'กมธ.มาตรฐานการก่อสร้าง' เผย พบ 7 ข้อสังเกต ต้นตอตึกถล่ม ตั้งคำถามเพิ่ม หากเกิดกับหน่วยงานอื่น จะให้คำแนะนำอย่างไร-ไม่พบความปิดปกติ' หรือ 'ปลอดประสพ' ย้ำ 'ผู้ว่า สตง.' เป็นผู้นำต้องมาเอง บอก ขี้เกียจ หาเหตุผลที่ไม่ยอมเข้าแจง ชี้ ถ้าไม่มาอีก จะตามถึงบ้าน
7 พฤษภาคม 2568 - ที่รัฐสภา นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง มาตรฐานความปลอดภัย การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างอย่างเป็นระบบ แถลงภายหลังการประชุม ซึ่งมีการเชิญ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย, อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งติดภารกิจไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ จึงได้ส่งนายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
โดยนายปลอดประสพ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งหน้าคงต้องมีการเชิญ สตง.มาอีกครั้ง โดยเฉพาะ ผู้ว่า สตง.มาเอง และอาจรวมถึงอดีต ผู้ว่า สตง.ด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ผู้บริหารในปัจจุบันบางคนไม่รู้เรื่อง โดยเราพบ 7 ข้อหลัก ดังนี้ 1.ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องย้ายสถานที่ก่อสร้างจากจังหวัดปทุมธานี มาที่เขตจตุจักร ข้อกล่าวอ้างเพื่อป้องกันน้ำท่วมนั้น ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฟังได้ เนื่องจากอาคารของหลายหน่วยงานที่อยู่บริเวณนั้น ก็สร้างเขื่อนรอบๆ ได้ สามารถอยู่กันมาถึงทุกวันนี้ ถ้าวันนั้น สตง.ได้ถามผู้รู้ก่อน ก็จะได้รับคำแนะนำ ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องย้าย เป็นความคิดที่ผิด และก่อให้เกิดปัญหา
2.เมื่อมีการย้ายมาที่ใหม่ ก็ต้องเสียงบประมาณในการออกแบบถึง 2 ครั้ง ซึ่งในครั้งที่ 2 มีราคาแพงกว่าเดิม
3.สตง.ไม่มีความรู้ทางเทคนิคด้านวิศวกรรมเลย คล้ายทำเองคิดเองตัดสินใจเอง โดยไม่มีหน่วยงานด้านวิศวกรรมของรัฐบาล อย่างกรมโยธาธิการและผังเมือง หรือแม้แต่มหาวิทยาลัยเข้าไปช่วย ดังนั้น เมื่อบริษัทก่อสร้าง บริษัทออกแบบ บริษัทควบคุมการก่อสร้าง ว่าอย่างไร ก็ต้องเชื่อตามนั้น
4.ต้องเพิ่มบทบาทของกรมโยธาธิการและผังเมือง มาเป็นผู้กำกับ และควบคุม
5.พบช่องว่างระหว่างการทำงานมากเป็นอย่างยิ่งตลอดการดำเนินการ ซึ่งช่องว่างเหล่านั้น ก็คือสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ ดังนั้น จึงควรจำเป็นต้องอุดช่องว่างเหล่านี้ให้ได้
6.ตามพระราชบัญญัติการควบคุมอาคาร จะต้องถูกรื้อใหม่หมด รวมถึงกฎกระทรวงต่างๆ หลายฉบับที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ไม่ทันสมัยเพียงพอแล้ว ซึ่งต้องมีการแก้ และปฏิรูป ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้
และ 7.พบว่าการคัดเลือกบริษัทออกแบบ และบริษัทควบคุมการก่อสร้าง ใช้มาตรฐานไม่เท่ากัน เพราะให้น้ำหนักกับบริษัทออกแบบมาก ถึง 30% ในขณะที่บริษัทควบคุมการก่อสร้าง ที่ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย ได้รับการใส่ใจน้อยกว่า คือ 10% ในรื่องประสบการณ์ ทั้งที่ความจริงแล้ว ทั้งสองอย่างข้างต้น จะต้องเท่ากัน
สำหรับสิ่งที่มีการถามเพิ่มไป 2 ข้อคือ 1.สมมุติว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับหน่วยราชการอื่น สตง.จะมีการให้คำแนะนำอย่างไร 2.ระหว่างการก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่พบสิ่งปกติเลยหรือ จึงสอบถามไปว่า หากพบสิ่งผิดปกติควรทำอย่างไร เพราะสิ่งที่เห็นชัดเจนคือการแก้ไขแบบ อย่างเช่น การเปลี่ยนตำแหน่งปล่องลิฟต์ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ สตง.ไม่ควรคิดเองคนเดียว แต่ควรหารือกับหน่วยงานราชการอื่นเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่ทราบว่าทำไมถึงเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก ที่สุดท้ายแล้วมันกลายเป็นเรื่องใหญ่
ด้านนายนิกร จำนง ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ตนยังคาใจเรื่องการกำหนดริกเตอร์ สำหรับการรับแรงแผ่นดินไหวของตึก เมื่อ 35 ปีที่แล้ว ได้กำหนดไว้ที่ 6 ริกเตอร์ โดยออกเป็นกฎกระทรวง แต่การตรวจสอบครั้งนี้ มีกฎกระทรวงที่ยึดถือ 6 ฉบับ มีเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยของแผ่นดินไหว แต่การตรวจสอบมีปัญหา
"มีการตรวจ มีการทัก เมื่อมีการตรวจสอบ และพบสิ่งผิดปกติทาง สตง. ก็ได้สอบถามไปยังกรมโยธาฯ แต่กรมโยธาฯ ได้บอกมาแค่ว่า ให้ใช้แบบที่ปลอดภัยที่สุด ไม่มีทางเลือกอื่น และจากการตรวจสอบ ไม่มีการชี้ว่า อาคารหลังนี้ปลอดภัยจากเหตุแผ่นดินไหว แต่ผู้ตัดสินใจว่าปลอดภัย คือบริษัทผู้รับเหมา ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ ดังนั้น กฎกระทรวงต่างๆ ที่ออกมา เป็นเพียงการถามไปตอบมา และไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน" นายนิกร กล่าว
ขณะที่นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม.พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวย้ำถึงข้อสังเกตข้างต้น ว่า มีการใช้งบประมาณซ้ำ 2 ครั้งในการออกแบบอาคาร และเปลี่ยนเปอร์เซ็นต์สัดส่วนของบริษัทออกแบบและบริษัทควบคุมการก่อสร้าง ทั้งยังมีการทำสัญญาเช่าที่ดิน ที่กินระยะเวลายาวนาน เป็นเงินกว่า 700 ล้านบาท จึงต้องเน้นย้ำถึงจุดประสงค์ของการประชุมคณะกรรมการธิการฯ ในครั้งนี้ เพื่อแก้ไขระเบียบ ในภาพรวมของการก่อสร้างอาคาร ซึ่งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร หรือ พ.ร.บ.สภาวิศวกร
เมื่อถามถึงกรณีที่ รองผู้ว่า สตง. ระบุ ผู้ว่า สตง. มาที่อาคารรัฐสภา ในภารกิจราชการลับ แต่กลับไม่มาชี้แจงในคณะกรรมาธิการฯ นายปลอดประสพ กล่าวว่า ไปแต่งตัวมาใหม่ ครั้งหน้าอย่างไรก็ต้องมา เมื่อถามย้ำว่าที่ไม่มาเพราะข้อมูลไม่ครบ หรือไม่พร้อมชี้แจงหรือไม่ นายปลอดประสพ ระบุว่า ขี้เกียจเดา อย่างไรก็ต้องมา ต้องรับผิดชอบ เป็นผู้นำต้องมาตอบเอง ตนเองบอกไปแล้ว ให้ลูกน้องมาตอบ ตนเองรับได้ในครั้งที่หนึ่ง แต่อย่างไรก็ต้องมาตอบ เพราะเป็นบทบาทของผู้นำและเรื่องจริยธรรม
ส่วนหากในครั้งหน้าไม่มาจะทำอย่างไร ก็คงต้องไปเจอที่บ้าน ไม่เห็นยากเลย เรื่องนี้มีความผิดพลาดแน่นอน ไม่งั้นตึกคงไม่พัง คนคงไม่ตาย ไม่ต้องไปโทษฟ้าโทษดิน ต้องทำเพื่อให้ลูกหลานข้างหน้า อยู่ได้อย่างปลอดภัย
ภายหลังการชี้แจงคณะกรรมาธิการฯ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม รองผู้ว่า สตง.ว่า สรุปแล้ว ผู้ว่า สตง. ติดภารกิจอะไร จึงไม่เดินทางมา โดยรองผู้ว่า สตง. ยืนยันว่า ผู้ว่า สตง. ติดภารกิจลับ ที่สภาฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในจังหวะแรกที่รองผู้ว่า สตง. เข้าใจผิดว่า สภาฯ คือทำเนียบรัฐบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ปลอดประสพ’ คาใจการทำงานของ ‘อนุทิน’ เกทับสู้ตัวเองสมัย สึนามิ-น้ำท่วมใหญ่ภาคกลางไม่ได้
ปลอดประสพ สุรัสวดี แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความว่าน้ำท่วมหาดใหญ่ มีเรื่องค้างคาใจ ผมเป็นรัฐมนตรีที่ผ่านภัยพิบัติใหญ่ที่แสนวิ
ดร.ปลอดฯ เหน็บรัฐบาลจัดการน้ำท่วมเหลว แนะ 9 ข้อเสนอทำเหมือนยุคยิ่งลักษณ์
ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก หาดใหญ่ ล่มอีกแล้ว ไม่มีข้าวกินด้วย
ถนนยุบไม่คืบหน้า! กมธ. ซัดผู้รับเหมาดังไม่เข้าชี้แจง ปกปิดข้อมูล พบอุโมงค์ทรุดเพิ่ม
"ปลอดประสพ" ฉุนจัด ขู่ฟ้องผู้รับเหมาดัง อ้าง "ติดหน้างาน" เมินคำเชิญให้ข้อมูลต่อกมธ. ปกปิดข้อมูลถนนสามเสนยุบ พบ อุโมงค์แตกทรุดเพิ่ม 25 เมตร เตือนประชาชนเลี่ยงเส้นทาง
ดร.ปลอดฯ ออกโรงคนไม่รู้เรื่อง MOU 43 และ 44 หยุดพูดดีกว่า
ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก MOU 43 และ 44 ขอให้ผู้รู้พูดจะดีกว่าไหม
'ปลอดประสพ' สุดงง! ถกปัญหาถนนยุบ หน่วยงานยังชี้แจงสาเหตุไม่ได้
ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่า มึนครับ ยังหาสาเหตุดินถล่มไม่ได้ คณะกรรมมาธิการวิสามัญศึกษายกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง และความปลอดภัยฯ ได้เชิญ กทม. การประปาฯ รฟม
'แก้วสรร' แพร่บทความ 'ซอฟต์พาวเวอร์….เจอซักฟอก!!!'
นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ออกบทความในรูปแบบถาม-ตอบ เรื่อง "ซอฟต์พาวเวอร์….เจอซักฟอก!!!" โดยระบุว่า


