
เรืองไกร ร้อง กกต. สอบ นรม. มีเหตุต้องพ้นจากรัฐมนตรีตาม รธน. ม.170 (4) ประกอบ ม.160(4)(5) หรือไม่
3 พ.ย. 67 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ช่วงนี้ต้องอยู่ที่บ้านบ่อย เวลาว่างเหลือเยอะ จึงใช้เวลาดังกล่าวตรวจสอบข่าวสาร บัญชีทรัพย์สินนักการเมือง และข่าวนายกรัฐมนตรี ซึ่งของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก็มีข่าวออกมาให้ตรวจสอบอยู่เรื่อย ๆ วันนี้ก็มี จึงได้ส่งหนังสือถึง กกต. ทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือไม่ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่ กรณี จะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่ โดยมีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในคำร้องเป็นข้อ ๆ ดังนี้
ข้อ1. เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 เว็บไซต์ข่าวสดออนไลน์ หัวข้อ กลัวไม่ครบ! นายกฯ อิ๊งค์ หนักใจ เร่งถ่ายรูปทรัพย์สินยื่น ป.ป.ช. ย้ำต้องทำให้ถูกกม. ลงข่าวไว้ส่วนหนึ่งว่า “เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 ต.ค.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการเตรียมข้อมูลการโอนหุ้นบริษัทต่างๆ ก่อนยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ตอนนี้ทางบริษัทช่วยกันดูอยู่ว่ามีอะไรอย่างไร ซึ่งต้องให้เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่าง”
ข้อ2. เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2024 เว็บไซต์ www.thaimoveinstitute.com หัวข้อ เปิดโป๊ะที่แท้ นายกฯอิ๊งค์ ไม่ได้ร่วมซ้อมพิธีรับเสด็จฯ จนเกิดเรื่องฉาวสนั่น พบแค่เดินทางมาตรวจตั้งแต่กันยา-ฟังขั้นตอน ลงข่าวไว้ส่วนหนึ่งดังนี้
ต่อมามีคลิปที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ก็คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าเฝ้ารับเสด็จฯด้วย และได้มีการเดินร่วมกับขบวนเสด็จฯ แต่ถูกส่งสัญญาณมือให้นายกรัฐมนตรีอุ๊งอิ๊ง ทราบเบาๆ เรื่องการเดินล้ำแนวแถวเสด็จงานพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค เรียกว่าถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก็มีรายงานเปิดเผยถึงความผิดพลาดของนายกรัฐมนตรี ได้เกิดจากการที่ไม่ได้เดินทางไปร่วมซ้อมพิธี (ตามข่าวน่าจะไม่ได้ไปร่วมซ้อมทุกนัด)
ข้อ 3. จากการกระทำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามข่าวทั้งสองข้างต้น จึงควรไปตรวจสอบกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและมาตรฐานทางจริยธรรม ในมาตราและข้อต่าง ๆ ดังนี้
รัฐธรรมนูญ
มาตรา 6 องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้
มาตรา 160 รัฐมนตรีต้อง
(4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
(5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
มาตรา 161 ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคํา ดังต่อไปนี้ “ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
มาตรา 170 ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อ
(4) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160
มาตรฐานทางจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561
ข้อ 9 ต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดในประการ ที่อาจทำให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่
ข้อ 17 ไม่กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง
ข้อ4. กรณีตามข่าวเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่มีการระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า “ตอนนี้ทางบริษัทช่วยกันดูอยู่ว่ามีอะไรอย่างไร” นั้น เป็นเหตุอันควรตรวจสอบเนื่องจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยแจ้งการลาออกจากบริษัทต่าง ๆ ไปแล้ว เหตุใดจึงยังมีบริษัทมาช่วยทำบัญชีทรัพย์สินซึ่งควรเป็นเรื่องส่วนตัว และการช่วยนั้น จะเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 9 หรือไม่ อันเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือไม่
ข้อ5. กรณีตามข่าวเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2024 ที่ในข่าวมีการระบุไว้เป็นส่วน ๆ ว่า “เรื่องการเดินล้ำแนวแถวเสด็จงานพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค เรียกว่าถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมเป็นจำนวนมาก” หรือที่ระบุว่า “ทั้งนี้ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ก็มีรายงานเปิดเผยถึงความผิดพลาดของนายกรัฐมนตรี ได้เกิดจากการที่ไม่ได้เดินทางไปร่วมซ้อมพิธี” นั้น กรณีการล้ำแนวแถวเสด็จงานพระราชพิธี และการที่ไม่ได้เดินทางไปร่วมซ้อมพิธีจะเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 19 หรือไม่
ข้อ6. ดังนั้น กรณีตามข้อเท็จจริงจากข่าวทั้งสองข้างต้น จึงมีเหตุอันควรขอให้ กกต. ตรวจสอบต่อไปว่า การกระทำนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดังกล่าว ทั้งสองเหตุการณ์นั้น จะเข้าข่ายมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หรือไม่ หรือมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หรือไม่ กรณี จะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แก้วสรร' ออกบทความเรื่องการเจรจาไม่เป็นทางการของนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ
‘เรืองไกร’ ร้อง ป.ป.ช. สอบ ‘สส.ชัยชนะ’ ปมทำร้ายร่างกาย ฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่
“เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ส่งหนังสือถึง ป.ป.ช. ขอให้สอบพฤติกรรม “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.ประชาธิปัตย์ หลังมีชื่อพัวพันคดีทำร้ายร่างกายช่วงงานบวชที่นครศรีธรรมราช ชี้อาจ
รองเท้าหรูเป็นเหตุ! 'เรืองไกร' ร้อง ป.ป.ช.สอบนายกฯอิ๊งค์
“เรืองไกร” เดินหน้า ร้อง ป.ป.ช. สอบบัญชีทรัพย์สินอื่นของแพทองธาร นายกรัฐมนตรี แจ้งรองเท้าหรูไว้โดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
พรรคส้มแซะป.ป.ช.ไร้หัวใจ
เปิด 44 รายชื่ออดีต สส.พรรคก้าวไกล ที่ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาผิดจริยธรรมร้ายแรง จากกรณีร่วมลงชื่อแก้ ม.112 "อมรัตน์" โวยแหลก! ป.ป.ช.มีมโนธรรมสำนึกในหัวใจบ้างหรือไม่
ขีดเส้น 15 วัน! ป.ป.ช. เรียก 44 สส. ชี้แจงข้อกล่าวหาคดีฝ่าฝืนจริยธรรม ปมแก้ ม.112
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งหนังสือถึง 44 สส.ก้าวไกล แจ้งข้อกล่าวหา และเชิญผู้ถูกกล่าวหามารับชี้แจง คดีฝ่าฝืนจริยธรรม จากการร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
เช็กรายชื่อ 44 สส. ส่อสังเวยแก้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
สำรวจรายชื่อ 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ถูก ป.ป.ช. ส่งเอกสารแจ้งข้อกล่าวหาฝ่าฝืนจริยธรมอย่างร้ายแรง หนักเบาต่างกันไปตามพยานหลักฐาน หลังร่วมกันลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

