อาละวาดหนัก! สะท้อน ‘ป่วยทิพย์’ ชั้น 14

21 ม.ค. 2568 - นพ. วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “ชั้น14ถูกตีแผ่ว่าไม่ป่วยวิกฤติ” มีเนื้อหาดังนี้

ช่วงนี้อาวะวาดหนักไป ถ้าอาละวาดแบบข้อเท็จจริง ยังพอรับได้ แต่นี่อาละวาดแบบไม่มีสำนึกแม้แต่น้อย ถึงขนาดหมอหลายคนทนไม่ได้ ช่วยกันวิเคราะห์และฟันธงว่า "ไม่ได้ป่วยวิกฤติ"

1.กลางวันวันที่ 22 ส.ค.2566 ลงเครื่องที่ดอนเมือง ท่าทางแข็งแรง ยิ่มแย้มแจ่มใส ทักทายคนที่มารับ หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการ ตามขั้นตอน

2.คืนวันที่ 22ส.ค.2566 มีอาการนอนไม่หลับ เจ็บหน้าอก ความดันสูง อ๊อกซิเจนปลายนิ้วต่ำ พยาบาลเวรได้ติดต่อขอคำแนะนำ กับแพทย์ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์

3.แพทย์ได้สอบถามอาการ และพิจารณาประวัติการเจ็บป่วย ที่รักษาจากสิงคโปร์และ สหรัฐอาหรับอีมิเรตส์ มีโรคหัวใจขาดเลือด พังผืดในปอด ความดันสูง กระดูกสันหลังเสื่อม

4.ราชทัณฑ์แจ้งว่า โรคที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษคือ"โรคหัวใจ" เนื่องจากโรงพยายาลราชทัณฑ์ยังขาดเครื่องมือแพทย์ ที่มีศักยภาพ เพื่อป้องกันความเสี่ยงอันตราย เห็นควรให้ส่งโรงพยาบาลตำรวจ

5.ราชทัณฑ์อ้างโดยแนวปฏิบัติ กรณีผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต จะส่งต่อให้ทันท่วงที ซึ่งร.พ.ตำรวจรับไว้เวลา 00.20 วันที่23 ส.ค. 2566 ซึ่งได้มีการประสานกับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจเรียบร้อยแล้ว

นี่คือละครฉากแรก เพื่อช่วยนักโทษไม่ต้องอยู่เรือนจำ โดยส่งนักโทษไปร.พ.ตำรวจ ข้อสังเกตอาการมากำเริบตอนกลางคืน ย้อนแย้งกับอาการตอนกลางวัน และอาการในปัจจุบัน ทั้งแข็งแรงและอาละวาดได้

แพทย์ที่ให้คำแนะนำคืนนั้น ทำไมไม่ไปรักษาเบื้องต้น รักษาให้สุดความสามารถ ทำไมปล่อยทิ้งผู้ป่วยที่อ้างว่าอาการวิกฤติ ถ้ามีอาการหัวใจ เจ็บหน้าอก ความดันขึ้นสูง ต้องมีการเยียวเบื้องต้น ด้วยการให้ยารักษาหัวใจและความดัน ทำไมไม่มีการรักษา

ที่สำคัญแพทย์คนนี้เป็นอายุรแพทย์ การรักษาเบื้องต้นไม่ใช่เรื่องยากลำบาก จากรายงานไม่มีการรักษาเบื้องต้น แต่ส่งตัวเลยในคืนนั้น

โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เป็นโรงพยาบาลขนาด 500 เตียง มีการแบ่งแผนกเหมือนโรงพยาบาลระดับจังหวัด การดูแลโรค 4โรค ซึ่งถือว่าเป็นโรคที่เกิดจากตามสภาพอายุ จะดูแลคนป่วยวิกฤติเบื้องต้นไม่ได้จริงหรือ

ข้อสงสัยนี่คือละครฉากแรก ในการส่งตัวหรือไม่???

6.เมื่อมาถึงร.พ.ตำรวจ แพทย์ร.พ.ตำรวจชี้แจงว่า นักโทษมีอาการแน่นหน้าอกกระทันหัน ค่าออกซิเจนต่ำ ความดันโลหิตสูง ทีมแพทย์ราชทัณฑ์ พยายามรักษาความดันสูงแต่ทำได้ไม่มาก จึงลงความเห็นให้ส่งตัวด่วนมาช่วงกลางดึก โดยไม่มีการประสานล่วงหน้า

สิ่งที่ขัดแย้งกันคือ ทางราชทัณฑ์อ้างว่าได้ประสานกับผอ.โรงพยาบาลตำรวจแล้ว แต่ทางโรงพยาบาลตำรวจบอกไม่มีการประสาน ที่สำคัญไม่มีทีมแพทย์ราชทัณฑ์มารักษาความดันสูงตามที่ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจกล่าว เพราะการรักษาความดันเบื้องต้นนั้นง่ายมาก ข้อมูลจึงขัดแย้งกัน

7. เมื่อนักโทษมาถึงโรงพยาบาลตำรวจ มีความดันสูงถึง170 มิลลิเมตรปรอท และนำตัวไปชั้น14 ทันที

ทางการแพทย์ความดัน 170 เจอได้ทั่วไป เป็นไปไม่ได้ที่แพทย์ราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นอายุรแพทย์จะรักษาไม่ได้ หรือแม้แต่การเจ็บหน้าอก ก็รักษาได้

ที่น่าแปลกใจ การส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน อย่างน้อยต้องผ่านห้องตรวจฉุกเฉิน(ER) เพื่อรักษาอาการฉุกเฉินเบื้องต้นก่อน ผู้ป่วยอาจมีอันตรายระหว่างการย้ายในโรงพยาบาล รายนี้ทำไมไม่มีรายงายว่าผ่านการรักษาฉุกเฉินที่ห้องฉุกเฉิน ซึ่งถือว่าไม่ปกติ

8.ถ้าดูข้อมูลย้อนหลัง ข้ออ้างราชทัณฑ์ที่เป็นอันตรายคือ "โรคหัวใจขาดเลือด โรคความดันสูง" แต่ปรากฏว่า ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจ ที่เป็นเจ้าของไข้ ออกใบรับรองแพทย์ กลายเป็น"แพทย์ศัลกรรม"ทั้งสิ้น ทั้งศัลกรรมสมอง ศัลยกรรมกระดูกและข้อ ศัลยกรรมตกแต่ง ทำไมไม่มีแพทย์โรคหัวใจดูแล เป็นเจ้าของไข้ หรือออกใบรับรองแพทย์ ทั้งๆที่โรงพยาบาลตำรวจมีแพทย์โรคหัวใจที่พร้อมมาก

แค่เห็นแพทย์กลุ่มศัลยกรรม มาดูแล เป็นเจ้าของไข้ ออกใบรับรองแพทย์ ผู้ป่วยโรคหัวใจ ความดันสูง ที่เป็นข้ออ้างส่งตัวด่วนกลางดึก วงการแพทย์ถือว่านี่คือละครที่ไม่เนียนเอาเสียเลย

9.ไม่นับรวมข้อมูลเก่าๆที่ถูกตีแผ่เช่น การเจาะไหล่ 4รู การทำ MRI จะไม่ทำในผู้ป่วยวิกฤติ ถือเป็นข้อห้าม รวมทั้งผู้ป่วยวิกฤติ180วันแต่แขนขาไม่ลีบ

หรือแม้แต่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทั้งกลั้นอุจจาระ กลั้นปัสาวะ และอื่นๆมีปัญหา คะแนนประเมิน 9 คะแนนจาก 20 คะแนน ทำไมแพทย์จึงให้ออกจากร.พ. ทำไมไม่รักษาให้จบก่อน

การไม่ต้องกลับเรือนจำ กลับบ้านทันที โดยราชทัณฑ์อ้างว่าเพราะอายุเกิน70 ปี ช่วยเหลือตัวไม่ได้หรือได้น้อย จึงได้รับการพักโทษกรณีพิเศษ ซึ่งขัดกับสภาพที่เห็นตอนปัจจุบัน เพราะอาการเหล่านี้ต้องเป็นอาการติดตัวระยะยาว

ยิ่งดูการอาละวาดของเขา นี่หรือคือคนที่ได้รับการพักโทษกรณีพิเศษ เพราะมีปัญหาการช่วยเหลือตัวเอง สรุปแล้วนี่คือละครลวงโลก ที่ไม่ได้ป่วยวิกฤติแต่ทำให้เหมือนป่วยวิกฤติ......ไม่เนียนครับ ถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีต้องออกมารับผิดชอบได้แล้ว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘วรงค์’ จี้เลิกหลักสูตรผู้บริหาร ชี้กลายเป็นวงเชื่อมผลประโยชน์ไม่ใช่พัฒนาประเทศ

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ควรยกเลิกหลักสูตรผู้บริหารจากหลายภาคส่วน

‘ไทยภักดี’ ลุยช่วยหาดใหญ่ แจกข้าวกล่อง 5,000 ชุด ประคองผู้ประสบภัยยังไม่ได้กินข้าว

นพ.วรงค์ หัวหน้าพรรคไทยภักดี อัปเดตสภาพชาวหาดใหญ่หลายคนยังไม่มีอาหาร ต้องพึ่งขนมปังประทังชีวิต ก่อนรวมตัวตามศูนย์พักพิงรับข้าวกล่อง เผย “โรงครัวไทยภักดี” ที่ค่ายเสนาณรงค์ เร่งผลิตวันละ 5,000 กล่อง

‘เสรีพิศุทธ์’ จัดเต็ม ‘ทักษิณ’ ยังไม่สิ้นกรรม แฉลึก...ศึกสีกากี

กลายเป็นเรื่องที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมาก กับการออกเปิดโปง-แฉข้อมูลเรื่องตำรวจรับผลประโยชน์ รับส่วยจากเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์

'ภูมิใจไทย'โชว์พร้อมยุบสภา 'ทักษิณ'ถูกสกัด-'พท.แพแตก'

การเมืองเวลานี้ต้องจับตาว่าจะมีการเลือกตั้งตาม MOA ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ที่กำหนดวันเลือกตั้งไว้วันที่ 31 มกราคม 2569 เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งใหญ่หรือไม่

พูดแบบนี้ได้ยังไง! อดีตลูกจ้างวอยซ์ ลั่นไม่เห็นใจทักษิณ หลังคดี 112 ถูกอุทธรณ์

อินฟลูเอนเซอร์สายการเมือง และอดีตพิธีกรข่าววอยซ์ทีวีของตระกูลชินวัตร แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อออนไลน์ หลังอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ข

‘ปลื้ม’ ถอดบทเรียนทักษิณ ต้องรู้จักแพ้-รู้จักหมอบ ถ้ามีแผลก็อย่าซ่า

หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล ไลฟ์ “บทเรียนที่แสนแพง” ชี้ชีวิตการเมืองไม่สวยหรู เด็กต้องเรียนรู้การพ่ายแพ้ เก็บข้าวของกลับบ้าน และรู้ว่าถ้ามีแผลในสารบบศาบ แผลนั้นพร้อมเหวอะทันทีเมื่อถูกเชือด ระบุซ่าได้ต่อเมื่อไม่มีแผล