มีสว.แต่งตั้งอีกแล้ว

ประเด็นเดียวที่ทำให้นักการเมืองไม่พอใจนอกจากกรณี สว.คือรัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ได้ยาก หมวดหนึ่งและหมวดสองแก้ไม่ได้เลย หากจะร่างใหม่ทั้งฉบับ ก็ต้องทำประชามติ ซึ่งก็สมควรแล้วมิใช่หรือ เพราะพรรคการเมืองที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ ปากบอกว่าต้องการให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่แท้ที่จริงล้วนต้องการแก้เพื่อให้พรรคตัวเองได้เปรียบพรรคคู่แข่งทั้งสิ้น

น่าหดหู่ไหมครับ ประเทศไทย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ยศชนัน’ สงวนท่าทีกากบาทป้าย iLaw หวั่น กกต.เอาผิด ปมแก้ รธน.

“ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ร่วมกิจกรรม iLaw แสดงความเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญใหม่ รับส่วนตัวเห็นควรแก้ไข แต่ขอรอฟังเสียงประชาชน พร้อมย้ำเงื่อนไขงดแตะหมวด 1-2 และขอไม่กากบาทบนแผ่นป้าย เหตุไม่สบายใจทางการเมือง

'ไชยชนก' แย้ม 'DSI' มีข้อมูลโยง 2 นักการเมือง ปม MOU บ.สแกนม่านตา

'ไชยชนก' ชี้หน้าที่ 'ดีเอสไอ' สอบสวน หลังพบข้อมูลนักการเมือง 1-2 คน เอี่ยว MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ สแกนม่านตา โยงฟอกเงินดิจิทัล

'ชูวิทย์' ฟันธงเลือกตั้ง พรรคประชาชนต่ำ 100 ชี้เดินเกมผิดพลาดครั้งใหญ่

"ชูวิทย์" วิจารณ์ "ธนาธร" เลือกเดินเกมแก้รัฐธรรมนูญผ่านพรรคภูมิใจไทยคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ ไม่ใช่การประนีประนอม พร้อมคาดผลเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคประชาชนอาจได้ สส. ต่ำกว่า 100 จากกระแสที่เปลี่ยนและความเชื่อมั่นที่ลดลง

ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคใดชนะเบ็ดเสร็จ

“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ระบบ “บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ” เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคการเมืองใด ชนะเลือกตั้งเบ็ดเสร็จ เปิดตัวทีม “ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี” ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้

'อนุทิน' ระวัง! ติดกับดักตัวเอง ปมคำถามประชามติ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี วางกับดักตัวเอง ในการส่งคำถามประชามติของคณะรัฐมนตรี