'ธรรมนัส' รับ 9 มาตรการแก้ปัญหา 'ปลาหมอคางดำ' เปิด 49 จุดรับซื้อกิโลกรัมละ 15 บาท


22 ก.ค.2567 - ที่สมาคมการประมงสมุทรสาคร อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ โดยมี นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้แทนสมาคมการประมงจาก 16 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ เข้าร่วม เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

โดย ร.อ.ธรรมนัสได้รับข้อเสนอจากสมาคมใน 9 มาตรการ อาทิ การกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ การผ่อนผันเครื่องมือประมงพื้นบ้านที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการใช้จับปลาหมอคางดำ การจัดสรรงบประมาณเร่งด่วนสนับสนุนในการกำจัดปลาหมอคางดำให้กับชาวประมง และการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจในแต่ละจังหวัด เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบทั้ง 9 มาตรการ และได้มอบหมายกรมประมงนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติ โดยได้มอบหมาย นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ พร้อมนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอเป็นวาระแห่งชาติต่อไป

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมงได้มีการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาดังกล่าวฯ เป็นการเร่งด่วนผ่าน 5 มาตรการสำคัญ คือ 1.การควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาด 2.การกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยการปล่อยปลาผู้ล่าอย่างต่อเนื่อง 3.การนำปลาหมอคางดำที่กำจัดได้ไปใช้ประโยชน์ 4. การสำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจายปลาหมอคางดำในพื้นที่เขตกันชน และ 5.การสร้างความรู้ ความตระหนัก และการมีส่วนร่วมในการกำจัดปลาหมอคางดำ

นอกจากนี้ ยังบูรณาการร่วมกับกรมพัฒนาที่ดินในการนำปลาหมอคางดำที่จับขึ้นมาได้ไปผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ และประสานความร่วมมือกับการยางแห่งประเทศไทยในการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดตั้งจุดรับซื้อปลาหมอคางดำในพื้นที่ระบาดทุกแห่ง ซึ่งขณะนี้กรมประมงได้มีการรวบรวมแพปลาที่ขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการด้านการประมง (ทบ.2) กับกรมประมง ในพื้นที่ที่มีการระบาด 14 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และสงขลา รวมทั้งสิ้น 49 จุด

สำหรับพิจารณาจัดตั้งเป็นจุดรับซื้อปลาหมอคางดำ โดยการันตีราคารับซื้อที่กิโลกรัมละ 15 บาท ก่อนรวบรวมปลาหมอคางดำที่รับซื้อไว้ไปให้สถานีพัฒนาที่ดินแต่ละพื้นที่ผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพ เพื่อส่งมอบให้การยางแห่งประเทศไทยนำไปแจกจ่ายแก่เกษตรกรในโครงการแปลงใหญ่ เพื่อนำไปใช้ในพื้นที่สวนยางกว่า 200,000 ไร่ โดยจะเริ่มเปิดจุดรับซื้อปลาหมอคางดำทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 นี้ เป็นต้นไป

ทั้งนี้ จังหวัดสมุทรสาคร เป็นจังหวัดที่มีรายงานการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำเป็นที่แรกและมีการระบาดมากที่สุด จึงได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินการตาม 5 มาตรการสำคัญ จนสามารถกำจัดปลาหมอคางดำจากแหล่งน้ำธรรมชาติและบ่อเพาะเลี้ยงของเกษตรกรนำไปจำหน่ายให้กับโรงงานปลาป่นและผู้ประกอบการเกี่ยวเนื่องได้มากกว่า 500 ตัน ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดมากที่สุด กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมงจึงได้มีการนำร่องจัดตั้งจุดรับซื้อปลาหมอคางดำขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ทั้งหมด 5 จุด

ประกอบด้วย 1.แพธนูทอง โทร. 0804646479 2. แพนางจารุจันทร์ จารวิไพบูลย์ (แพมิตร) โทร. 0873647298 3.นายชัยพร กรุดทอง (บอย) โทร. 0626585323 4.นายเฉลิมพล เกิดปั้น โทร. 0871714414 และ 5. แพนายวิชาญ เหล็กดี โทร. 0971950564

ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสและคณะ ได้เยี่ยมชมกระบวนการผลิตน้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำโดยสถานีพัฒนาที่ดินสมุทรสาคร กรมพัฒนาที่ดิน ซึ่งก่อนหน้านี้สำนักงานประมงจังหวัดสมุทรสาครได้มีการประสานในการรับซื้อปลาหมอคางดำสำหรับผลิตเป็นน้ำหมักชีวภาพคุณภาพสูง (สูตรไนโตรเจนสูง) จำนวน 4,000 ลิตร โดยได้แจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ กลุ่มหมอดินอาสา กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกพืชผัก ฝรั่ง ลำไย มะพร้าวน้ำหอม และพลู คิดเป็นพื้นที่ได้รับประโยชน์รวมกว่า 533 ไร่ อีกด้วย

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวด้วยว่า กระทรวงเกษตรฯ จะเร่งเสนอปัญหาดังกล่าวเข้าเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธาน เจ้าหน้าที่ของภาครัฐ ภาคเอกชน และสมาคมต่าง ๆ ด้านประมง ร่วมเป็นคณะกรรมการในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ นอกจากนี้ ยังเตรียมหารือการประกาศเขตภัยพิบัติ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และสำหรับผู้ใดที่ฝ่าฝืนทำการเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำ จะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 144 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ตามประกาศกรมประมง เรื่อง ประชาสัมพันธ์ห้ามเพาะเลี้ยงปลาหมอคางดำ ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากนำไปปล่อยในที่จับสัตว์น้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เก็บตกจากงานเสวนา...กรมประมงชี้ปลาหมอคางดำลดลงชัดเจน สะท้อนผลสำเร็จมาตรการบูรณาการทั่วประเทศ

กรมประมงรายงานสถานการณ์ปลาหมอคางดำจากการสำรวจในพื้นที่ระบาดและพื้นที่กันชนล่าสุด มีความคืบหน้าเชิงบวกจากการดำเนินมาตรการอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลสำรวจเดือนกันยายน 2568 พบว่าพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดลดลงเหลือ 17 จังหวัด จากเดิม 19 จังหวัด

กรมประมงเดินหน้าปล่อย “ปลานักล่า” ต่อเนื่อง กทม.บูรณาการทุกภาคส่วนคุมเข้ม “ปลาหมอคางดำ”

กรมประมงยังคงเดินหน้ามาตรการควบคุมและจัดการ “ปลาหมอคางดำ” อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความหนาแน่น และควบคุมการแพร่กระจาย โดยใช้แนวทางบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน

เกษตรกรปากพนังพลิกวิกฤตเป็นโอกาส! ใช้ปลาหมอคางดำเลี้ยงปูขาว ลดต้นทุน-สร้างรายได้ชุมชน

เกษตรกรในอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส มอง “ปลาหมอคางดำ” ซึ่งถูกมองว่าเป็นปลาต่างถิ่นชนิดพันธุ์รุกรานในแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็น “ทรัพยากที่มีมูลค่า” ของชุมชน โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในลุ่มน้ำปากพนังมากกว่า 30 ราย ได้นำปลาหมอคางดำที่จับได้ใช้เป็นอาหารเลี้ยงปูขาว แทนการใช้ปลาทะเลสด ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรจากการเลี้ยงปู พร้อมทั้ง

ชะอำเดินหน้าแผนลดปลาหมอคางดำ ซีพีเอฟหนุนปลานักล่า เสริมโอกาสเกษตรกร

เพชรบุรีเดินหน้าบูรณาการองค์กรส่วนท้องถิ่น ชุมชนและชาวบ้านลดและกำจัดปลาหมอคางดำ ตามแนวทาง “เจอ แจ้ง จับ จบ” จัดกิจกรรม “ลงแขกลงคลอง” ทุกเดือนควบคู่กับการปล่อยปลานักล่า

อัยการนนทบุรีมีคำสั่งฟ้อง "ไบโอไทย" มีมูลใช้ภาพเท็จ

วันนี้ 10 ก.ย.68 -- ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานอัยการ จังหวัดนนทบุรี ว่า อัยการจังหวัดนนทบุรีได้มีคำสั่งฟ้อง นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการ มูลนิธิชีววิถี หรือ Biothai และมูลนิธิ

ตำรวจสมุทรสงคราม ปิ๊งไอเดีย ฝึกทักษะหมัก ‘น้ำปลาหมอคางดำ’ ช่วยบำบัดคนเสพยา

สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสงครามเกิดไอเดียสร้างสรรค์ ภายใต้แนวคิด “ใช้ปัญหาเป็นเครื่องมือแก้ปัญหา” นำปลาหมอคางดำ มาใช้เป็นสื่อกลางในบำบัดและฟื้นฟูผู้เข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผ่านการ ฝึกทักษะการหมักน้ำปลา เพื่อใช้บริโภคในครัวเรือน รวมถึงต่อยอดเป็นทักษะอาชีพที่ช่วยสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น