นักโทษเปิดศึกในคุกเอกวาดอร์ ฆ่ากันตายอีก 68 ศพ

นักโทษจากแก๊งคู่อริเปิดศึกนองเลือดในเรือนจำเมืองกัวยากิลของเอกวาดอร์ ใช้ทั้งปืน, มีดและระเบิด ส่งผลให้ล้มตายอย่างน้อย 68 คน เผยคุกเดียวกันนี้เคยเกิดจลาจลนักโทษฆ่ากันตายถึง 119 คนเมื่อเดือนกันยายน

รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2564 อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ทางการเอกวาดอร์เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า สามารถควบคุมสถานการณ์ในเรือนจำลิตอรัลในจังหวัดกัวยาสไว้ได้แล้ว หลังจากเกิดการปะทะต่อสู้อย่างป่าเถื่อนเมื่อค่ำวันศุกร์ แล้วเกิดเหตุการณ์รุนแรงซ้ำอีกเมื่อเช้าวันเสาร์

ปาโบล อาโรเซเมนา ผู้ว่าราชการจังหวัดกัวยาส ที่มีกัวยากิลเป็นเมืองเอก กล่าวว่า จลาจลครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ เมื่อนักโทษพยายามเข้าแดน 2 ของเรือนจำที่นักโทษคู่อริถูกขังอยู่ โดยใช้อาวุธทั้งปืน, ระเบิด และมีดพร้าในการโจมตี ทำให้ตำรวจต้องเข้าควบคุมสถานการณ์

สำนักงานอัยการเอกวาดอร์โพสต์แถลงการณ์ทางทวิตเตอร์ว่า มีนักโทษถูกฆ่าตายอย่างน้อย 68 คน และบาดเจ็บอีก 25 คน

ต่อมา คาร์ลอส จิคอน โฆษกประธานาธิบดีกีเยร์โม ลัสโซ กล่าวว่า เกิดการต่อสู้กันรอบที่ 2 เมื่อวันเสาร์ เมื่อนักโทษจากอีก 2 แดนปะทะกัน ไม่นานหลังจากนั้นตำรวจบุกเข้าไปภายในและควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

อาโรเซเมนากล่าวว่า เหตุการณ์รุนแรงเมื่อวันศุกร์เริ่มต้นขึ้นเมื่อหัวหน้าแก๊งติเกโรเนส หนึ่งในแก๊งอาชญากรภายในเรือนจำแห่งนี้ ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ ทำให้แก๊งนี้ขาดหัวหน้า แก๊งอื่นๆ จึงได้ใจเข้าไปโจมตีเพื่อบดขยี้สมาชิกแก๊งนี้ เป้าหมายของนักโทษเหล่านี้คือบุกเข้าไปฆ่าหมู่

ที่ด้านนอกประตูเรือนจำเมื่อเช้าวันเสาร์ ญาติพี่น้องของนักโทษมารวมตัวกันเพื่อรอฟังข่าวของสมาชิกในครอบครัว บางคนเป็นลมหรือร้องไห้

เหตุการณ์รุนแรงในระบบทัณฑสถานของเอกวาดอร์ปีนี้ทำให้นักโทษเสียชีวิตแล้วมากกว่า 300 คน จลาจลเมื่อเดือนกันยายนเป็นการฆ่าหมู่ในคุกครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของภูมิภาคลาตินอเมริกา เมื่อนักโทษจากแก๊งค้ายาคู่อริเปิดศึกกันในเรือนจำแห่งเดียวกันนี้เมื่อวันที่ 28 กันยายน มีนักโทษเสียชีวิตถึง 119 คน

สองสัปดาห์หลังเหตุการณ์นั้น ประธานาธิบดีลัสโซประกาศภาวะฉุกเฉินนาน 60 วัน เพื่อพยายามควบคุมความไม่สงบที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่กำลังเพิ่มมากขึ้น.