เอาแล้ว! เกษตรกรขอนแก่นบอกรัฐบาลอุ๊งอิ๊งไม่จริงใจช่วยเหลือชาวนาสู้ยุคลุงตู่ไม่ได้

เกษตรกรขอนแก่น ระบุ รัฐบาล 'อุ๊งอิ๊ง' ไม่จริงใจ หลังอนุมัติช่วยเหลือชาวนาไทยเหลือ 10 ไร่ต่อครัวเรือน พร้อมระบุสู้รัฐบาล 'ลุงตู่' ไม่ได้ เพราะเคยได้ถึงครัวเรือนละ 20,000 บาท

04 ธ.ค.2567 - ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบ โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการ และพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท จำนวน 4.68 ล้านครัวเรือน วงเงิน 38,578.19 ล้านบาท โดยเฉพาะที่ บ.โนนรัง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น พบว่าชาวนาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและเสียใจกับการที่รัฐบาลลดค่าช่วยเหลือเกษตรกรลงมองว่าเป็นการช่วยเหลือแบบไม่จริงใจและสู้รัฐบาลลุงตู่ไม่ได้

นายวิรัตน์ โพธิ์ศรีเรือง อายุ 58 ปี 109/2 ม.22 บ.โนนรัง ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ประธานศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนสาวะถี กล่าวว่า ถ้าจะช่วยเหลือเกษตรกรแบบจริงใจรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะต้องช่วยค่าทุนการปลูกการทำนาตกไร่ละ 3,200 บาท เพราะถ้าจะช่วยจริงๆให้ช่วยต้นทุนการผลิตไร่ละ 3,200 บาท กี่ไร่ก็ได้ แต่มาพิจารณาแบบนี้โดยส่วนตัว มองว่ารัฐบาลช่วยเหลือแบบไม่จริงใจช่วยแบบให้พอผ่านๆไป

"อารมณ์ทำแบบให้เกษตรกรไม่โวยวายเพราะรู้ว่าถ้าเกษตรกรไม่ได้เงินตรงนี้อาจจะมีการชุมนุมกันเกิดขึ้น ถ้าเปรียบเทียบรัฐบาลนี้ยังสู้รัฐบาลลุงตู่ไม่ได้เพราะว่ารัฐบาลยุคนั้นให้จริงๆแบบจริงใจ แต่รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งทำไมให้กันแบบไม่จริงใจ ทั้งนี้อยากฝากบอกว่ารัฐบาลยุคใหม่น่าจะจริงใจเพราะเป็นคนรุ่นใหม่อยากให้สอนเกษตรกรรู้จักการค้าขายกับต่างประเทศอยากให้ช่วยแก้กฎหมายการส่งออกให้เกษตรกรสามารถส่งออกขายข้าวกับต่างชาติได้เองโดยอิสระไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง การช่วยเหลือโดยการแจกเงินแบบนี้ไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหาที่ดี แต่ต้องสอนให้เกษตรกรรู้จักค้าขายเองให้ได้"

ขณะที่นายสุรพงษ์ เนตรจันทร์ อายุ 67 ปี 345 ม.16 บ้านโนนรัง ต.สาวถี จ.ขอนแก่น เกษตรกรปลูกข้าว กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่พอใจในการลดเงินช่วยเหลือเกษตรกรลงปกติได้คนละ 20 ไร่ หรือประมาณ 20,000 บาท แต่มาวันนี้ทำไมถึงต้องลงเงินช่วยเหลือลง เงินที่ลงทุนไปกับเงินที่รัฐบาลช่วยเหลือบอกได้เลยว่าไม่คุ้มถ้าราคาผลผลิตยังตกต่ำอยู่แบบนี้ทำยังไงก็ไม่คุ้มแน่นอน

"ค่าปุ๋ยแพง ค่ายาแพง ค่าอุปกรณ์การเกษตรแพง ค่าจ้างรถไถ ค่าปั่น ค่าเมล็ดพันธุ์ ต้นทุนสูงที่ได้ไร่ละ 1,000 บาทถือว่ามาช่วยเหลือเบื้องต้นขแต่มาตัดลดลงแบบนี้ทำให้เกษตรกรเสียใจและไม่พอใจ ทำให้มองว่าการช่วยเหลือของรัฐบาลช่วยเหลือแบบไม่จริงใจเหมือนช่วยให้พอผ่านๆไป คิดว่าช่วยไปแล้วเกษตรกรได้เท่าไรก็คงต้องเอาให้แล้วก็แล้วไปเหมือนบีบคอเกษตรกร รัฐบาลเพื่อไทยสู้รัฐบาลลุงตู่ไม่ได้ในหลายๆเรื่อง ทั้งค่าไถกลบ ค่าเก็บเกี่ยว ค่าเครื่องมือการเกษตร จึงขอฝากถึงรัฐบาลอยากให้ทบทวนให้กลับมาได้ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ เหมือนเดิมเพราะจะเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ขึ้น 'รถไฟฟ้า-รถเมล์' ฟรี 7 วัน! รัฐบาลล้วงงบกลางแก้ฝุ่น PM2.5

นายกฯ สั่งคมนาคม ให้ประชาชนขึ้น 'รถไฟฟ้า - รถขสมก.' ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค. แก้ปัญหา PM 2.5 เตรียมชงครม.ใช้งบกลางชดเชย 140 ล้านบาท พร้อมตั้ง 8 จุตรวจจับควันดำ

'แก้วสรร' แพร่บทความ 'อำนาจนอกระบบของทักษิณ'

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความเรื่อง “อำนาจนอกระบบของทักษิณ" มีเนื้อหา ดังนี้

บี้ 'อิ๊งค์' ปกป้อง 'เอกนัฏ' ล่าไอ้โม่งลงขันเปลี่ยนตัว รมว.อุตสาหกรรม

24 ม.ค. 2568 - นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ปกป้อง เอกนัฏ" โดยระบุว่า ติดตามข่าวการตอบกระทู้ถามสด ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการปิดโรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี จ.อุดรธานี ถึงการเลือกปฏิบัติในการรับซื้ออ้อยเผาของ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย รู้สึกตกใจกับคำตอบของนายเอกนัฏ ตอนหนึ่งในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่ามีการลงขันจำนวนเงิน 200- 300 ล้านบาท เพื่อย้ายนายเอกนัฎ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับการเมืองไทย ที่มีกลุ่มทุนอิทธิพลเหนือการเมือง ใช้เงินลงขันด้วยเงินหลักร้อยล้านบาท เพื่อเปลี่ยนตัวผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ถ้าหากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ขอให้กำลังใจนายเอกนัฎ ในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง และควรจะเปิดเผยชื่อตัวการลงทุนย้ายนายเอกนัฎออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หากไม่สามารถเปิดเผยชื่อต่อสังคมได้ ก็ควรนำเรื่องนี้ไปเรียนให้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้มีอำนาจในการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ทราบว่ามีกลุ่มบุคคลหนึ่ง ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือการเมือง สามารถใช้เงินทุนโยกย้ายเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ หากนางสาวแพทองธาร ยังเอาไม่อยู่ เพราะไม่มีอำนาจที่แท้จริง ก็ต้องนำเรื่องนี้ให้ถึงมือของนายทักษิณ ชินวัตร ผู้มีอำนาจทางการเมืองสูงสุด เป็นเจ้าของรัฐบาลตัวจริง และสามารถสั่งการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีได้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าหากเรื่องนี้เป็นความจริง นางสาวแพทองธาร จะต้องปกป้องนายเอกนัฎ เพราะการดำเนินนโยบายห้ามไม่ให้โรงงานน้ำตาลรับซื้ออ้อยเผา เป็นมาตรการป้องกันมลพิษ PM 2.5 ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร แต่ถ้าเมื่อนายเอกนัฎได้ปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายของนางสาวแพทองธารแล้ว แต่ไปสะดุดต่อ นางสาวแพทองธารในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะต้องรับผิดชอบ และสืบหาตัวไอ้โม่งผู้อยู่เบื้องหลังการลงขัน เพื่อเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีอุตสาหกรรมให้ได้ ขอให้สังคมเรียกร้อง กดดันให้รัฐบาล เปิดโปงขบวนการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีออกมาให้สังคมรับรู้ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลกลุ่มทุนใดๆ ทั้งสิ้น.

'นายกฯอิ๊งค์' ขอบคุณผู้นำอาร์เมเนีย หนุนเริ่มต้นเจรจา FTA ไทย-ยูเรเชีย

'นายกฯอิ๊งค์' ขอบคุณผู้นำอาร์เมเนีย สนับสนุนเริ่มต้นเจรจา FTA ไทย-สหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย พร้อมเพิ่มพูนการค้า ดึงศักยภาพ ศก. ร่วมกัน

'เท้ง' ลั่น 'อุ๊งอิ๊ง' ไปหาโอกาสใหม่ใน ตปท.ได้แต่ควรแก้ปัญหาในบ้านก่อน

'เท้ง' ชี้ 'นายกฯ' ไปหาโอกาสใหม่ต่างประเทศทำได้ แต่ควรแก้ปัญหาฝุ่นในไทยก่อน เชื่อ ปชช.เรียกร้อง-รอคอยอยู่ เผย 'ปชน.' เตรียมเสนอ มาตรการที่เป็นรูปธรรม หวังรัฐบาลรับไปดำเนินการ

นายกฯ ยินดีคู่รัก LGBTQIA+ สมรสถูกต้องตามกฎหมาย

นายกฯ แสดงความยินดีคู่รัก LGBTQIA+ สมรสถูกต้องตามกฎหมาย จุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ สร้างความเท่าเทียมให้ทุกเพศ เคารพในความแตกต่างทั้งเพศสภาพ เพศวิถี เชื้อชาติ ศาสนา