ปปง. ยึด–อายัดทรัพย์พุ่งกว่า 1.01 หมื่นล้าน สกัดเส้นทางเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์–ฟอกเงินดิจิทัล เชื่อมโยงกัมพูชา ครอบคลุมเครือข่าย Prince Group,ก๊ก อาน,ยิม เลียก,เบน สมิธ
3 ธันวาคม 2568 - สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2568 เกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธุรกรรมในการยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีสำคัญที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการสแกมเมอร์ (Scammer) โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 10,165 ล้านบาท
นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. และโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. เปิดเผยว่า การดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2568 ที่กำหนดให้เรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็น “วาระแห่งชาติ” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างเข้มข้น ทั้งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเฉียบขาด การบูรณาการข้อมูลเพื่อตัดเส้นทางการเงิน และการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึง AI ในการตรวจจับเส้นทางเงินเพื่อสกัดก่อนเกิดเหตุ
ปปง. ได้สืบสวนขยายผลและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อปราบปรามการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ ซึ่งมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะภัยจากมิจฉาชีพที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชน (แก๊ง Call Center) และการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ
คณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 13/2568 เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2568 ให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีสำคัญรวม 4 คดีหลัก และมีการยึดทรัพย์สินเพิ่มเติมในคดีหนึ่ง ดังนี้
1. รายคดี นายเฉิน จื้อ กับพวก (Prince Holding Group) เครือข่ายนี้เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงออนไลน์ การค้ามนุษย์ และการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล โดยมีฐานใหญ่อยู่ในราชอาณาจักรกัมพูชา การฟอกเงินใช้วิธีเปลี่ยนสภาพระหว่างเงินตราในประเทศกับสินทรัพย์ดิจิทัล มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สิน จำนวน 102 รายการ (เช่น ที่ดิน เงินสด สินค้าแบรนด์เนม และเครื่องประดับ) รวมมูลค่าประมาณ 373 ล้านบาท
2. รายคดี นายก๊ก อาน (MR.KOK AN) กับพวก เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและฟอกเงินที่มีศูนย์ปฏิบัติการในกัมพูชา เช่น อาคาร 25 ชั้น, อาคาร 18 ชั้น, อาคาร Hiso และอาคาร Crown Casino ขบวนการนี้มีการใช้บัญชีม้าในการทำธุรกรรม และมีการรับโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดมาซื้อทรัพย์สินในประเทศไทย
มีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 90 รายการ (เช่น ที่ดิน และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 467 ล้านบาท
3. รายคดี นางสาวแตงไทยฯ กับพวก เกี่ยวข้องกับกรณีการหลอกลวงผู้เสียหายโดยอ้างว่าผู้เสียหายต้องถูกตรวจสอบ และใช้อุบายหลอกให้โอนเงินเพื่อ "ยืนยันความบริสุทธิ์" นางสาวแตงไทยฯ ยังเชื่อมโยงกับ นายยิม เลียก หรือ MR. LEAK YIM ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดทายาทเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในกัมพูชา ซึ่งเป็นเครือข่ายสแกมเมอร์
4. รายคดี นายเบน สมิธ (MR. SMITH BEN) กับพวก กรณีนี้เป็นพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน มีการโอนเงินไปมาระหว่างบริษัทต่างๆ ในประเทศและต่างประเทศ และใช้บริษัทในการถือครองทรัพย์สินแทนตนเอง คณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 66 รายการ (เช่น ที่ดิน ห้องชุด หลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 9,279 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในรายคดีของนายเบน สมิธ เลขาธิการ ปปง. ได้ใช้อำนาจสั่งยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน โดยยึดยานพาหนะรวม 3 รายการ ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ ZEEKR รุ่น ZEEKR 009, รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ FERRARI รุ่น 488 GTB, และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ PORSCHE รุ่น CAYENNE S E-HYBRID COUPE ซึ่งทรัพย์สินทั้งสามรายการอยู่ระหว่างการประเมินราคา
5. รายคดี นายเอื้ออังกูรฯ กับพวก เกี่ยวข้องกับกลุ่มมิจฉาชีพที่ชักชวนให้ลงทุนเทรดหุ้นผ่านแอปพลิเคชัน ULELA Max เส้นทางการเงินพบว่ามีการนำเงินที่ได้จากการหลอกลงทุนไปเปลี่ยนแปลงเป็นเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (USDT) และโอนไปยังกระเป๋าดิจิทัล เชื่อมโยงไปยังเครือข่ายของกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติสัญชาติกัมพูชา
มีคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 31 รายการ (เงินสด และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าประมาณ 46 ล้านบาท
อนึ่ง คำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวเป็นคำสั่งชั่วคราวที่มีกำหนดไม่เกินเก้าสิบวัน หากผู้ถูกยึดหรือผู้มีส่วนได้เสียประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคำสั่ง สามารถยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อเลขาธิการ ปปง. ภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ราชกิจจาฯ ประกาศ ป.ป.ง. ‘บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง’
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเรื่อง บุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
'วิโรจน์' ขีดเส้น 2 สัปดาห์ต้องยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายคนไทยที่ร่วมขบวนการ 'เบนสมิธ' เพิ่มเติม
'วิโรจน์' ลั่น เส้นทางการเงินการลากคอคนไทยตัวใหญ่มาลงโทษสำคัญกว่าภาพถ่าย'เบนสมิธ' กับบุคลสำคัญ ร่วมกับ 'อนุทิน' ขีดเส้น 2 สัปดาห์ต้องยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายคนไทยที่ร่วมขบวนการได้เพิ่มเติมอีก
ตร.บางพลีบุกช่วยนศ. โดนแก๊งคอลฯอ้างเป็นDSI สูญเงิน 2 แสน
ตำรวจบางพลี บุกช่วยนักศึกษามหาวิทยาลัยดัง หลังโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก อ้างเป็นดีเอสไอ โอนเงินเกือบ 2 แสนบาท
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน


