22 พฤศจิกายน 2568 - นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กว่า ทุนเทาทำลายกระบวนการยุติธรรมไทย
ก่อนหน้านี้มีแต่เสียงซุบซิบนินทา วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมไทยทั้งระบบ ตั้งแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาลยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ไม่มีใครกล้าวิพากษ์วิจารณ์ หรือออกมาเปิดโปงถึงความล้มเหลวในกระบวนการยุติธรรมของไทย บางส่วนก็เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีกับตัวเอง อาจจะถูกฟ้องร้อง อาจจะเป็นการละเมิดต่อกระบวนการยุติธรรมไทยบ้าง แต่จนถึงบัดนี้ ความล้มเหลวและความเน่าเฟะในกระบวนการยุติธรรมไทย ไม่สามารถจะปกปิดได้ เพราะมีการเปิดโปงแฉกันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำกับปลายน้ำ ที่มีข่าวโด่งดังอยู่ในขณะนี้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ เป็นองค์กรที่บังคับใช้กฎหมายที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ถูกข้อครหาว่า เป็นหน่วยงานที่เรียกรับผลประโยชน์ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็ปพนันออนไลน์ รับเงินจากธุรกิจสีเทากันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน มีการตั้งข้อกล่าวหาได้รับผลประโยชน์จากกระบวนการแก๊งสีเทา ธุรกิจสีเทา ตั้งแต่ผู้บริหารสูงสุด คือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับล่างมากถึงจำนวน 240 คน
สำหรับคนที่ออกมาแฉเรื่องราวทั้งหมด รวมถึงกระบวนการซื้อขายตำแหน่ง รับเรียกเงิน ก็มาจากอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และบุคคลที่ติดตามเฝ้าติดตามการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติขาดความน่าเชื่อถือ เน่าเฟะ ไม่อยู่ในความศรัทธาของประชาชนเลย ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ผ่านหน้าสื่อ ในรายการต่างๆทุกช่องเป็นรายวัน มีคนติดตาม ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
ส่วนกระบวนการยุติธรรมปลายน้ำ คือกรมราชทัณฑ์ หรือเรือนจำ ล่าสุดกลับมีเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นมาอีก มีการค้ากาม มีการรับสินบนจากนักโทษกลุ่มจีนเทา มีการละเมิดระเบียบของกรมราชทัณฑ์ อำนวยความสะดวกให้กับนักโทษที่เป็นแก๊งจีนเทา ตั้งแต่เรื่องอำนวยความสะดวกเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้า การกินอยู่อย่างดี รวมไปถึงมีการจ้างนางแบบ ดาราจากต่างประเทศมาบริการให้กับนักโทษวีไอพี หรือนักโทษแก๊งจีนเทา มีการตอบแทนกันด้วยวงเงินสูงอย่างมหาศาล ซึ่งนักโทษจีนเทาหรือนักโทษวีไอพี นักโทษคนรวยเหล่านี้ ก็สามารถใช้เงินฟาดเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ดูแลกระบวนการยุติธรรมปลายน้ำ อย่างผู้บัญชาการเรือนจำ ผู้คุมได้อย่างง่ายดาย เป็นความอัปยศอดสูเป็นอย่างยิ่ง ที่เรือนจำซึ่งเป็นสถานที่คุมขังนักโทษ กลับรับประโยชน์จากนักโทษ เพื่อแลกกับการอำนวยความสะดวกในทุกๆด้าน สร้างความเสื่อมเสีย ทำลายชื่อเสียงของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งเรื่องดังกล่าวกำลังถูกตีแผ่ไปยังข่าวสารระดับโลก และมีการขุดคุ้ย ยิ่งขุดยิ่งเจอ ยิ่งคุ้ยยิ่งพบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะวางเฉย หรือปล่อยประละเลยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
ส่วนกระบวนการยุติธรรมกลางน้ำ คือสำนักงานอัยการสูงสุดและศาลยุติธรรม แม้ว่าบัดนี้ยังไม่มีข่าวใหญ่หรือข่าวฉาวโฉ่ออกมาก็ตาม แต่ที่ผ่านมาก็มีข่าวอยู่บ้างว่า มีการประพฤติที่ไม่ชอบมาพากลแบบผิดกฎหมาย จนมีเหตุให้ระดับรองอัยการสูงสุดถูกดำเนินคดี ถูกจำคุกมาแล้ว ในศาลยุติธรรมื ก็มีผู้พิพากษาระดับสูงถูกสอบ ถูกให้ออกจากราชการ ถูกไล่ออกก็เห็นอยู่บ้างเช่นกัน
เพราะฉะนั้นพูดได้เลยว่า กระบวนการยุติธรรมไทยทั้งระบบ เน่าเฟะ ต้องสังคายนาใหม่ ซึ่งไม่ควรที่จะปล่อยเรื่องเหล่านี้ให้เป็นคลื่นกระทบฝั่ง รัฐบาลในฐานะผู้รับผิดชอบและผู้บริหารประเทศ จะต้องเป็นเจ้าภาพในการสังคายนาหรือปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมไทยทั้งระบบ ก่อนที่กระบวนการยุติธรรมไทย จะล่มสลายไปในความเชื่อถือ และศรัทธาของประชาชนและชาวโลก