'จตุพร' ฟาดกลับรัฐบาลตกลงผลประโยชน์เชฟรอนก่อนเจรจาเขตแดน สุ่มเสี่ยงสูญเสียดินแดน

'จตุพร' เย้ยรัฐบาล แค่เสียงทักท้วงกลับแตกตื่น ออกอาการหวั่นวิตกชะตากรรมใกล้มาถึง ส่งพรรคร่วมรวมพลการันตีเกาะกูดของไทย ฟาดกลับทุกคนรู้ ไม่ได้บ้า เตือนปัญหาอยู่กับการไปตกลงผลประโยชน์เชฟรอนก่อนเจรจาเขตแดน เชื่อสุ่มเสี่ยงสูญเสียดินแดน ย้ำโปร่งใสต้องกางสัญญาสัมปทานเชฟรอน 50 ปี

6 พ.ย.2567- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ถึงรัฐบาลปลุกปั่นโยง MOU 44 และการเจรจาผลประโยชน์แหล่งพลังงานกับกัมพูชา เพราะต้องการล้มรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร

“ไม่มีใครปลุกม็อบล้มคุณหรอก คุณนะปลุกม็อบขึ้นมาเอง แต่ที่สำคัญคือ วันนี้ มันจะเร่งเจรจาหาอะไรกัน ขณะที่คุณใช้เวลา 2 สัปดาห์ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเจรจา แล้วไม่คิดจะเจรจาสัมปทานกับเชฟรอนบ้างเลยเหรอ อะไรไปอุดปากอยู่”

นายจตุพร กล่าวว่า การพูดถึงปัญหาเกาะกูดและยอมรับว่าเป็นของไทยนั้น เพราะเป็นผลมาจากการแสดงวิสัยทัศน์ไทยแลนด์วิชั่น 2024 เมื่อ 22 ส.ค. 2567 ของทักษิณ ชินวัตร ได้เสนอมุมมองถึง 14 ประเด็น แล้วถูกบรรจุไว้เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอุ๊งอิ๊งถึง 11 ประเด็น ซึ่งการเจรจาผลประโยชน์แหล่งพลังงานทับซ้อนใต้ทะเลกับกัมพูชาก็เป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนด้วย

อย่างไรก็ตาม ทุกวาระนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ล้วนไม่ได้เป็นวาระแห่งชาติ แต่เป็นวาระเร่งด่วนของผลประโยชน์ทับซ้อนหรือส่อไปในทางทุจริตเชิงนโยบาย โดยไม่สนใจจะเกิดผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร

“วันนี้รัฐบาลอย่างมาอวดรู้อธิบายเกาะกูดเป็นของไทย ซึ่งคนไทยไม่บ้าก็รู้ดีว่าเกาะกูดเป็นของไทยมาตั้งแต่ลงนามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสในยุคล่าอาณานิคมอินโดจีน ส่วนการอธิบายย้ำกันต่อเนื่องเพื่อเตือนสติอย่าได้ชะล่าใจเหมือนการเสียปราสาทพระวิหารที่รัฐบาลบอกมาตลอดตั้งแต่สมัยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยืนยันว่าเป็นของไทย แต่กลับแพ้คดีในศาลโลก แล้วตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชาไปแล้วในปี 2505

“การเรียกร้องในปัญหาเกาะกูดเพื่อต้องการให้ตกลงเรื่องเขตแดนให้จบเสียก่อน เพราะเขตแดนไทยกับกัมพูชาขีดเส้นอาณาเขตไม่เหมือนกัน ถ้าจะไปตกลงผลประโยชน์ก่อนจะเกี่ยวพันมาลุกล้ำเรื่องดินแดนได้ ดังนั้นถ้าเจรจาในเรื่องดินแดนไม่จบ ต้องไม่ตกลงในเรื่องผลประโยชน์แหล่งพลังงาน”

อีกทั้งกระตุ้นรัฐบาลว่า ทำไมไม่นำสัญญาสัมปทานพลังงานให้เชฟรอนมาเปิดเผยให้ประชาชนรับรู้ สิ่งสำคัญต้องยกเลิกสัญญาที่ไทยไม่ได้ประโยชน์นี้ไปด้วยเพราะล้าสมัย อีกอย่างผลประโยชน์และภูมิรัฐศาสตร์ได้เปลี่ยนแปลงไป เกิดปัญหาระหว่างประเทศ ดังนั้น สัญญาสัมปทานพลังงานให้เชฟรอนจะชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน จนไทยสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนได้

นายจตุพร กล่าวว่า การเอาพลังงานขึ้นมาก่อนยุติปัญหาดินแดน แล้วผลประโยชน์ขาติอยู่ตรงไหน อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้นักการเมืองรู้ถึงผลประโยชน์นอกงบประมาณกันทั้งนั้น บรรดาเสือหิวทั้งหลายที่จ้องงับผลประโยชน์ชาติ โดยไม่คิดว่าชาติจะไปสุ่มเสี่ยงอะไร อีกอย่างคนไทยแทบไม่ได้อะไรเลย แต่ได้แค่ภาคหลวงจากแหล่งพลังงานทับซ้อน

สิ่งสำคัญเราไม่ต้องการเอาเปรียบกัมพูชา ขณะเดียวกันเราก็ไม่ต้องการเสียเปรียบด้วย เราอยากให้ได้ผลประโยชน์เสมอเท่าเทียมกัน จึงต้องพิสูจน์เขตแดนเป็นของใครให้ชัดเจนก่อน ส่วนเขตแดนทับซ้อน ยุติไม่ได้ก็หยุดไว้ก่อน ไม่ควรรีบเร่งตกลงกัน อีกอย่างเมื่อถูกทักท้วงก็บอกจะล้มรัฐบาล แต่สิ่งที่คุณทำนั้น เป็นการล้มตัวเองทั้งสิ้น

“เรื่องล้มรัฐบาลมีเรื่องอื่นอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับเกาะกูดและการเจรจาหาประโยชน์แหล่งพลังงานกับกัมพูชา เพราะเรื่องนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน ส่อแววเป็นผลประโยชน์เชิงนโยบาย และสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดนในอนาคต"นายจตุพร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

'ทักษิณ' ร่วมเวที 'เสก โลโซ' ร้องเพลงใจสั่งมา ในเรือนจำกลางคลองเปรม

"ทักษิณ" ขึ้นเวทีเรือนจำฯ ควงไมโครโฟนร้องเพลง "ใจสั่งมา" บรรยากาศอบอุ่นมวลความสุข เพื่อนผู้ต้องขังกว่า 1,000 คน ต่างลุกโชว์สเต็ปแด๊นซ์

เพจดังงัดภาพใหม่กว่า ตบหน้าแฟนคลับพรรคแดง ขว้างงูไม่พ้นคอ ทักษิณก็รู้จัก 'เบน สมิธ'

จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังปรากฏภาพนายเบน สมิธ ถ่ายร่วมเฟรมกับบุคคลระดับสูงในแวดวงการเมืองไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง