16 ต.ค.2568 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ “รัฐบาลอนุทินอยู่ไม่ครบ 4 เดือน?” ระบุว่า มีการวิเคราะห์กันไปต่างๆนานา ว่าอายุของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล จะอยู่ครบ 4 เดือน ตามที่ได้ลงนามใน MOA กับพรรคประชาชนหรือไม่ และนายอนุทินได้ประกาศว่า จะยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 อย่างแน่นอน แต่อาจจะมีเหตุที่ทำให้รัฐบาลของนายอนุทิน ต้องยุบสภาก่อนกำหนดไว้ในวันที่ 31 มกราคม 2569 ก็มีความเป็นไปได้สูง ซึ่งรัฐบาลของนายอนุทิน ก็พยายามจะทำทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยง อาจจะเกิดอุบัติเหตุจนยุบสภาเร็วกว่ากำหนดก็เป็นไปได้
แต่ก่อนที่จะมีการยุบสภา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น รัฐบาลอนุทินจะต้องทำอย่างน้อย 3 เรื่องนี้ ให้สำเร็จเสียก่อน คือ
1.ต้องทาบทามดึงตัว สส.จากพรรคการเมืองต่างๆ เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยให้ได้มากที่สุด จะต้องเคลียร์พื้นที่ทับซ้อนของ สส. เขตที่ย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยให้เป็นที่เรียบร้อย และดึง สส.ในระบบเขตจากบ้านใหญ่ให้ได้มากที่สุด จะเห็นการเปิดตัว สส. อดีต สส.หรือสมาชิกใหม่ที่เข้าสังกัดพรรคภูมิใจไทยเป็นรายวัน ซึ่งพรรคภูมิใจไทยต้องการจะได้ สส.จำนวน 120 คนตามเป้าหมาย
2.จะต้องโยกย้ายข้าราชการที่เอื้อประโยชน์ หรือเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งให้ครบหมดทุกตำแหน่งเสียก่อน ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศ สัปดาห์แรกย้ายข้าราชการกระทรวงการคลังชุดใหญ่ สัปดาห์ถัดมาโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย 45 ตำแหน่ง โดยอ้างเหตุผลเรื่องคืนความเป็นธรรม และเพื่อความเหมาะสม ซึ่งในข้อเท็จจริงเป็นการจัดระเบียบอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดและข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้งมากที่สุด
3.รัฐบาลจะต้องผลักดันโครงการประชานิยมเฉพาะหน้า หรือระยะสั้นให้สำเร็จ เท่าที่เห็นอยู่คือ โครงการคนละครึ่ง จะเปิดลงทะเบียนในปลายเดือนตุลาคมนี้ และจะเปิดใช้จนถึงสิ้นปี รวมถึงเรื่องลดค่าโดยสาร หรือค่าเดินทางของประชาชน โดยกำชับให้กระทรวงคมนาคมไปหาแนวทางช่วยเหลือประชาชน ซึ่งยังไม่รวมถึงนโยบายประชานิยมอื่นๆ ถ้าหากทำสำเร็จแล้ว รัฐบาลก็พร้อมจะตัดสินใจยุบสภา
การที่รัฐบาลจะยุบสภาก่อนกำหนด หรือตามกำหนดวันที่ 31 มกราคม 2569 รัฐบาลจะต้องทำ 3 เรื่องนี้เป็นอย่างน้อย และไม่ว่าเห็นเค้าลางจากการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมติรัฐสภาได้เห็นชอบร่างของพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน โดยการสนับสนุนของ สว.สายสีน้ำเงิน เป็นการแสดงน้ำใจให้กับพรรคประชาชน แต่ในที่สุดเมื่อมีการเลือกจะใช้ร่างของพรรคการเมืองใดเป็นร่างหลักในการพิจารณา จากการลงมติพบว่า พรรคประชาชนจับมือกับพรรคเพื่อไทย เอาชนะร่างของพรรคภูมิใจไทยไปได้ โดยยึดร่างหลักของพรรคประชาชน 300 เสียงต่อ 287 เสียง
ซึ่งนี่เป็นสัญญาณให้เห็นว่า เสถียรภาพของรัฐบาลเสียงข้างน้อยของนายอนุทินง่อนแง่น และไม่มีหลักประกันว่าจะอยู่รอดได้ ถ้าหากพรรคฝ่ายค้าน 2 พรรค คือพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยจับมือกัน ตรวจสอบ เอาจริงเอาจัง และดำเนินการกดดัน รัฐบาลอนุทินอาจจะต้องยุบสภาก่อนเวลาที่กำหนดไว้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จุลพันธ์' ตอก ปชน. พูดไปคนละทางปมยื่นซักฟอกรัฐบาล
“จุลพันธ์” เย้ยพรรคประชาชนพูดกันไปคนละทาง บอกไม่แปลกใจ “ศิริกัญญา” มองยังไม่ร้ายแรงพอยื่นซักฟอกรัฐบาล แนะ ปชน.คุยกันในพรรคเอาให้ชัด รับ “เท้ง” นัดคุยคาดถกแก้ รธน.
'อนุทิน' ฮึ่ม! หยุดทุกข้อตกลงกัมพูชา เตรียมบินศรีสะเกษ 11 พ.ย. รัฐบาลลั่นไม่มีอ่อนข้อ
นายกฯลั่นสิ่งที่ดำเนินการมาโดยตลอด ณ ตอนนี้จะหยุดจนกว่าจะมีความชัดเจน หลังทหารไทยโดนทุนระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา
นายกฯ สั่ง 'กลาโหม-บัวแก้ว' ประท้วงไป IOT เหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน
นายกฯ สั่ง กลาโหม-กต. ประท้วง เหตุทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน ไปยัง IOT กำชับดำเนินการให้ถึงที่สุด พร้อมสั่งเร่งช่วยเหลือ -รายงานความคืบหน้าต่อเนื่อง
นายกฯ เยี่ยมรร.เก่าอัสสัมชัญ ย้อนความหลังวัยขาสั้น ร่วมเป่าแซกโซโฟนกับรุ่นน้อง
‘นายกฯหนู’ เยี่ยมรร.เก่าอัสสัมชัญ ย้อนความหลังวัยขาสั้น แนะเด็กตั้งใจเรียนตอบแทนแผ่นดิน บอกอยากเป็นนายกฯต้องตั้งเข็มทุ่มเต็มที่ ก่อนร่วมเป่าแซกโซโฟนกับรุ่นน้อง
ฟันธง! สถานการณ์บีบ 'ปชน.' ต้องยื่นซักฟอก ยอมทิ้งแก้รธน.
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สุดท้าย พรรคส้ม ต้องยื่นซักฟอกรัฐบาล

