'เทพไท' ชี้ 7 ข้อดีอภิปรายเด็ดหัวแม่ทัพอิ๊งค์คนเดียว

27 ก.พ.2568 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาในหัวข้อ “พรรคส้มคิดถูก ถล่มอุ๊งอิ๊งคนเดียว” ผมเพิ่งทราบข่าวว่า พรรคประชาชนพลิกเกมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจใหม่ จากเดิมเป็นการญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล มาเป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว โดยให้เหตุผลว่า ข้อสอบรั่ว ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหลุดไปอยู่ในมือของบุคคลภายนอก ในลักษณเกลือเป็นหนอน จึงเปลี่ยนแผนใหม่มาเป็นการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธารเพียงคนเดียว

ถ้าหากเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริง ก็เป็นเรื่องดีทำให้เรื่องร้ายกลับกลายเป็นเรื่องดีขึ้นมาแต่ส่วนตัวเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเกมสับขาหลอกของพรรคประชาชน และทำได้แนบเนียนมาก จนทำให้หลายคนหลงประเด็นคิดว่า จะมีการอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล มีผู้ถูกอภิปรายจำนวนหลายคน แต่เมื่อหักมุมมาเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว แบบเวทีนี้ไม่มีพี่เลี้ยง จะถูกใจคอการเมืองมากที่สุด

ผมเชื่อว่าการอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว จะเกิดผลดีทางการเมืองต่อพรรคประชาชน 7 ประการ คือ

1.เป็นการล็อกเป้าอภิปรายตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว รู้ว่ายังอ่อนหัดอยู่ ตอบคำถามการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ ก็จะตกม้าตายกลางสภา พรรคฝ่ายค้านสามารถขึงพืด ถลกหนังได้อย่างเต็มที่

2.สามารถอภิปรายเชื่อมโยงไปถึงตัวนายทักษิณได้อย่างเต็มที่ ถ้าญัตติไม่ไว้วางใจมีประเด็นเกี่ยวกับการครอบงำรัฐบาลของบุคคลภายนอก และการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อประโยชน์ให้กับครอบครัวชินวัตร ซึ่งสามารถอภิปรายได้ ถ้าหากมีการเขียนไว้ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย

3.ลบภาพพรรคประชาชนซูเอี๋ยกับพรรคเพื่อไทย มีดีลฮ่องกงกัน ระหว่างผู้นำจิตวิญญาณทั้ง2พรรค ทำให้สังคมกล่าวหาว่า พรรคประชาชนเป็นพรรคฝ่ายค้านไม่จริง เป็นพรรคฝ่ายคอยไม่ใช่พรรคฝ่ายค้าน

4.สร้างความหวาดระแวงในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ถ้าอภิปรายดี มีหลักฐานชัด สามารถกดดันพรรคร่วมรัฐบาลไม่ยกมือไว้วางใจได้ โดยไม่ต้องพะวักพะวงกับการยกมือให้กันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลอื่น

5.เมื่อพรรคฝ่ายค้านขอเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ 5 วัน แต่ฝ่ายวิปรัฐบาลให้ เวลาการอภิปรายเพียง 2 วันเท่านั้น เมื่อพุ่งเป้าอภิปรายตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ก็สามารถชำแหละได้อย่างเต็มที่ในระยะเวลา 2 วัน

6.เมื่อมีการอภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ก็สามารถคัดผู้อภิปรายคนสำคัญ และมีทีเด็ดในการนำเสนออภิปรายได้อย่างมีคุณภาพ สามารถอภิปรายถล่มได้อย่างแบบถึงพริกถึงขิง

7.การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เป็นการสู้กันทางการเมืองในเวทีสภาผู้แทนราษฎรแบบตัวต่อตัว ใครดีใครอยู่ จะเป็นที่ถูกใจ กลุ่มฮาร์ดคอร์ หรือพวกซาดิสม์ทางการเมือง รวมถึงกองเชียร์ด้อมส้ม ที่ต้องการเห็นการแตกหักทางการเมืองระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทย

ถ้าจะให้ประเมินผลดี ผลเสียของการอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว กับการอภิปรายรัฐมนตรีรายบุคคลหลายคน ผมเห็นว่าการอภิปรายนายกรัฐมนตรีคนเดียวเข้าเป้ากว่า และมีผลได้เสียทางการเมืองมากกว่า ตามหลักยุทธวิธีการทหาร ต้องเด็ดหัวแม่ทัพให้ได้ก่อน ไพร่พลก็จะแตกกระสานซ่านเซ็นไปเองโดยปริยาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชูวิทย์' งง 'พรรคส้ม' ย้อนแย้ง กับความฝันเรื่องการเมืองใหม่ แต่กลับไปได้ของเก่ากว่าเดิม

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตส.ส.และอดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ความย้อนแย้งของการเมืองใหม่

อดีตพรรคส้มโวย ถูกถอดชื่อว่าที่ผู้สมัคร สส. รับไม่ได้ลาออกทันที

อดีตสมาชิกพรรคประชาชน จ.กระบี่ เปิดใจ หลังถูกถอดชื่อออกจากบัญชีว่าที่ผู้สมัคร สส. ทั้งที่ประกาศชื่อผ่านสื่อแล้ว ชี้คำอ้างผิดพลาดฟังไม่ขึ้น ลาออกพรรค พร้อมเตรียมซบพรร

‘ทหารมีไว้ทำไม’ คำถามเก่าที่ตามหลอนพรรคส้ม!

สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้บทบาทกองทัพและประเด็นความมั่นคง กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอย่างชัดเจน

'อนุทิน' ยังนิ่ง! ไม่ตอบโต้ 'เท้ง' ปิดประตูร่วมรัฐบาลกับภูมิใจไทย

"อนุทิน" บอกหลังเลือกตั้งพร้อมจับมือกับพรรคที่สร้างประโยชน์ให้บ้านเมือง ไม่อยากพูดก่อน ผลลต.ออก เดี๋ยวทำไม่ได้ใครพูดก่อนต้องกลืนน้ำลาย