'สพ.รฟ.'ยื่นค้าน ร่าง พรบ.ขนส่งทางรางฯ เหตุขัดกฎหมาย-เอื้อประโยชน์นายทุนฮุบสมบัติชาติ

18 ธ.ค.2567- ที่รัฐสภา สมาพันธ์คนงานรถไฟ (สพ.รฟ.) นำโดย นายสุวิช ศุมานนท์ และนายอินทร์ แย้มบริบูรณ์ เข้ายื่นหนังสือต่อนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. ... เพื่อคัดค้านร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง ที่ส่อขัดต่อกฎหมายและเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนฮุบสมบัติชาติ

โดยระบุว่า ตามที่ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. ... ซึ่งขณะนี้ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญ วาระ 2 นั้น ร่างกฎหมายการขนส่งระบบรางลักษณะนี้ ได้มีการนำเสนอในสมัย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และได้นำเข้าสู่การตรวจของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งได้แก้ไขในสาระที่สำคัญเป็นจำนวนมาก มีการประชุมนับร้อยครั้ง ใช้เวลาพิจารณาอยู่หลายปี จนเป็นร่างที่เป็นไปอย่างถูกต้อง และเป็นไปตามหลักกฎหมาย รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

เมื่อรัฐบาลเห็นว่า ร่างถูกเปลี่ยนแปลงไม่สมเจตนารมณ์ประโยชน์ของรัฐบาล จึงได้ถอนร่างออก และมีการนำเสนอเข้าไปใหม่โดยแทบจะไม่มีความเห็นของกฤษฎีกา แต่ก็ตกไป เพราะหมดสมัยของรัฐบาล

ต่อมาในรัฐบาลชุดนี้ ได้นำร่างนี้ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่เพียงแต่ผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่มีการตรวจทานแก้ไข เมื่อคณะรัฐมนตรีนำกลับมาเสนอเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา จึงเป็นร่างกฎหมายที่ขัดต่อหลักการการออกกฎหมาย

และถ้ากฎหมายฉบับนี้ ผ่านการพิจารณามีผลบังคับใช้ สิ่งที่ตามมา ดังนี้

1.สามารถยักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สมบัติของชาติในระบบการขนส่งทางราง ให้เอกชนไปถือครองได้

2.กฎหมายฉบับนี้ มีการยกเว้นกฎหมายหลักที่มีอยู่เดิม ในบางมาตราของพระราชบัญญัติ จัดวางการรถไฟแลทางหลวง พ.ศ. 2464 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ตราขึ้นตามพระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 6 จึงเป็นการขัดต่อหลักการของการตรากฎหมาย

3.พระราชบัญญัติฉบับนี้ มิได้ทำหน้าที่แค่การกำกับดูแลมาตรฐานในระบบการขนส่งทางรางเท่านั้น แต่ยังมาทำหน้าที่การบริหารในระบบการขนส่งทางรางด้วย ซึ่งองค์กรขนส่งทางรางที่ทำหน้าที่บริหารการขนส่งทางราง มีกฎหมายเดิมบังคับใช้อยู่แล้ว

4.หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางรางซ้ำซ้อนกับหน้าที่และอำนาจขององค์กรอื่น โดยเฉพาะคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก เป็นความขัดแย้งในหน้าที่และอำนาจ

5.การให้กรมการขนส่งทางรางมีอำนาจเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ อาจไม่สอดคล้องกับหน้าที่ผู้กำกับดูแล (Regulator) และอาจมีผลทำให้กรมการขนส่งทางรางกลายเป็นเจ้าของโครงการการขนส่งทางรางนั่นเอง

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางรางฉบับนี้เป็นร่างกฎหมาย ที่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย และองค์กรที่เกิดขึ้น ใช้อำนาจตามร่างฉบับนี้ จะทำให้การขนส่งระบบทางรางเอื้อประโยชน์กับระบบทุน ทำให้เอกชนมาครอบครองระบบการขนส่งของไทย และยังไปทำหน้าที่แทนองค์กรการขนส่งในระบบรางที่มีอยู่เดิม เพราะองค์กรที่เกิดขึ้นนี้ จัดการได้เฉพาะทรัพย์สินในระบบรางของรัฐ แต่ไม่สามารถไปจัดการทรัพย์สินในระบบการขนส่งระบบรางของเอกชน

ด้านนายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนจะนำเรื่องนี้ไปยื่นต่อ ประธานคณะกรรมาธิการฯ เนื่องจากสภาสมควรฟังความเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อที่จะได้ดูว่า เนื้อหาสาระของร่างหลักที่คณะกรรมาธิการได้รับมา ควรจะได้รับการเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขอย่างไร เพื่อให้เกิดจุดประนีประนอมร่วมกัน และคลอดออกมาเป็นร่างพระ พ.ร.บ.การขนส่งทางรางฯ

"เนื่องจากจากการที่มีการพูดคุยกันนั้น จะมีการแยกการกำกับดูแลออกมา แต่จะมีการกำกับดูแลมากน้อยแค่ไหน จะเป็นไปได้จริงหรือไม่ หรือมีอะไรที่จะไปกระทบกับสิ่งต่างๆ หรือหน่วยงานที่มีอยู่ ก็เป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณาในรายละเอียดด้วยเช่นเดียวกัน"นายสุรเชษฐ์ กล่าว