'ผู้ตรวจการแผ่นดิน' อ้างไม่เคยวินิจฉัย 'รับรอง' ทักษิณป่วย แจงยิบถูกล่าชื่อถอดถอน

"ทรงศัก สายเชื้อ" ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตั้งโต๊ะแถลงปมถูกล่าชื่อถอดถอนพ้นตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน อ้างไม่เคยมีคำวินิจฉัยให้การรับรองส่งตัว "ทักษิณ" นอนชั้น 14 บอกไม่ใช่แพทย์ ไม่สามารถตัดสินเรื่องเจ็บป่วยได้ พร้อมรับการตรวจสอบทุกรูปแบบ อุปฟ้องกลับคนล่าชื่อถอดถอน รอดูกระแสหลังชี้แจง เชื่อสังคมเข้าใจ

15 กันยายน 2568 - ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงข่าวกรณีมีการล่ารายชื่อถอดถอนนายทรงศักดิ์ สายเชื้อออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินมีคำวินิจฉัยให้การรับรองการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ว่าชอบด้วยกฎหมาย ว่า ตนขอยืนยัน เรื่องชั้น 14 นั้นมีการส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามาที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจำนวน 5 เรื่อง ช่วงเดือนต.ค 2566 ซึ่งผู้ตรวจฯ ได้ตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงจนมีมติ เดือนเม.ย.2567 ใช้เวลา 6-7 เดือน ถือเป็นการตรวจสอบตามกระบวนการปกติ

โดยในประเด็นเรื่องการเจ็บป่วยของนายทักษิณ ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้สอบถามไปยังโรงพยาบาลตำรวจกรมราชทัณฑ์ ทั้ง 2 หน่วยงาน ระบุว่าไม่สามารถให้ข้อมูลสุขภาพได้โดยอ้างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หลายฉบับว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งผู้ตรวจฯ ก็ไม่มีอำนาจในการไปสั่งให้เปิดเผยได้ และผู้ตรวจฯ ทราบว่า มีเรื่องดังกล่าวไปร้องต่อแพทยสภา เกี่ยวกับการใช้ดุลยพินิจในการรักษาของแพทย์ ซึ่งแพทยสภาเป็นหน่วยงานตรงในการดูแลด้านสุขภาพและจริยธรรมแพทย์ ผู้ตรวจฯ จึงมีคำวินิจฉัย ว่าเมื่อมีผู้ร้องเรียนเรื่องดังกล่าวไปยังแพทยสภาแล้ว ผู้ตรวจฯ จึงไม่อาจก้าวล่วงในกรณีดังกล่าวได้ และเพื่อให้เกิดความโปร่งใสเป็นธรรมหากแพทยสภามีความเห็นในเรื่องนี้ เป็นประการใด ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นั้นได้ชี้แจงข้อมูลให้สาธารณชนทราบ

นายทรงศัก กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผู้ตรวจฯ ยังเห็นว่าเพื่อให้การปฏิบัติงานของกรมราชทัณฑ์ เรือนจำ ทัณฑสถาน โรงพยาบาลในสังกัดกรมราชทัณฑ์ทุกแห่ง ปราศจากข้อเคลือบแคลงสงสัยเกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคล ใดบุคคลหนึ่ง และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สาธารณะจึงมีข้อเสนอแนะ เชิงมาตรการเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ ว่าในกรณีแพทย์ผู้รักษาเป็นผู้รับรองว่ามีเหตุเจ็บป่วย ที่ต้องรักษาตัวนอกเรือนจำ และผู้ต้องขังได้รับการพักรักษาตัวนอกเรือนจำเกิน 120 วัน เสนอให้แก้กฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวเรือนจำพ.ศ 2563 ให้มีคณะกรรมการ เพื่อดำเนินการร่วมตรวจวินิจฉัยและให้ความเห็น กรณีผู้บัญชาการเรือนจำใช้ดุลยพินิจ ให้ผู้ต้องขังรักษาตัวนอกเรือนจำ เสนอให้กำหนดไว้ในกฎกระทรวง โดยให้ผู้บัญชาการเรือนจำ บันทึกการใช้ดุลยพินิจ ไว้ในระบบของเรือนจำเพื่อการตรวจสอบ หากมีผู้ประสงค์ขอข้อมูล ให้ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

"ยืนยันว่าการวินิจฉัยของผู้ตรวจฯ ไม่เคยรับรองและไม่เคยปรากฏการรับรอง การเจ็บป่วยของนายทักษิณแต่อย่างใด และเราไม่เคยได้รับข้อมูลสุขภาพของนายทักษิณ เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอ้างกฎหมาย ที่เป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้ป่วย ซึ่งผู้ตรวจฯ ไม่มีอำนาจไปสั่งให้เขาเปิดเผยข้อมูลได้" นายทรงศัก กล่าว และว่า ส่วนประเด็นคำถามว่าเหตุใดจึงไม่มีการตัดผมนายทักษิณหลังเข้าเรือนจำ เรื่องนี้ทางผู้ตรวจก็ได้มีการสอบถามและได้รับคำชี้แจงว่าตามระเบียบการตัดผมนักโทษ จะดำเนินการภายในระยะเวลา 7 วันหลังเข้าเรือนจำ แต่นายทักษิณ อยู่ไม่ถึงระยะเวลาดังกล่าว

เมื่อถามว่า ตั้งแต่รับเรื่องร้องเรียน เมื่อเดือนต.ค.2566 แต่เพิ่งมาชี้แจงเอาในวันนี้ เพราะมีการแทรกแซงกดดันหรือไม่ นายทรงศัก กล่าวว่า ยอมรับว่าชี้แจงน้อยไปหน่อยในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม ยืนยัน ว่าไม่มีผู้มีอำนาจหรือใครเข้ามาแทรกแซงกดดันไม่ให้ออกมาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด แม้แต่จะมีใครมาพูดคุยติดต่อกับตนหรือคณะทำงานนั้นก็ไม่มี เราทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ ทำตามกระบวนการเหมือนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนอื่นๆ ไม่มีการแทรกแซงกดดัน เราว่าไปตามดุลยภาพและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คำวินิจฉัยที่ออกมาอยู่บนหลักการและเหตุผลที่ไม่ได้เอนเอียงไปทางใด เราให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

สำหรับกรณีมีผู้ร่วมลงชื่อถอดถอนตนนั้น ตนรับฟังความคิดเห็นของทุกคน ไม่ก้าวล่วง และพร้อมที่จะรับการตรวจสอบในรูปแบบต่างๆ และระหว่างนี้ก็คอยสังเกตการณ์และดูว่าผลจากการสื่อสารในวันนี้ ทางฝ่ายที่ยังมีความไม่เข้าใจนั้น จะเป็นอย่างไรและเราจะดำเนินการอย่างไรหรือไม่นั้นก็ดูก่อนส่วนประชาชนทั่วไปเชื่อว่าเมื่อได้รับฟังคำชี้แจงแล้วจะมีความเข้าใจมากขึ้น ย้ำว่าการที่ออกมาพูดในวันนี้ไม่ใช่เป็นการแก้ตัวหรือแก้ต่างเพราะการพูดก่อนหรือพูดหลังไม่ได้มีนัยยะสำคัญ ที่สำคัญคือข้อมูลข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

"บางคนอาจจะเข้าใจว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับรองเห็นชอบ ซึ่งก็ต้องเรียนว่าการยุติเรื่องคือมีการดำเนินการตรวจสอบแสวงหาข้อเท็จจริง มีมติและข้อเสนอแนะ ในเรื่องนั้นๆแล้วเสร็จ จึงได้ยุติเรื่องแต่ไม่ใช่การรับรอง ซึ่งก็จะทำเช่นนี้ในทุกๆคำร้อง" นายทรงศัก กล่าว และว่า ก่อนหน้า มีได้ส่งคำชี้แจงให้กับ นางวิรงรอง ทราบแล้วเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามกรณีมีผู้ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้ตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีเหตุผลอะไร หรือแรงจูงใจอย่างไร เป็นเรื่องที่เรากำลังดูอยู่ แต่การทำงานของเราโปร่งใสชัดเจน

เมื่อถามว่า เหตุใดก่อนหน้านี้จึงไม่มีการชี้แจงความคืบหน้าของการดำเนินการตามคำร้องนี้ นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า ยอมรับว่าอาจจะไม่ได้เล่าให้กับสังคมฟัง แต่หลังจากที่มีมติ ผู้ร้องเรียนก็ได้มีการนำข้อมูลไปเผยแพร่ และไม่ได้มีการโต้แย้งกลับเข้ามายังผู้ตรวจการแผ่นดิน ประกอบกับสถานการณ์ในช่วงนั้นค่อนข้างมีความร้อนแรง จึงเห็นว่าการดำเนินการก็ควรจะทำให้แล้วเสร็จก่อน

เมื่อถามว่าเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจการแผ่นดินที่ไปชั้น 14 ได้เจอตัวในทักษิณจริงๆหรือไม่ นายทรงศัก กล่าวว่าเท่าที่ได้รับรายงาน เจ้าหน้าที่ต้องการไปตรวจสภาพของชั้น 14 เนื่องจากมีการร้องเรียนว่า มีการเจ็บป่วยจริงหรือไม่และพักอยู่ที่ชั้น 14 จริงหรือไม่ โดยในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้มีการไปประชุม กับเจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจเมื่อแล้วเสร็จก็ขอขึ้นไปดูสถานที่ชั้น 14 ก็พบว่า มีเจ้าหน้าที่ของราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงนายทักษิณนอนอยู่ภายในห้อง โดยเป็นการมองผ่านกระจกเข้าไป แต่ไม่มีรายละเอียดว่าได้มีการติดตั้งอุปกรณ์การแพทย์ตามตัวหรือไม่

เมื่อถามว่า เนื่องจากประธานผู้ตรวจการแผ่นดินใกล้พ้นตำแหน่ง ท่านในฐานะ เป็นแคนดิเดตประธานคนใหม่ มองว่าการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการดิสเครดิตหรือไม่ หรือจะกระทบกับความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งหรือไม่ นายทรงศักดิ์ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่สังคมต้องตัดสิน เชื่อว่าประชาชนจะมีวิจารณญาณหลังได้รับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ แล้ว อันนี้ยืนยันว่าได้มีการส่งคำวินิจฉัยให้กับผู้ร้องเรียนที่มีเข้ามา 5 คำร้องเรียนแล้วส่วนดร.วิรงรองไม่ใช่ผู้ร้องแต่เราก็ได้ทำการชี้แจง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการแถลงข่าวของนายทรงศักซึ่ง มีการไลฟ์สดของ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ปรากฏว่านางวิรงรอง ได้เข้ามารับชมและ ยืนยันว่าตนเองเป็นหนึ่งในผู้ร้องเรียน พร้อมตั้งคำถามว่า หลังจากแพทยสภามีมติแล้ว ได้ทำหนังสือโต้แย้งคำวินิจฉัยของผู้ตรวจฯ ไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ดังนั้นทำไมผู้ตรวจฯจึงไม่ยอมรับคำโต้แย้งของตนและนำข้อมูลของแพทยสภาไปพิจารณาทบทวน คำวินิจฉัยของผู้ตรวจที่ออกมาก่อนหน้านั้น ซึ่งจะทำให้คำวินิจฉัยของผู้ตรวจไม่ขัดกับคำพิพากษาของศาลฎีกา

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้งานเฟสบุ๊ค จำนวนหนึ่งเข้ามารับฟัง คำแถลงและแสดงความคิดเห็น ตำหนิการทำงานของผู้ตรวจเกี่ยวกับการวินิจฉัยข้อร้องเรียนชั้น 14 และเห็นว่า ผู้ตรวจควรติดคุกไปพร้อมกับนายทักษิณ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภูมิธรรม' โยนใครมีอำนาจก็ทำไป หลัง ปปช. เสนอ ครม.ทบทวนระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ

"ภูมิธรรม" บอกไม่เป็นไร ป.ป.ช. เสนอทบทวนระเบียบราชทัณฑ์ "คุมขังนอกเรือนจำ" กันเอื้อประโยชน์นักโทษ ตรงจังหวะ “ทักษิณ” จำคุก

นอนชั้น14อ้างป่วยวิกฤต! 'ทักษิณ' นอนคุกคลองเปรมคืนที่ 3 ความดันขึ้น แต่อิ๊งค์บอกไม่รู้เลย

"แพทองธาร" บอกเข้าเยี่ยม "ทักษิณ" ได้เมื่อไหร่ก็จะไปเยี่ยม หลังครบกำหนดกักโรค 5 วัน จันทร์ 15 ก.ย.

นักการเมืองมีหนาว! ป.ป.ช. คัดคำสั่งศาลฎีกาฯ ไต่สวนจนท.รัฐ เอื้อ 'ทักษิณ' นอนชั้น 14 เล็งขยายผลเพิ่ม

ป.ป.ช. คัดคำสั่งศาลฎีกาฯฉบับเต็ม ใช้ประกอบไต่สวนคดี 12 จนท.รัฐเอื้อ “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ เผย มีอำนาจตรวจสอบ หาก “แม้ว” เอี่ยวสนับสนุน จนท.รัฐ ยัน เร่งดำเนินการ เหตุสำคัญ ปชช.สนใจ

สว.โอ่ผลงานเห็นชอบกฎหมาย 5 ฉบับแล้ว!

'พิสิษฐ์' แจงผลงาน สว.เห็นชอบกฎหมายแล้ว 5 ฉบับ พร้อมไฟเขียวให้ 'พล.ต.ท.สรายุทธ' นั่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน บอกยังไม่คุยแนวทางการทำประชามติ เหตุต้องรอศาล รธน.ชี้ขาดก่อน

'ชาญชัย' ขอบคุณ 'ทักษิณ' คิดถูกแล้วกลับมารับโทษจำคุก

“ชาญชัย” แจงเหตุศาลสั่งบังคับโทษจำคุก”ทักษิณ” 1 ปี ปมชั้น 14 รพ.ตำรวจ เป็นผู้สนับสนุนหรือตัวการ รู้อยู่แล้วว่าไม่ได้ป่วย ยังไปอยู่เบื้องหลังการกระทำความผิด "สมชาย" เผยต้องขยายผลจากคำพิพากษาหาตัวผู้ร่วมกระทำความผิด