
1 ก.ค. 2568 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ในหัวข้อ
ภูมิคุ้มกันประชาธิปไตย
ป้องกันรัฐประหาร คือยุบสภา-ลาออก
มีหลายฝ่ายวิเคราะห์ถึงทางออกของสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า ทางออกของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี อาจจะมีทางออกอยู่3ทาง คือ 1.นายกรัฐมนตรีลาออก เพื่อสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ 2.นายกรัฐมนตรียุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชนเพื่อเลือกตั้งครั้งใหม่ 3.เมื่อการเมืองถึงทางตัน นายกรัฐมนตรีไม่ยอมยุบสภา ไม่ยอมลาออก จะทำงานต่อไป มีมวลชนประท้วงกัน บ้านเมืองถึงทางตัน อาจจะมีอำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง
ซึ่งทั้ง3แนวทางนี้ มีเพียง2แนวทางเท่านั้น ที่เป็นไปตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ คือการยุบสภาหรือลาออก ส่วนการรัฐประหาร เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผิดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่สามารถกระทำได้
นอกจากนี้ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงทางออกว่า ระหว่างการยุบสภากับลาออก อะไรเป็นทางออกที่ดีกว่ากัน เพราะการชุมนุมของกลุ่มรวมพลังเพื่อแผ่นดิน มีข้อเรียกร้องให้นางสาวแพทองธารลาออก และเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว ไม่มีการพูดถึงเรื่องการยุบสภาแต่อย่างใด
แต่ถ้าหากดูความคิดเห็นของประชาชน ผ่านผลการสำรวจของ TSU POLL ของมหาวิทยาทักษิณ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 67% ต้องการให้ยุบสภา มี 30% ต้องการให้ลาออก มีเพียง 3% เท่านั้นที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีอยู่ต่อ ถ้าสอบถามความเห็นของประชาชนทั้งประเทศ เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน
แต่ในขณะเดียวกันมีบางฝ่าย บางคนบอกว่า การยุบสภาจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง คือจะเสียเวลาไปประมาณ 4-6 เดือน โดยยกตัวอย่างการยุบสภาในสมัย ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี กว่าจะได้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ใช้เวลา 4-6 เดือน
แต่สำหรับผมเห็นว่าการยุบสภาเป็นทางออกที่ดีที่สุด แม้ว่าจะเสียเวลาไปบ้าง แต่เป็นการเริ่มต้นใหม่ นับหนึ่งใหม่สำหรับวิกฤตทางการเมืองที่เกิดขึ้น มีการล้างไพ่ ล้างกระดานการเมือง พรรคการเมืองสลายขั้ว มีการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีขึ้นมาใหม่
ส่วนประเด็นเรื่องการทำให้ พรบ.งบประมาณฯล่าช้า จะมีผลทางเศรษฐกิจ ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะถ้าไม่มีพรบ.งบประมาณฉบับใหม่ใช้ ก็สามารถให้นำพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ผ่านมา นำมาใช้โดยอนุโลม จึงไม่ไม่เป็นปัญหา ไม่เกิดสูญญากาศใดๆทั้งสิ้น
มีหลายฝ่ายออกมาปฏิเสธ เรื่องยุบสภาซึ่งเป็นเหตุผลทางการเมือง คือ 1.กลัวมีการได้เปรียบเสียเปรียบกันระหว่างพรรคการเมือง 2.กลัวว่าจะมีการใช้เงินทุนกันจำนวนมาก พรรคการเมืองหลายพรรค ยังไม่มีความพร้อมในเรื่องเงินทุน 3.อาจจะเกิดกระแสแบ่งฝ่ายเหมือนกับการเมืองปี 2535 ที่เกิดกระแสพรรคเทพ-พรรคมาร ซึ่งตอนนี้อาจจะเกิดเป็นพรรครักชาติ-พรรคขายชาติก็ได้
หลังจากม็อบรวมพลังแผ่นดินได้ผ่านการชุมนุม และมีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ทำให้หลายฝ่ายพูดถึงการเปิดทางให้มีการประหาร ซึ่งหลายฝ่ายออกมาประกาศต่อต้าน เพราะการรัฐประหารเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และเป็นกระบวนการนอกรัฐธรรมนูญ แต่ภูมิคุ้มกันประชาธิปไตย และป้องกันรัฐประหารที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือนายกรัฐมนตรีลาออก หรือประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชนเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดเบื้องลึก! ทำไมคน 'ปชป.' แห่กันลงปาร์ตี้ลิสต์
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ปัญหาปาร์ตี้ลิสต์ของประชาธิปัตย์
เทพไท เสนอ กกต. หยุดทำประชามติ MOU43-44 และไม่อนุมัติคนละครึ่งเฟส 2
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ข้อเสนอแนะต่อ กกต.และรัฐบาล
'เทพไท' ชี้ไทยกำลังเสียเปรียบในเวทีสากล แนะอนุทินต้องทำตัวอ่อนนอกแข็งใน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ไทย ต้องชนะกัมพูชา และเวทีสากล
'เทพไท' ชงบันได 3 ขั้น แก้ภัยคุกคามจากเขมร
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "3 ข้อเสนอ แก้ปัญหาภัยคุกคามจากเขมร" โดยระบุว่า
เทพไท เสนอแนะ 6 ข้อ จี้อนุทินหนุนทหารสู้รบตามยุทธวิธีอย่างเต็มที่
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์คลิปพร้อมข้อความลงบนเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ระบุว่า 6 ข้อเสนอ ต่อ อนุทิน
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ

