15 พันธมิตรจับมือ MOU เดินหน้าปี 2568 รณรงค์ลด 'ขยะอาหาร' จุดประกายสู่อนาคตไทยยั่งยืน

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศให้ปี 2568 เป็น “ปีแห่งการเริ่มต้นรณรงค์ลดขยะอาหาร” เดินหน้าขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายย่อย 12.3 ด้วยพลังความร่วมมือจาก 15 ภาคีองค์กร การประกาศในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงจุดยืนของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการลดขยะอาหาร แต่ยังถือเป็นก้าวสำคัญในการนำพาประเทศเข้าสู่ ทศวรรษแห่งการลงมือทำ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกับประชาคมโลกในห้วงเวลาที่เหลือ

26 มิถุนายน 2568 - ณ ห้องประชุมศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 12 จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 12 ของประเทศไทย ประเด็นการลดขยะอาหาร พร้อมประกาศให้ ปี พ.ศ. 2568 เป็น “ปีแห่งการเริ่มต้นรณรงค์ลดขยะอาหารอย่างเป็นรูปธรรม” เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายย่อยที่ 12.3 ภายในปี 2573 โดยมีองค์กรภาคี 15 หน่วยงานเข้าร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ

นางชญานันท์ ภักดีจิตต์ เลขาธิการ สผ. เป็นผู้กล่าวรายงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมแขกผู้มีเกียรติจำนวน 200 คนร่วมเป็นสักขีพยาน

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวเปิดงานโดยย้ำถึงความเร่งด่วนของปัญหาขยะอาหาร ซึ่งไม่ใช่แค่ประเด็นระดับประเทศ แต่เป็นวิกฤตระดับโลกที่ทุกภาคส่วนต้องตระหนักและร่วมมือกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อประเทศไทยมีสัดส่วนขยะอาหารเฉลี่ยต่อคนต่อปีมากเป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชีย และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในขณะที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มลดลง สร้างภาระทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมุ่งเน้นว่าการลดขยะอาหารไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือภารกิจร่วมของทุกคน โดยตั้งเป้าให้ปี 2568 เป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนเชิงรุกอย่างจริงจัง ด้วยพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หยุดขยะอาหารให้กลายเป็นอดีต ร่วมต่ออนาคตของประเทศไทยสู่วิถีการบริโภคอย่างยั่งยืน

เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้กล่าวรายงาน กล่าวว่า การลงนามครั้งนี้ถือเป็นการเปิดตัวความร่วมมือจากองค์กรนำร่อง ที่จะเป็นแรงผลักดันสำคัญให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ทั้งในแง่การประชาสัมพันธ์ สร้างความตระหนัก และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการลดขยะอาหารที่เป็นรูปธรรม ความร่วมมือในระยะเริ่มต้นจะเน้นไปที่ การประชาสัมพันธ์ สื่อสารสาธารณะ และการรณรงค์เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคและผู้ประกอบการ และการนำร่องลดปริมาณขยะอาหารใน 4 ศูนย์การค้าต้นแบบ รวมถึง มหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมภายใต้เครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดจะร่วมเป็นพลังสำคัญในการผลักดันสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมทั้งในระดับองค์กรและสังคมไทยโดยรวม เพื่อร่วมกันสร้างสังคมการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า “ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเพื่อลดปัญหาขยะอาหาร (Food Waste) ที่นำร่องโดย 15 หน่วยงานนั้น นอกจากเป็นการขับเคลื่อนการผลิตและบริโภคอาหารอย่างยั่งยืนแล้ว ยังเป็นการสื่อสารองค์ความรู้เพื่อสร้างความตระหนัก ตื่นรู้ และผลักดันต่อสาธารณะชนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคอาหารอย่างสมดุลและยั่งยืน ข้อมูลปี 2567 ขยะอาหาร (Food Waste) มีปริมาณสูงถึง 10.24 ล้านตัน โดยมีอาหารที่ยังบริโภคได้ถึงร้อยละ 40 ดังนั้น ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเพื่อลดขยะอาหาร จึงเป็นการลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับขยะตั้งแต่กระบวนการใช้ทรัพยากรในการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การขนส่ง การบริโภค และการจัดการขยะอย่างไม่จำเป็น รวมถึงลดผลกระทบต่อระบบนิเวศที่เสี่ยงต่อสุขภาพของคน เช่น โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร กลิ่นรบกวน เป็นต้น”

องค์กรที่เข้าร่วม 15 หน่วยงาน ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าซีคอน สยามพิวรรธน์ เซ็นทรัลพัฒนา เดอะมอลล์ เครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืนแห่งประเทศไทย กทม. กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สสส. สวทช. SDG. MOVE ไทยยูธกรุ๊ป TEI Thai SCP สผ. คพ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเดิมแจ้งเตือน 'ฝุ่นPM2.5' ผ่าน Cell Broadcast 'กทม.' โหมดส้ม

เริ่มแล้ว! แจ้งเตือน PM2.5 ผ่าน Cell Broadcast 'กรุงเทพฯ–ปริมณฑล' เข้าสู่โหมดสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 'รมว.สุชาติ' กำชับ ทส. ติดตามใกล้ชิด หลังแนวโน้มฝุ่นสะสมต่อเนื่องถึง 2 ธ.ค.

'มทภ.4' ระดม 400 นาย เร่งฟื้นฟู 'รพ.หาดใหญ่' ให้เสร็จวันนี้

'มทภ.4' กำชับทุกหน่วย-ทส. ระดมกำลังกว่า 400 นาย เร่งฟื้นฟูโรงพยาบาลหาดใหญ่ ปรับสภาพผิวจราจรโดยรอบให้เสร็จวันนี้ พร้อมลุยต่อถนนเส้นหลัก เปิดการจราจรให้ประชาชน ก่อนบิ๊กคลีนนิ่งเมืองทั้งหมด

‘ธารน้ำใจหลั่งไหลไม่หยุด’ รองโฆษกฯ ส่งต่อสิ่งของจำเป็นขึ้นเครื่องบิน ทส. ช่วยชาวใต้ แม้น้ำลดแล้วแต่ยังเดือดร้อนจำนวนมาก - รมว.สุชาติสั่งดูแลประชาชนต่อเนื่อง

นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ได้เป็นตัวแทนประชาชนจากหลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ส่งมอบสิ่งของจำเป็นและของใช้ประจำวัน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายลงแล้ว แต่ยังมีหลายครอบครัวที่ต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

‘สุชาติ’ กำชับ การช่วยเหลือประชาชนน้ำท่วมใต้ ต้องเป็นเอกภาพ .. สั่งศูนย์ฯ ทส. บูรณาการใกล้ชิดร่วมกองบัญชาการสั่งการ ค่ายเสนาณรงค์

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่ จ.สงขลา และพื้นที่ภาคใต้

กรมป่าไม้ ส่งสิ่งของที่รับบริจาคถึง อ.หาดใหญ่ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่แจกจ่ายให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากการที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และได้สั่งการให้ กรมป่าไม้จึงเร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือและยานพาหนะที่จำเป็นเร่งลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านการอพยพประชาชน การสนับสนุนด้านเสบียง และกำลังช่วยอย่างเต็มที่

ศูนย์ปฏิบัติการ ทส.ผนึกกำลัง! ลุยภารกิจ ‘Big Cleaning คืนความสุข’ คนสงขลา ระดมกำลังพล 780 นาย พร้อมรถบรรทุก-รถฉีดน้ำ อุปกรณ์ทำความสะอาดคืนพื้นที่ปลอดภัยให้ปชช.ตามสั่งการ ‘รองนายกฯ สุชาติ’

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ระดมสรรพกำลังครั้งใหญ่ ร่วมปฏิบัติภารกิจ "Big Cleaning คืนความสุข" เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยในจังหวัดสงขลา หลังน้ำลด ตามการสั่งการของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนภารกิจ ทส.1 เดียวผ่านศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ศป.ทส.)