
'อ.ดุลยภาค' แนะรัฐไทยควรมียุทธศาสตร์โต้กลับกัมพูชาอย่างจริงจังได้แล้ว หันหน้าเข้าสู่โลกการเมืองแบบ 'แมคคิเวลเลียน' พร้อมสู้กลับอย่างมีชั้นเชิง ชี้ 'ฮุนเซน' ไม่เคยคิดสร้างสันติภาพกับรัฐเพื่อนบ้าน ไม่สามารถเปลี่ยนวิธีคิดเขาได้
4มิ.ย.2568 - รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิภาคศึกษา และอาจารย์ประจำสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า
รัฐไทยควรมียุทธศาสตร์โต้กลับกัมพูชาอย่างจริงจังได้แล้ว! หันหน้าเข้าสู่โลกการเมืองแบบแมคคิเวลเลียน พร้อมสู้กลับอย่างมีชั้นเชิง
วันนี้ เห็นกันชัดแล้วว่าสิ่งที่กัมพูชากำลังดำเนินการ ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนทั่วๆไป แต่เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าและเป็นการเสริมสร้างยุทธศาสตร์กดดันไทยในหลายมิติ กล่าวคือ กัมพูชาใช้เครื่องมือสารพัดชนิด ทั้งการทูต กฎหมายและปฏิบัติการทางวัฒนธรรมเพื่อรุกคืบผนวกดินแดนไทยหรือเปิดแนวรบหลายช่องทางเพื่อให้รัฐกัมพูชาได้อาณาเขตเพิ่ม นับเป็นเป้าหมายสูงสุดของรัฐบาลฮุน เซน – ฮุน มาเนต
รัฐบาลพนมเปญ มุ่งหวังให้กัมพูชามีอำนาจรัฐเพิ่มขึ้น การได้ดินแดนเพิ่มและการเอาชนะไทยไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด จะทำให้พรรคประชาชนกัมพูชามีคะแนนนิยมพุ่งสูงขึ้นและก็ทำให้อำนาจรัฐกัมพูชาเติบใหญ่สยายปีก
ฮุน เซน ไม่ได้ยึดถืออุดมการณ์อะไรที่แน่ชัด นอกจากผลประโยชน์ชาติที่ต้องเติบโตควบคู่ไปกับผลประโยชน์ของเขา ตลอดจนผลประโยชน์ของพรรคและรัฐบาล ฮุน เซน ใช้หลักปฏิบัตินิยม (Pragmatism) เป็นแนวทางดำเนินนโยบายภายในและนโยบายต่างประเทศ เขามีวิธีคิดที่อิงกับผลที่เกิดขึ้นจริงมากกว่ายึดติดตามทฤษฎี เขามักพริ้วไหวผสมบิดพลิ้วเสมอเพื่อตอบสนองต่อความจริงที่ผันแปรไปตามสถานการณ์ รวมถึงต่อพลวัตของอำนาจและผลประโยชน์ (มากกว่าจะยึดติดกับคำมั่นสัญญาหรือหลักการข้อตกลงใดๆ)
ฮุน เซน เชื่อมั่นในตัวเองเสมอว่าเขาคือสถาปนิกผู้สร้างสันติภาพแห่งรัฐกัมพูชา เขามีบทบาทสำคัญในการทุเลาสงครามกลางเมืองในกัมพูชาและปลดอาวุธกองกำลังเขมรแดง แต่เขาไม่เคยคิดสร้างสันติภาพกับรัฐเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืนเป็นจริงเป็นจังเลย โดยในห้วงที่ผ่านมาและล่าสุดนี้ ฮุน เซน ใช้ถ้อยคำที่ยั่วยุกดดันคนไทยอย่างหนักหน่วงหลายแง่มุม สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่พฤติกรรมของนักสร้างสันติภาพ แต่เป็นพฤติกรรมของนักฉวยโอกาสที่ไม่เห็นคุณค่าของสันติภาพในภูมิภาคอย่างแท้จริง
ประเทศไทย ณ วันนี้ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของฮุน เซน ตลอดจนฝ่ายการเมือง กองทัพและประชาชนชาวกัมพูชาได้ เราจึงไม่มีวิธีการอื่นนอกจากต้องป้องกันตนเองและตอบโต้ให้ถึงที่สุดหากกัมพูชาคิดจะรุกล้ำอธิปไตยของเรา
แต่การต่อสู้กับกัมพูชาที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมอุบายมารยาทางการเมืองการทูต ไทยต้องมีบุคลิกภาพแบบแมคคิเวลเลียนบ้าง ต้องใช้ “Machiavellianism” มาเป็นประโยชน์ในการรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ กล่าวคือ ไทยต้องแสดงอำนาจอย่างสง่างามและผดุงเกียรติยศแห่งรัฐไว้ดุจดั่งราชสีห์ แต่ก็ต้องมีเล่ห์กลที่พลิกแพลงแบบมีพลวัตดุจสุนัขจิ้งจอกด้วย นักการเมืองไทยที่กุมอำนาจรัฐไว้ในมือ จักต้องโต้แย้งข้อกล่าวหาของกัมพูชาอย่างรวดเร็ว ไม่ตอบแทนบุญคุณผู้อื่น และต้องพูดในสิ่งที่คนไทยอยากได้ยินบ้าง
ทำเนียบรัฐบาล กองทัพและกระทรวงการต่างประเทศ ตลอดจนสื่อมวลชนและประชาชนคนไทย ควรช่วยกันประท้วงตอบโต้พฤติกรรมที่ยั่วยุของกัมพูชาบ้าง โดยมีประเด็นหลัก เช่น
ในการทำจดหมายประท้วง ไทยไม่ควรแค่ตอบโต้ไปที่รัฐบาลพนมเปญอย่างเดียว แต่ควรเปิดโปงพฤติกรรมของกัมพูชาในเวที ASEAN หรือเวทีที่เหมาะสมอื่นๆควบคู่กันไปด้วย ประเด็นที่ควรตอบโต้กัมพูชาหลักๆ ก็มีหลายอย่าง เช่น กัมพูชาควรพิสูจน์ข้อมูลให้โปร่งใสด้วยว่าทหารกัมพูชาได้ละเมิดกรอบ MOU 43 ใช่หรือไม่ โดยกัมพูชาตั้งใจเข้ามาขุดคูเรทหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างทางทหารในพื้นที่สันติภาพหรือแม้กระทั่งในพื้นที่ที่ลึกเข้ามาในดินแดนของไทยใช่หรือไม่ ปัจจุบัน กัมพูชายังคงพิสูจน์เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ หากแต่ได้พยายามข้ามเรื่องนี้และข้ามกลไกเจรจาอย่างจริงจังใน JBC โดยดันเรื่องเข้าสู่ศาลโลกไปเลยพร้อมๆกับกล่าวหาว่าไทยเป็นผู้รุกราน ซึ่งถือว่าข้ามขั้นตอนของการบริหารจัดการความขัดแย้งไปมาก และส่อเจตนาที่จะทำให้เกิดความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยไม่จำเป็น
การที่ฮุน เซน อ้างกรรมสิทธิ์ว่าช่องบกและสามเหลี่ยมมรกตเป็นของกัมพูชาแต่ฝ่ายเดียว ถือเป็นมุมมองที่เป็นอันตรายยิ่งต่อการดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับเพื่อนบ้าน เพราะสามเหลี่ยมมรกตในส่วนที่เป็นดินแดนของไทย ประเทศไทยก็ได้ครอบครองโดยเปิดเผย สันติและต่อเนื่องมานานแล้ว แถมบริเวณแถบนั้นยังเป็นพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจร่วมที่ติดกับประเทศลาว การที่ ฮุน เซน มุ่งเจตนาหมายมั่นจะให้สามเหลี่ยมมรกตเป็นเขตครอบครองของกัมพูชาแต่ฝ่ายเดียว จึงกระทบต่อลาวและกิจกรรมพัฒนาเศรษฐกิจในอินโดจีนโดยรวมด้วย
นอกจากนั้น ไทยควรเปิดโปงพฤติกรรมที่ยั่วยุของกัมพูชาที่ผ่านมา เช่น ในศึกปราสาทเขาพระวิหารเมื่อปี พ.ศ.2554 แค่ระยะแรกเริ่มของการปะทะตามแนวพรมแดนเท่านั้น ทหารเขมรก็ได้ยิงจรวด BM 21 เป็นห่าฝนเข้ามาถล่มพื้นที่อยู่อาศัยของประชาชนในฝั่งไทยอย่างรุนแรงรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นการใช้อาวุธหนักที่ก่ออันตรายต่อพลเรือนในรัฐเพื่อนบ้านและถือเป็นการโจมตีที่ไม่รับผิดชอบต่อเป้าหมายพลเรือนผู้บริสุทธ์ ซึ่งในครานั้น ถ้าทหารไทยไม่เร่งตอบโต้ด้วยปืนใหญ่ เราแทบคาดการณ์ไม่ออกเลยว่าประชาชนคนไทยจะต้องสูญเสียชีวิตทรัพย์สินไปมากแค่ไหน มาวันนี้ กัมพูชาก็เร่งติดตั้งจรวด BM-21 เข้าประชิดชายแดนไทยเรียบร้อยแล้ว จึงสุ่มเสี่ยงนัก หากจู่ๆกัมพูชาใช้อาวุธร้ายแรงนี้ยิงใส่ทำร้ายคนไทยแบบห่าฝนเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งนับเป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพของประชาชนในภูมิภาค ดังนั้นพฤติกรรมเหล่านี้ของทหารกัมพูขาต้องถูกเปิดโปงป้องปรามเอาไว้บ้าง
อนึ่ง เมื่อผู้บัญชาการทหารบกของไทยและกัมพูชา ได้ตกลงที่จะยุติความความรุนแรงในพื้นที่ต่อกันเมื่อไม่กี่วันมานี้ ฝ่ายไทยได้ออกข้อสรุป 3 ข้อ แต่กัมพูชาออกข้อสรุป 4 ข้อ โดยเพิ่มข้อ 4 เข้ามา ซึ่งระบุว่า กัมพูชาจะไม่ถอย หรือ ยืนหยัดโดยปราศจากอาวุธในจุดที่เกิดความขัดแย้ง เนื่องจากนั่นคือจุดที่ฝ่ายกัมพูชาได้ยืนหยัดมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการวัดและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างกัมพูชาและไทยเมื่อปี พ.ศ. 2543 ในจุดนี้ ทางการไทยก็ควรประท้วงให้หนักแน่นเข้าไปด้วย ซึ่งพฤติกรรมนี้ของกัมพูชาอาจเป็นการละเมิด MOU 43 และไม่ใช่พฤติกรรมที่จริงใจของประเทศที่เคารพหลักสันติภาพ ทั้งนี้เพราะถ้าหากผลในที่ประชุม ผบ.ทบ. ทั้งสองฝ่าย มีการสรุปไว้ 3 ข้อจริงๆ แล้วต่อมากัมพูชาได้ไปเพิ่มข้อ 4 เข้ามาทีหลัง ก็นับเป็นพฤติกรรมที่บ่งชี้ถึงความไม่จริงใจ เชื่อถือไม่ได้และสะท้อนบุคลิกภาพแบบแมคคิเวลเลียนที่เข้มข้นน่ากลัวจนเกินไปจนก่ออันตรายต่อสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไทยจะต้องประณามพฤติกรรมเหล่านี้ของกัมพูชาในเวทีระหว่างประเทศบ้างและต้องรู้จักสำแดงกลยุทธ์ในแนวทางแมคคิเวลเลียนเช่นกัน มิเช่นนั้นแล้ว ไทยจะเสียเปรียบกัมพูชา เพราะเรามีเล่ห์เหลี่ยมการทูตที่ห่างชั้นกับกัมพูชามากเกินไป แต่ขณะเดียวกัน ไทยก็ไม่ควรเดินเกมแบบแมคคิเวลเลียนในลักษณะที่ลงลึกเข้มข้นเหมือนกัมพูชานัก เพราะเราควรเก็บแต้มต่อเรื่องจริยธรรม/ศีลธรรมไว้เพื่อผดุงเกียรติยศโอบอุ้มศักดิ์ศรีของเราและของประเทศอื่นด้วย
นับตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ ฮุน เซน เดินเกมแบบแมคคิเวลเลียนอย่างเต็มตัว แต่กลยุทธ์แบบนี้ก็ทำให้นิสัยใจคอของกัมพูชาโน้มเอียงเข้าสู่เล่ห์กลแบบสุนัขจิ้งจอกที่มากจนเกินงาม ส่วนไทยนั้น เราควรเข้าสู่โลกการเมืองระหว่างประเทศแบบแมคคิเวลเลียนได้แล้ว แต่ขอให้เป็นดั่งราชสีห์ผสมจิ้งจอกแบบลงตัวมีสมดุล ถ้าเราปรับประยุกต์บุคลิกภาพแบบนี้ได้บ้าง เราก็จะทันเกมเขมรและสามารถต่อสู้กับเขมรได้เผ็ดร้อนสมน้ำสมเนื้อขึ้น แต่ทว่า เราก็ยังเหลือพื้นที่ไว้สำหรับสันติภาพและจริยธรรมเพื่อให้ชาวโลกได้ชื่นชม
การเล่นประเด็นสันติภาพ ถือเป็นเรื่องที่สากลโลกยอมรับในหลักการ การเดินนโยบายต่างประเทศและนโยบายป้องกันประเทศของไทย ถ้าเดินไปตามกรอบครรลองนี้ ย่อมมีผู้สรรเสริญยกย่อง กระนั้นก็ตาม ถ้าเราท่องบทสันติภาพอย่างเดียว โดยไม่มียุทธศาสตร์และกลยุทธ์โต้กลับเขมรอย่างจริงจัง กัมพูชาก็จะไม่หวาดกลัวและรุกคืบไล่บี้ดินแดนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ มิหนำซ้ำ ยังทำให้ไทยมีอำนาจน้อยลงในระเบียบภูมิรัฐศาสตร์โลกอีก เพราะฉะนั้นแล้ว ไทยจึงควรโต้กลับเขมรบนหลักแมคคิเวลเลียนบ้าง เพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติและป้องปรามพฤติกรรมของรัฐเพื่อนบ้านที่ก่อกระทบต่อสันติภาพในภูมิภาค
ดุลยภาค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แก้วสรร' แพร่บทความ หนุนใช้ MOU 43 ปักปันเขตแดน 'ไทย-กัมพูชา'
แก้วสรร อติโพธิ นักกฎหมาย นักวิชาการ เผยแพร่บทความเรื่อง "งานปักปันเขตแดน..เพื่อแก้ปัญหาความมั่นคงชายแดน ไทย-กัมพูชา" มีเนื้อหาดังนี้
'ปิยรัฐ' เผย กมธ.ศึกษาเอ็มโอยู 2543 จบแล้วคาดต้น ธ.ค.สรุปได้ทั้ง 2 ฉบับ
'โฆษก กมธ.MOU43-44' เผย ศึกษา MOU43 เสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปยกเลิกหรือไม่ ชี้ไม่มีระบุข้อมูลแผนที่ 1:200,000 มองยกเลิกได้ยาก คาดต้นเดือน ธ.ค.ได้ข้อสรุป
‘นิพิฏฐ์’ ชี้ข้อตกลงที่ย้อนแย้งและหลอกลวงประชาชน คือความ ‘น่ากลัว’ ของภูมิใจไทย
นาย นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง โพสต์ข้อความว่า ข้อตกลงที่ย้อนแย้งและหลอกลวงประชาชน
กลุ่มชาติพันธุ์ชายแดนไทย-เมียนมา ร่วมออกแถลงการณ์ แสดงความอาลัยต่อการสวรรคต
กองกำลังชาติพันธุ์ตามชายแดนไทย-เมียนมา และรัฐบาลเอกภาพชาติของเมียนมา รวมถึงกองกำลังอื่นๆอีกบางส่วน ร่วมออกแถลงการณ์แสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของสมเด็จพระพันปีหลวง
ขำไม่ออก! มาริษบอกรัฐบาลฉีก MOU43-44 ได้ ด้วยมติ ครม.
'มาริษ' ชี้รัฐบาลฉีก MOU43 และ 44 เองได้ ด้วยมติ ครม.ไม่ต้องผลักภาระโยนให้ ปชช.ออกเสียงประชามติ - ชี้! ต้องรับผิดชอบผลเสียที่จะตามมา หลังกองทัพ-กต.ใช้ประโยชน์จาก MOU เป็นกรอบเจรจา
'ปานเทพ' ย้ำ ครม.ยกเลิก 'MOU 43' ได้ไม่ต้องทำประชามติ
'ปานเทพ' ยันต้องยกเลิก 'MOU 43' เพื่อปกป้องอธิปไตย ชี้ ครม.สามารถทำเองได้ โดยไม่ต้องประชามติ มั่นใจไม่มีข้อตกลงนี้ กัมพูชาก็ลากไทยขึ้นศาลโลกไม่ได้ แนะควรปิดด่านบีบเข้ากรอบเจรจาใหม่


